ต้องยกนิ้วให้จริงๆ สำหรับ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แห่งประเทศไทย ที่แม้ไม่อยู่ในเมืองไทยก็สร้างเรื่องสร้างราวให้โอละพ่อ! ได้เสมอๆ นี่ไปปฏิบัติภารกิจที่ “สหรัฐอเมริกา” ยังทิ้งทุ่นระเบิดกองใหญ่ก่อนไปอีก ไม่ว่าจะเป็นการโยนบาปให้ “ธนาคารแห่งประเทศไทย” ว่าเป็นผู้เสนอแนะให้ออกพระราชบัญญัติกู้เงินมาแจกตามโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแล้ว ยังมีแนวคิดเรื่องให้ “หมาต๋าแดนมังกร” มาคุ้มครอง “นักเที่ยวตี๋หมวย” ที่มาเมืองไทยอีก แม้ล่าสุด จะแถจนสีข้างถลอกว่าเป็นการสื่อสารที่เข้าใจผิดก็ตามที ...๐
ล่าสุดการไปเยือนแดนมะกัน แล้วไป พบปะกับผู้บริหารมหาวิทยาลัยสแตนเฟิร์ดและนักศึกษาไทย ซึ่งก็ได้แต่ขำเพราะไม่มีภาพเผยแพร่ของการพบปะนักศึกษาออกมาเลยแม้แต่ภาพเดียว มีแต่ภาพจับมือและถ่ายคู่กับผู้บริหาร (หรือเปล่า) ก็ไม่รู้ได้
ที่สำคัญ “เสี่ยนิด” ยังบอกอีกว่า ได้พูดคุยให้นักศึกษาไทยเมื่อจบแล้วกลับมาทำงานและพัฒนาบ้านเกิด งานนี้ก็ต้องบอกว่าเป็นความย้อนแย้งทางความคิดของนายกฯ คนที่ 30 อย่างยิ่ง เพราะเมื่อต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ระหว่างลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดชลบุรี-ระยองนั้น “เศรษฐา” ก็รับสายโทรศัพท์ลูกชายคนกลาง อย่าง “แน้บ-วรัตม์ ทวีสิน” พร้อมระบุว่า “ลูกโทรมาจากนิวยอร์ก บอกว่าได้งานใหม่ เงินเดือนดีด้วย จะได้เลี้ยงผมได้” อ้าว ทำไมผู้นำประเทศไม่เป็นตัวอย่างในการบอกให้ลูกกลับมาทำงานและมาพัฒนาประเทศไทยบ้างเล่า อย่างนี้เขาเรียกว่าย้อนแย้งและสองมาตรฐานหรือไม่ ...๐
จึงไม่แปลกแต่ประการใดที่ “อู๊ดด้า-จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” สส.บัญชีรายชื่อ ถึงได้เหน็บเรื่อง “ดิจิทัลวอลเล็ต” ของรัฐบาลว่าทำไมย้อนแย้ง เพราะบอกเองว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน เป็นวิกฤตเศรษฐกิจ ถึงขนาดอ้างว่าชาวบ้านต่างจังหวัดยังรู้ว่าจีดีพีต่ำต่อเนื่อง แล้วทำไมไม่ออกเป็นพระราชกำหนดเล่า กลับมาออกเป็นพระราชบัญญัติทดแทน ...๐
งานนี้จึงไม่แปลกที่จะถูกทั้ง “จุรินทร์” และสังคมตั้งคำถาม และล่าสุด “นักร้อง” อย่าง “ศรีสุวรรณ จรรยา” ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน เข้า ยื่นคำร้องต่อ กกต.ขอให้ตรวจสอบโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต ว่าเข้าข่ายหลอกลวงหรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ตามมาตรา 73 (5) (1) ประกอบมาตรา 159 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. 2561 หรือไม่ เพราะ ดูเหมือนนโยบายหาเสียงกับการปฏิบัติจริงยิ่งกว่า “สินค้าออนไลน์” ที่ไม่ตรงปกเสียอีก ...๐
ถ้าพูดกันด้วยความเป็นธรรมแล้ว ปัญหาดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นเลย หาก กกต.ที่มี “อิทธิพร บุญประคอง” ประธาน กกต. ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม หลังจากที่พรรคการเมืองต้องเสนอการใช้งบประมาณในการหาเสียงในนโยบายต่างๆ ตามมาตรา 57 แล้ว เรื่องดังกล่าวก็คงไม่ชุลมุนชุลเกมาจวบจนทุกวันนี้ แม้ที่ผ่านมา “แสวง บุญมี” เลขาธิการ กกต. จะออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่า พรรคการเมืองจะเสนอนโยบายที่จะต้องใช้จ่ายเงิน ต้องชี้แจงข้อมูลให้ครบ 3 เงื่อนไข 1.แหล่งที่มาของเงิน 2.ประโยชน์ที่จะได้รับ และ 3.ความเสี่ยงของนโยบายนั้นๆ โดย กกต.ไม่มีอำนาจไปอนุญาตให้ใครหาเสียงได้หรือไม่ได้ แค่ให้ครบ 3 เงื่อนไขก็พอ ชาวบ้านร้านถิ่นเลยถามกลับมาว่า แล้วอย่างนี้จะมี “กกต.” กินภาษีเรือนหมื่นเรือนแสนไว้ทำไม เพราะหากผู้กำหนดกฎเกณฑ์ไม่ขีดเส้นหรือร้องเตือน ต่อไปการเลือกตั้งคราวหน้าก็มีนโยบายแจกเงินกันในระดับ 1 หมื่น 2 หมื่นกันอีกแน่นอน ...๐
แล้วที่สำคัญก็เหมือนกับที่ “พี่ศรี” ไปร้องนั่นแล ว่านโยบายไม่ตรงปก ที่เสมือนการหลอกลวงนั้น กกต.จะมีการลงโทษลงดาบอะไรบ้าง แต่พอดูประวัติการทำงานแล้วก็บอกได้คำเดียวว่าหวังพึ่งอะไรก็คงยาก เพราะขนาดเรื่องการเลือกตั้ง สส.ที่ผ่านมาที่มีเรื่องร้องเรียนค้างอยู่กว่า 30-40 เรื่อง จนป่านนี้ กกต.ก็ยังเช้าชามเย็นชาม ยังไม่เห็นมีบทสรุปใดๆ ออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งที่การเลือกตั้งจบไปแล้วตั้งแต่ 16 พ.ค.2566 เรียกว่าจะ 7 เดือนอยู่รอมร่อแล้ว แม้ล่าสุดจะมีการแจกใบแดงและใบดำแต่ก็เป็นแค่รายเดียวเท่านั้น เรียกว่าอืดยิ่งกว่าเรือเกลือเสียอีก ...๐
พูดถึงเรื่องดิจิทัล ไม่เอยถึง “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รมช.การคลัง ก็ไม่ได้ เพราะล่าสุดก็ไปให้ข้อมูลกับคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน ที่มี สส.พรรคเพื่อไทยนั่งเป็นประธาน กมธ. ซึ่งก่อนเข้าชี้แจง “จุลพันธ์” ก็บอกชัดแจ้งว่าไม่มีแผนสำรองแต่ประการใด หากพระราชบัญญัติกู้มาแจกไม่ผ่าน งานนี้ก็เลยต้องลุ้นกันว่าการกู้เงินรอบนี้จะตกม้าตายตั้งแต่ในชั้นคณะกรรมการกฤษฎีกา หรือจะไปตกในชั้นรัฐสภากันแน่ แต่จับยามสามตาแล้วก็บอกได้คำเดียวว่า โอกาสนั้นช่างริบหรี่ เหมือนความเชื่อถือของนายกฯ ที่นับวันก็สาละวันเตี้ยลงๆ เรื่อยๆ นั่นแล ...๐
ท.ศักดิ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน
บันทึกหน้า 4
ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว
บันทึกหน้า 4
หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว
บันทึกหน้า 4
ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย
บันทึกหน้า 4
น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.


