ดร.ป้ายแดง

เป็นทั้งวุฒิสภา  ทนายความ  โหรการเมือง  ที่คอยวิเคราะห์ และชี้แนวทางความเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นประจำ ด้วยความรู้  ความเชี่ยวชาญ และความสามารถท่วมท้นขนาดนี้  ไม่น่าแปลก เมื่อเร็วๆนี้ จะได้เป็นดอกเตอร์ป้ายแดง สำหรับ สว.คนดัง “วันชัย สอนศิริ”

ล่าสุด เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2566 “วันชัย ” เข้ารับปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต (พธ.ด.) สาขาวิชาพระพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.)อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 

โดยสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชเป็นองค์ประทานปริญญาบัตร การจบการศึกษาขั้นสูงระดับปริญญาเอกทำให้มีศักดิ์และสิทธิ์ใช้คำนำหน้าว่า ดร.หรือ ดอกเตอร์ ซึ่งจะมีการเรียกว่า “สว.ดร.วันชัย สอนศิริ”

สว.วันชัย ในปีหน้าจะอายุ70ปี แอบซุ่มศึกษาหลักสูตรปริญญาพุทธศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา 

โดยได้ทำดุษฎีนิพนธ์ในเรื่อง "กระบวนการสร้างศรัทธาและพัฒนาปัญญา กรณีศึกษาของหลวงพ่อรวย วัดตะโก" เพื่อต้องการวิเคราะห์วิจัยให้เห็นว่าทำไมหลวงพ่อรวยจึงสร้างศรัทธาและพัฒนาปัญญาให้กับสาธุชนคนไทยได้มากมายขนาดนี้

มูลเหตุจูงใจที่นายวันชัยได้ทำดุษฎีนิพนธ์เรื่องนี้ มาจากที่ในขณะนั้นเพลง"วอนหลวงพ่อรวย" ที่ขับร้องโดยมนต์แคน แก่นคูน จาการประพันธ์คำร้อง ทำนองโดยครูสลา คุณวุฒิ ดังเปรี้ยงปร้าง มียอดวิวถึง 300 ล้านวิว และคนมากราบไหว้สรีระสังขารของท่านที่วัดตะโกวันละเป็นหมื่นๆคน วัตถุมงคลกี่รุ่นๆ ออกมาก็จำหน่ายได้หมด 

 

ทำให้นายวันชัยเกิดความคิดว่าระหว่างศรัทธาที่มีปัญญากับศรัทธาที่งมงายนั้นมันเกิดจากอะไร ศรัทธาที่มีต่อหลวงพ่อรวยนั้นเป็นศรัทธาที่สร้างปัญญาหรือสร้างความงมงาย   

จนเกิดดุษฎีนิพนธ์ที่ทำให้เห็นว่าศรัทธาเป็นพลังอย่างสำคัญที่จะก่อให้เกิดความสำเร็จทั้งปวง เช่นเรื่องหน้าที่การงาน การสังคม การประเทศและการพัฒนาจิตใจ  ซึ่งหลวงพ่อรวยท่านทำและปฏิบัติได้จริง

นี่คือตัวอย่างของคนวัย 70ปี แม้งานการเมือง งานส่วนตัว จะเต็มมือ ก็ไม่ลดละหรือย่อหย่อนต่อการศึกษาที่เรียนรู้ไม่มีวันจบ

แถมเจ้าตัวกระซิบว่า ยังทำให้เรามีอายุยืนยาวอีกด้วย (อิอิ).

ช่างสงสัย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อำลา‘ก.ท่องเที่ยวฯ’

เป็นช่วงเวลาของการอำลาตำแหน่งและการย้ายกระทรวงของบรรดารัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่บางคนต้องออกไปถาวร หรือบางคนแค่ย้ายกระทรวง ทำให้ช่วงนี้เห็นบรรยากาศอบอวลไปด้วยความอบอุ่นของบรรดาข้าราชการกระทรวงต่างๆ ที่จัดงานอำลาให้กับเจ้ากระทรวงของตัวเอง

ไม่ได้หมายถึงเรื่องใด

ช่วงปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา นั้นเป็นที่วิพาษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เมื่อ อ. ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม และ ศาสตราภิชานประจำคณะนิติศาสตร์

สายล่อฟ้า

ปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)เศรษฐา1/1 เกิดเหตุตามหลังมากกมาย ที่กล่าวขานกันมากก็กรณี “ปานปรีย์ พหิทธานุกร” ลาออกจากการเป็นรมว.ต่างประเทศ เรียกว่าทุกสายตาคอการเมืองพุ่งเป้าไปที่นั่น

“วันสบายๆ”

การเมืองช่วงนี้ร้อนแรงไม่แพ้กับอากาศจริงๆ เพราะนอกจากจะร้อนแล้วยังระอุไปทั่ว ทั้งประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ถึงรายชื่อรัฐมนตรี ทั้งพ้นความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี โดยมีชื่อที่คุ้นหน้าคุ้นตากันหลายชื่อ

บันทึกหน้า 4

ควันหลงการปรับ ครม.เศรษฐา 1/1 เกิดดรามามากมาย โดยเฉพาะจากคนที่ผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ที่พ้นกระทรวงสาธารณสุข กลับไปทำงาน สส. รวมถึงกรณี นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่หลุดจากตำแหน่งรองนายกฯ

นิ่งแบบนี้มีลุ้น

ช่วงตั้ง ครม.เศรษฐา 1 ใหม่ๆ หลายคนคาดการณ์ สมศักดิ์ เทพสุทิน คงนั่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีอยู่ทำเนียบรัฐบาลไม่นาน เพราะถนัดงานกระทรวงมากกว่า