เร่งปรับปรุงเส้นทางรถเมล์ทับซ้อน

โดยให้ ขสมก.ขอยกเลิกใบอนุญาตประกอบการขนส่งในเส้นทางเดิมของ ขสมก.ที่ทับซ้อนกับเส้นทางของผู้ประกอบการเดินรถเอกชนตามแผนปฏิรูประบบรถโดยสาร (รถเมล์) ประจำทางในเขตกรุงเทพฯ และจังหวัดที่มีเส้นทางต่อเนื่อง และคืนใบอนุญาตประกอบการขนส่งให้นายทะเบียนกลาง จำนวน 5 เส้นทาง

ขณะที่ กรมการขนส่งทางบกแจ้งถึงแผนปฏิรูปเดินรถรถโดยสารประจำทาง (รถเมล์) 77 เส้นทาง หลังจากกรมได้มีการคัดเลือกผู้ประกอบการเดินรถเพื่อออกใบอนุญาตจำนวน 3 ราย ประกอบด้วย บริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด, บริษัท เอ็กซา โลจิสติกส์ จำกัด และบริษัท ราชาโร้ด จำกัด ปัจจุบันพบว่าผู้ประกอบการทยอยบรรจุรถโดยสารใหม่เข้าบริการตามเส้นทางที่ได้รับสัมปทานแล้ว ซึ่ง ขบ.คาดการณ์ว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จตามแผนภายใน 3 เดือนนี้ โดยปัจจุบันเอกชนมีความพร้อมนำรถโดยสารใหม่ให้บริการเพิ่มเติมอีก 2,000 คัน

สำหรับการปฏิรูปรถเมล์เป็นไปตามแผน ผู้ประกอบการทยอยนำรถโดยสารใหม่เข้ามาให้บริการ ส่วนเส้นทางที่ ขสมก.ตรึงไว้ก็ต้องถอยออกให้แล้วเสร็จ และหลังจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของ ขสมก.ที่จะต้องไปปรับปรุงตัวเอง ส่วนเรื่องเส้นทางเดินรถใหม่ๆ ที่จะเปิดประมูลตอนนี้ยังไม่มีเพิ่มเติม แต่ ขบ.กำลังศึกษาปรับบางเส้นทางให้เข้าถึงชุมชนและจุดขนส่งหลักๆ เพื่อเป็นฟีดเดอร์ขนถ่ายผู้โดยสารให้มากขึ้น

โดยการปฏิรูปเส้นทางรถเมล์ ขบ.ต้องการปรับปรุงเส้นทางให้สามารถบริการผู้โดยสารต่อเนื่อง และเพื่อปรับเปลี่ยนคุณภาพการบริการ เน้นหลักเรื่องของบริการรถต้องได้มาตรฐาน มีจำนวนรถเพียงพอ มีระบบจัดการเดินรถตรงเวลา ไม่รอนาน ผู้พิการสามารถใช้บริการได้ รวมไปถึงต้องมีโครงข่ายเส้นทางครอบคลุมทั่วถึง เชื่อมต่อกับการขนส่งรูปแบบอื่น

ขณะที่ น.ส.กุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด (TSB) ผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะที่ใช้พลังงานสะอาด ให้ข้อมูลว่า ตามที่ ขสมก.แจ้งว่า ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.66 เป็นต้นไปจะยุติให้บริการเดินรถโดยสารปรับอากาศ (รถเมล์แอร์) จำนวน 5 เส้นทาง ซึ่งเป็นเส้นทางที่ทับซ้อนกับผู้ประกอบการเอกชน เพื่อเป็นไปตามนโยบายแผนการปฏิรูปรถเมล์ของกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กระทรวงคมนาคมนั้น บริษัท ไทย สมายล์ บัส ซึ่งเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตเดินรถจำนวน 5 เส้นทางดังกล่าวอย่างถูกต้อง ขอให้ความมั่นใจว่าได้มีการวางแผนรองรับความต้องการเดินทางประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ส่วนการให้บริการในทุกเส้นทางที่มีการเปลี่ยนแปลงตามนโยบายเส้นทางปฏิรูป ซึ่งประชาชนอาจต้องเดินทางต่อรถในบางเส้นทางนั้น ทางบริษัทได้คำนึงถึงข้อจำกัดดังกล่าว จึงได้จัดโปรโมชั่นลดค่าครองชีพพี่น้องประชาชนด้วย “Daily Max Fare” จากบัตรโดยสาร HOP Card ให้สามารถเดินทางได้ไม่จำกัดจำนวนเที่ยว ไม่จำกัดสาย จ่ายสูงสุดไม่เกิน 40 บาทต่อวัน และรถต่อเรือจ่ายสูงสุดไม่เกิน 50 บาทเท่านั้น/ส่วนบัตรโดยสาร HOP Card สามารถหาซื้อได้จากบัสโฮสเตสบนรถ และพนักงานบริการบนท่าเรือโดยสารทุกแห่ง รวมถึงช่องทางออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน “Shopee”

ดังนั้น ผู้โดยสารที่ใช้บริการ สามารถเช็ก 5 เส้นทางหลักที่ทางบริษัทได้ทำการเพิ่มเที่ยวรถ เพิ่มรอบ ดังนี้ 1.สาย 8 หมายเลขปฏิรูป 2-38 : แฮปปี้แลนด์-ท่าเรือสะพานพุทธ) 2.สาย 34 จะแบ่ง 2 เส้นทาง ได้แก่ สาย 34 หมายเลขปฏิรูป 1-3 : บางเขน-ถนนพหลโยธิน-หัวลําโพง และสาย 34 หมายเลขปฏิรูป 1-2E : รังสิต-หัวลําโพง (ทางด่วน) 3.สาย 39 แบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ สาย 39 หมายเลขปฏิรูป 1-4 : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต)-บางเขน และสาย 39 หมายเลขปฏิรูป 1-5 : รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เส้นทาง ม.ศูนย์รังสิต-อนุสาวรีย์ฯ 4.สาย 140 หมายเลขปฏิรูป 4-23E : แสมดำ-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ทางด่วน) และ 5.สาย 517 หมายเลขปฏิรูป 1-56 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง-อนุสาวรีย์ฯ.

กัลยา ยืนยง