เร่งเครื่อง

ยิ้มไม่หุบ สำหรับ "มท.หนู" อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพราะกระทรวงทำงานสนองนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

กลายเป็นกระทรวงที่สร้างผลงานได้แบบรายวัน ส่วนสำคัญมาจากสไตล์ "อนุทิน" ที่ว่ากันว่าเป็นคนฉับไว คิดเร็วทำเร็ว ตามสไตล์นักธุรกิจ ก็ขนาดการมอบนโยบายยังให้สโลแกนว่า “ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที” มันก็สะท้อนชัดถึงตัวตน "อนุทิน" และจะต้องสะท้อนการทำงานของกระทรวงมหาดไทยยุคนี้ด้วย

ที่ผ่านมา มท.หนูพูดชัด ใครทำงาน ไม่ทำงาน "รู้หมด” ดังนั้นอย่ามาล้อเล่นกัน เล่นบทเคร่งขรึม ทำงานต้องมีผลงาน พึ่บพั่บ ฉับไว

ไม่ต้องไปดูอื่นไกล ให้ดูเรื่องการจัดระเบียบสังคม 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา Kick Off พร้อมกันทั่วประเทศ เสริมกำลังหน่วยเฉพาะกิจ สนธิฝ่ายความมั่นคง บุกปิดผับเถื่อน จับยาเสพติดกันแบบรายวัน ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม สนองนโยบาย "มท.หนู" ที่ต้องชมเปาะข้าราชการ ทำงานเร็ว ทำงานจริง ถึงลูกถึงคน 

เมื่อออกจากจุดสตาร์ทก็มีผลงานทันที ฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงใหม่นำกำลังบุกผับเถื่อน “เลอ เนิร์ฟ” กลางเมืองเชียงใหม่ ทำให้ประชาชนยกนิ้วให้ ถึงขั้นที่มีดรามา เรื่องแย่งตำรวจทำงาน ที่ มท.หนูต้องเคลียร์เอง “ช่วยกันทำงานครับ เราทำงาน ไม่ไปแย่งผลงานใคร” หลังจากนั้นทุกจังหวัดก็มีผลงานมาตลอด สมกับเป็นปฏิบัติการเชิงรุก แว่วว่าผับเถื่อนทั้งหลายทยอยปิดตัวกันไปเพียบ

อีกเรื่องที่ กระทรวงมหาดไทยยุค มท.หนู ทำได้เร็วปานวอก คือการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ลดภาระประชาชน ด้วยการสั่ง 4 รัฐวิสาหกิจในความดูแลของกระทรวง ทั้ง กฟน., กฟภ., กปน. และ กปภ. รวมเรียกการไฟฟ้า การประปา ผ่อนผันให้ประชาชนยืดเวลาจ่ายค่าน้ำค่าไฟได้ 3 เดือน ไม่ต้องเร่งถอดมิเตอร์ มอบนโยบายกันปุ๊บ หน่วยงานในสังกัดรับลูกกันปั๊บ มั่นใจได้เดินหน้ากันในปีนี้แน่นอน 

ปลายปีเช่นนี้ ทุกผลงาน ทุกความสำเร็จ ประโยชน์ตกถึงประชาชน เปรียบดังของขวัญปีใหม่ให้คนไทย.

ช่างสงสัย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อำลา‘ก.ท่องเที่ยวฯ’

เป็นช่วงเวลาของการอำลาตำแหน่งและการย้ายกระทรวงของบรรดารัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่บางคนต้องออกไปถาวร หรือบางคนแค่ย้ายกระทรวง ทำให้ช่วงนี้เห็นบรรยากาศอบอวลไปด้วยความอบอุ่นของบรรดาข้าราชการกระทรวงต่างๆ ที่จัดงานอำลาให้กับเจ้ากระทรวงของตัวเอง

ไม่ได้หมายถึงเรื่องใด

ช่วงปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา นั้นเป็นที่วิพาษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เมื่อ อ. ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม และ ศาสตราภิชานประจำคณะนิติศาสตร์

สายล่อฟ้า

ปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)เศรษฐา1/1 เกิดเหตุตามหลังมากกมาย ที่กล่าวขานกันมากก็กรณี “ปานปรีย์ พหิทธานุกร” ลาออกจากการเป็นรมว.ต่างประเทศ เรียกว่าทุกสายตาคอการเมืองพุ่งเป้าไปที่นั่น

“วันสบายๆ”

การเมืองช่วงนี้ร้อนแรงไม่แพ้กับอากาศจริงๆ เพราะนอกจากจะร้อนแล้วยังระอุไปทั่ว ทั้งประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ถึงรายชื่อรัฐมนตรี ทั้งพ้นความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี โดยมีชื่อที่คุ้นหน้าคุ้นตากันหลายชื่อ

บันทึกหน้า 4

ควันหลงการปรับ ครม.เศรษฐา 1/1 เกิดดรามามากมาย โดยเฉพาะจากคนที่ผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ที่พ้นกระทรวงสาธารณสุข กลับไปทำงาน สส. รวมถึงกรณี นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่หลุดจากตำแหน่งรองนายกฯ

นิ่งแบบนี้มีลุ้น

ช่วงตั้ง ครม.เศรษฐา 1 ใหม่ๆ หลายคนคาดการณ์ สมศักดิ์ เทพสุทิน คงนั่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีอยู่ทำเนียบรัฐบาลไม่นาน เพราะถนัดงานกระทรวงมากกว่า