WHO : ‘ยกเลิกงานฉลองดีกว่า เสี่ยงชีวิตต้องดับสูญ’

หาก Omicron มาไทยแบบสึนามิจริง มันก็เร็วและหนัก จะสั้นและแรง

ที่น่ากลัวคือมันจะทิ้งความเสียหายที่ใหญ่หลวงเกินกว่าที่เราอยากจะเห็น

แต่มันจะเป็นสึนามิหรือไม่อย่างไร ยังเป็นเรื่องที่ต้องคอยติดตามข้อมูลที่ยังต้องมีการรวบรวม, วิจัยและวิเคราะห์กันวันต่อวันจริงๆ

เมื่อวานผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลกออกมาเตือนอีกครั้งด้วยประโยคที่ว่า “An event cancelled is better than a life cancelled.”

มีความหมายที่ชัดเจนตรงไปตรงมาว่า “ยกเลิกงานที่จะจัดดีกว่าจะให้ชีวิตต้องดับสูญ” ความหมายคือถ้าหากเตรียมจัดงานอีเวนต์ช่วงเทศกาลปีใหม่นี้อยู่ ถ้ายกเลิกได้ก็จงยกเลิกเถิด

เพราะมันไม่คุ้มกับที่ต้องมีคนต้องเสียชีวิตเพราะไปติดเชื้อ Omicron เลย

แปลตรงตัวคือ “งานถูกยกเลิกดีกว่าชีวิตต้องถูกยกเลิก”

นั่นแปลว่าองค์การอนามัยโลกได้เรียกร้องให้ผู้คนยกเลิกแผนวันหยุดบางส่วนเพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชน ในขณะที่ Omicron กำลังแพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างน่ากลัว

ดร.เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส เสริมว่าเราต้องยอม "ตัดสินใจที่ยากลำบาก" เพื่อรักษาชีวิตของผู้คน

“ในบางกรณี นั่นจะหมายถึงการยกเลิกหรือเลื่อนกิจกรรมเฉลิมฉลองทั้งหลาย”

เพราะเขายืนยันว่ามีหลักฐานว่าสายพันธุ์ใหม่นี้ "แพร่กระจายเร็วกว่า... เดลตา" อย่างมีนัยสำคัญ

หน่วยควบคุมโรคติดต่อของสหรัฐฯ หรือ CDC บอกว่าตัวเลขล่าสุดสะท้อนว่าสายพันธุ์ใหม่นี้มีจำนวนเท่ากับ 73% ของผู้ติดเชื้อทั่วประเทศทั้งหมดแล้วหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงฝรั่งเศสและเยอรมนีเพิ่มความเข้มงวดข้อจำกัดเรื่องโควิด-19 ด้วยการควบคุมและจำกัดการเดินทางไปมาหาสู่กันแล้ว

 เนเธอร์แลนด์ประกาศล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดในช่วงคริสต์มาส

แม้ว่าทำเนียบขาวที่วอชิงตันจะประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังไม่ได้พิจารณา "ล็อกดาวน์ประเทศ" ในช่วงนี้

แต่ ดร.แอนโธนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อระดับแนวหน้าของสหรัฐฯ ก็ออกมาเตือนว่าการเดินทางช่วงคริสต์มาสจะเพิ่มการแพร่กระจายของเชื้อ Omicron อย่างแน่นอน

แม้จะอยู่ในกลุ่มที่ได้รับวัคซีนครบก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) และกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แนะนำให้ชาวอเมริกันหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังที่ต่างๆ อย่างน้อย 8 ประเทศ รวมทั้งสเปน ฟินแลนด์ ชาด และเลบานอน

โบแนร์ โมนาโก ซานมารีโน และยิบรอลตาร์ ก็ถูกเพิ่มเข้าไปในระดับ 4 เช่นกัน

ที่สหราชอาณาจักร นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน เตือนว่ารัฐบาลจำเป็นต้อง "เตรียมแผนสำรอง" สำหรับการนำกฎเกณฑ์ใหม่มาบังคับใช้

เพราะมีสัญญาณชัดเจนว่า Omicron กำลังกระจายตัวในลักษณะพุ่งสูงขึ้นอย่างน่ากลัว

แม้เมื่อวานอังกฤษยังไม่ได้ประกาศข้อจำกัดเพิ่มเติม แต่สถานการณ์กำลังตกอยู่ในภาวะที่ “ไม่น่าไว้วางใจเป็นอย่างยิ่ง”

ไม่รอช้านายกเทศมนตรีซาดิก ข่าน ของลอนดอน ประกาศยกเลิกแผนการเฉลิมฉลองวันส่งท้ายปีเก่าในจัตุรัสทราฟัลการ์...เหตุผลคือ "เพื่อความปลอดภัยของประชาชน"

ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO ย้ำเตือนว่า “พวกเราทุกคนมีความเสี่ยงที่จะป่วยจากการระบาดใหญ่นี้ได้ แต่เราทุกคนต้องการใช้เวลากับเพื่อนและครอบครัว เราทุกคนต้องการกลับสู่สภาวะปกติใช่ไหม...

“วิธีที่เร็วที่สุดในการทำเช่นนี้คือ สำหรับเรา ผู้นำ และบุคคลทุกคน ในการตัดสินใจที่ยากลำบากที่ต้องทำเพื่อปกป้องตนเองและผู้อื่น

"ในบางกรณี นั่นหมายถึงการยกเลิกหรือเลื่อนกิจกรรม...เป็นการดีกว่าที่จะยกเลิกตอนนี้และเฉลิมฉลองในภายหลัง ดีกว่าการฉลองตอนนี้และเสียใจในภายหลัง"

ดร.เทดรอสยังเน้นว่า การระบาดใหญ่อาจสิ้นสุดลงในปี 2565

แต่มีเงื่อนไขสำหรับว่าจะต้องทำให้ 70% ของประชากรในทุกประเทศทั่วโลกได้รับการฉีดวัคซีนภายในกลางปีหน้า

สำหรับประเทศไทย นั่นแปลว่าแม้นายกฯ จะประกาศ “ชัยชนะ” หลังจากที่คนไทยได้รับวัคซีนแล้ว 100 ล้านโดส แต่ยังมีคำถามว่าคนไทยจะได้รับเข็มกระตุ้น หรือ booster shots เป็นจำนวนสูงพอสมควรได้เมื่อใด

ที่แน่ๆ ก็คือ ศบค.คงต้องตัดสินใจว่าจะปรับมาตรการจาก Test & Go ที่ใช้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยที่กลับมาจากต่างประเทศเป็น Test & Q หรือตรวจแล้วกักตัวอีก 7-10 วัน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอหรือไม่อย่างไร

เป็นช่วงเวลาแห่งความยากลำบากอีกรอบที่ต้องการการวางยุทธศาสตร์บนพื้นฐานของข้อมูลวิทยาศาสตร์...ไม่ใช่ความรู้สึกหรือความชอบไม่ชอบของคนกลุ่มใด

เพราะมันคือความอยู่รอดของคนทั้งประเทศสำหรับปีใหม่ที่จะถึงนี้จริงๆ.