สู้จริงเจ็บจริง

ห่างหายหน้าทางการเมืองไปนาน สำหรับ "เด็จพี่" พร้อมพงศ์  นพฤทธิ์  อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย หลังถูกตัดสิทธิ์รับตำแหน่งทางการเมือง เพราะถูกศาลตัดสินจำคุกในคดีหมิ่นประมาทเป็นเวลา1 ปี ตั้งแต่กลางปี 2559   และในปี 2569  จะพ้นการตัดสิทธิ์  เพราะรัฐธรรมนูญอนุญาตให้ผู้ที่พ้นโทษจำคุกมาแล้ว  10 ปีในคดีที่เกี่ยวกับเรื่องหมิ่นประมาท สามารถเป็น ส.ส. และรัฐมนตรีได้

แม้ไม่มีตำแหน่งทางการเมืองแต่บัดนี้ ก็เริ่มมีความเคลื่อนไหว อย่างไม่เป็นทางการ ในฐานะที่ปรึกษาของที่ปรึกษานายกฯ "พิชิต ชื่นบาน"  

ก่อนหน้านี้รับบทเป็น องครักษ์พิทักษ์ "เศรษฐา ทวีสิน" นายกฯ และ รมว.คลัง ในช่วงก่อนเป็นนายกฯ ที่ถูก  “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” อดีตนักการเมือง ออกแฉอย่างหนัก ปมผลประโยชน์ทับซ้อนเกี่ยวกับบริษัทแสนสิริหรือไม่   ด้วยการดิสเครดิตจอมแฉอย่าง "ชูวิทย์" กลับจนเป็นส่วนหนึ่งสร้างความเชื่อมั่นให้ แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย ได้รับเลือกจากรัฐสภาเป็น นายกฯ

ต่อมายังรับอำนาจจาก "พิชิต" ฟ้องหมิ่นประมาท  "สมชัย ศรีสุทธยากร" อดีตกกต.  พร้อมเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท หลังออกมาวิจารย์ทนายความของ "ทักษิณ ชินวัตร"

นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ชี้แจงข้อเท็จจริง เกี่ยวกับนโยบายของพรรคเพื่อไทย ให้สังคมรับทราบ รวมถึงตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามประเด็นการเมืองต่างๆอย่างถึงใจ ผ่านช่องทางโซเชียลฯ ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และคนรุ่นใหม่

สำหรับฉายา "เด็จพี่"  มีที่มาจากที่ “เทพไท เสนพงศ์” โฆษกประจำตัว "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะใช้เรียกระหว่างที่ เป็นโฆษกพรรคพรรคเพื่อไทย เพราะเคยเป็นดารา และเป็นที่รู้จักในละครจักรๆวงศ์ๆ  มาก่อนทำงานการเมือง ในช่วงที่พรรคเพื่อไทยยังเป็นไม้เบื่อไม้เมากับพรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา 

ปะหน้า "เด็จพี่"  ที่เหลืออีกประมาณ 2ปี กำลังพ้นการถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง จึงสอบถามถึงทิศทางการเมืองในอนาคตยังจะทำอยู่หรือไม่    "ผมอยู่เพื่อไทย เพราะหัวใจผมสีแดง และเชื่อว่าเพื่อไทยไม่มีวันสูญพันธุ์"   พร้อมพงศ์กล่าว 

สู้จริง เจ็บจริง เสียสิทธิ์จริง พรรคเพื่อไทย... คงไม่ทิ้งคนทำงานที่สู้แบบถวายหัว

ช่างสงสัย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อำลา‘ก.ท่องเที่ยวฯ’

เป็นช่วงเวลาของการอำลาตำแหน่งและการย้ายกระทรวงของบรรดารัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่บางคนต้องออกไปถาวร หรือบางคนแค่ย้ายกระทรวง ทำให้ช่วงนี้เห็นบรรยากาศอบอวลไปด้วยความอบอุ่นของบรรดาข้าราชการกระทรวงต่างๆ ที่จัดงานอำลาให้กับเจ้ากระทรวงของตัวเอง

ไม่ได้หมายถึงเรื่องใด

ช่วงปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา นั้นเป็นที่วิพาษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เมื่อ อ. ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม และ ศาสตราภิชานประจำคณะนิติศาสตร์

สายล่อฟ้า

ปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)เศรษฐา1/1 เกิดเหตุตามหลังมากกมาย ที่กล่าวขานกันมากก็กรณี “ปานปรีย์ พหิทธานุกร” ลาออกจากการเป็นรมว.ต่างประเทศ เรียกว่าทุกสายตาคอการเมืองพุ่งเป้าไปที่นั่น

“วันสบายๆ”

การเมืองช่วงนี้ร้อนแรงไม่แพ้กับอากาศจริงๆ เพราะนอกจากจะร้อนแล้วยังระอุไปทั่ว ทั้งประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ถึงรายชื่อรัฐมนตรี ทั้งพ้นความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี โดยมีชื่อที่คุ้นหน้าคุ้นตากันหลายชื่อ

บันทึกหน้า 4

ควันหลงการปรับ ครม.เศรษฐา 1/1 เกิดดรามามากมาย โดยเฉพาะจากคนที่ผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ที่พ้นกระทรวงสาธารณสุข กลับไปทำงาน สส. รวมถึงกรณี นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่หลุดจากตำแหน่งรองนายกฯ

นิ่งแบบนี้มีลุ้น

ช่วงตั้ง ครม.เศรษฐา 1 ใหม่ๆ หลายคนคาดการณ์ สมศักดิ์ เทพสุทิน คงนั่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีอยู่ทำเนียบรัฐบาลไม่นาน เพราะถนัดงานกระทรวงมากกว่า