เร่งกระตุ้นท่องเที่ยวช่วงท้ายปี

จากการพิจารณาข้อมูลนักท่องเที่ยวจากอินเดียและไต้หวัน พบว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม-เดือนกันยายน 2566 มีนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางเข้าไทยจำนวน 1,162,251 คน และคาดการณ์ว่าภายในสิ้นปี 2566 จะเดินทางเข้าไทยอีกประมาณ 1.55 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวอินเดียใช้จ่ายประมาณ 41,000 บาท/การมาท่องเที่ยว 1 ครั้ง ขณะที่ไต้หวันใช้จ่ายประมาณ 43,000 บาท/การมาท่องเที่ยว 1 ครั้ง คาดว่าภายในปี 2566 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยประมาณ 700,000 คน

ขณะที่ภาคเอกชนอย่างสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือแอตต้า คาดหวังว่าตลาดอินเดียจะเป็นส่วนสำคัญช่วยผลักดันจำนวน “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” ไปให้ถึงเป้าหมาย 25-30 ล้านคนในปี 2566 สร้างรายได้ 1.6 ล้านล้านบาท ตามที่ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” (ททท.) ตั้งเป้าไว้ หนุนแรงส่งไปถึงปี 2567 ที่ ททท.เพิ่งปรับเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มเป็น 40 ล้านคน สอดรับกับนโยบายของ “สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จากเป้าเดิม 35 ล้านคน สร้างรายได้ 1.92 ล้านล้านบาท

 เช่นเดียวกับกระทรวงคมนาคม โดย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ที่ได้สนองนโยบายรัฐบาลโดยการเปิดให้บริการท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) ตลอด 24 ชั่วโมง (ชม.) ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2566 เป็นต้นไป จากเดิมเปิดดำเนินการทำการบิน 18 ชม. หรือตั้งแต่ 06.00-24.00 น. เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว และเที่ยวบินที่จะเดินทางมายัง จ.เชียงใหม่ ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซัน) 

ด้านกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ร่วมผลักดันนโยบายของรัฐบาลที่มีการจัดตั้ง คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เพื่อขับเคลื่อนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศผ่านต้นทุนทางวัฒนธรรม “Soft Power of Thailand” ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะเป็นกลยุทธ์สําคัญที่จะช่วยส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมั่น และกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวคุณภาพ รวมถึงพัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดโลก พร้อมผลักดันไปสู่เป้าหมายภาพรวมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยตามที่ตั้งไว้ของปี 2566 และส่งผลต่อเนื่องถึงปี 2567 ด้วย
แน่นอนว่ายังมีสิ่งที่ต้องจับตา ถือเป็นอุปสรรคในการเร่งฟื้นด้านการท่องเที่ยว คือ “วิกฤตสงคราม” ระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส รวมถึงพื้นที่ในแถบตะวันออกกลาง ซึ่งจะมีผลกระทบต่อจิตวิทยาการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวอิสราเอลและตะวันออกกลางเกิดความลังเลบ้าง โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวที่อ่อนไหวต่อประเด็นความปลอดภัย รวมถึงเหตุกราดยิงที่สยามพารากอน ที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนยังมีความลังเลในการตัดสินใจเดินทาง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องเร่งยกระดับความปลอดภัย และสื่อสารดึงความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวจีนและชาติอื่นๆ กลับมาด้วย.

กัลยา ยืนยง