จากฮีโร่ระดับโลก...สู่ตัวตลกตลอดนิรันดร์

พอประกาศปุ๊บ เขารับความนิยมและการสนับสนุนอย่างท่วมท้น จากผลสำรวจเขาได้คะแนน 44% ซึ่งนำ John McCain (ได้คะแนน 20%) ตัวเลขจะอยู่ประมาณนี้ตลอดเกือบทั้งปี จึงทำให้ Giuliani ระดมทุนสูงสุดในบรรดาผู้สมัครทั้งสองซีก ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่ Giuliani จับอะไรเป็นทองหมด มีกระแสชนะการเลือกตั้งแน่ และเหมือนเริ่มวางตัวเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป ช่วงนั้นจะเรียกว่าเป็นช่วง “สูงสุด”

แต่โลกของเราไม่ได้แต่งด้วยนิยาย เมื่อมีหยินต้องมีหยาน เมื่อมีหนาวต้องมีร้อน เมื่อมีดำต้องมีขาว และเมื่อถึงจุด “สูงสุด” ต้องสู่สามัญ ช่วงสู่สามัญของ Giuliani คือช่วงเข้าฤดู Primary ครับ

พอเข้าฤดูการหาเสียงที่เข้มข้นและเริ่มจริงจัง การมีชื่อเสียงและการมีคะแนนผลสำรวจอย่างเดียวไม่ได้เป็นโล่ป้องกันการโจมตีและการตรวจสอบได้ดี ยิ่งนำโด่งยิ่งเป็นเป้า และ Giuliani เป็นเป้าที่ใหญ่และชัด เลยทำให้เขาถูกโจมตีจากทุกทิศทาง ทั้งในพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตครับ แต่ Giuliani ยังเชื่อมั่นในฉายา America’s Mayor และผลงานจาก 9/11 เขาขึ้นเวทีไหน และพูดที่ไหนก็ตาม ก็จะหมุนเวียนแต่เรื่องนี้ จนทำให้ผู้สมัครพรรคเดโมแครต (Joe Biden) พูดเกี่ยวกับ Giuliani (ที่ผมถือว่าเจ็บมาก) “There’s only three things he (Giuliani) mentions in a sentence: a noun, a verb and 9/11.” หลังจากนั้นไม่นาน Giuliani ถอนตัวออกจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครับ

ช่วงนั้น Giuliani เหมือนเป็นคนไร้ทิศทาง ชีวิตทางการเมืองไม่มีความหวังอะไร และดูมืดมนไปหมด จนทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพซึมเศร้า (ระดับหนึ่ง) และย้ายไปอยู่บังกะโลใน Mar-a-Lago ของ Trump ประมาณ 1-2 เดือน เพื่อรวบรวมความคิด หลบสายตาคนนอก และฟื้นฟูสภาพจิตใจ และสิ่งสำคัญสุด วางแผนอนาคต ถ้าจะว่าไปแล้ว Trump ยื่นมือช่วยเหลือ Giuliani ในช่วงที่ Giuliani ตกต่ำสุดก็ว่าได้

จนกระทั่ง Trump ประกาศชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเอง

Trump ต้องการประสบการณ์ทางการเมืองของ Giuliani ส่วน Giuliani ต้องการ Trump เพื่อมีเวทีแสดงตัวตน บทบาทของ Giuliani คือหาข้อมูลและโจมตี Hillary Clinton (ที่ Giuliani เคยแข่งและแพ้การเลือกตั้งวุฒิสมาชิกรัฐนิวยอร์กเมื่อปี 2000) Giuliani ทำบทบาทนี้ได้ดีเยี่ยม (หรือจะเรียกว่าได้ดีเยี่ยมเกิน) เพราะการโจมตีของ Giuliani อยู่บนพื้นฐาน ความเป็นจริงบ้าง และลอยๆ บ้าง ทำให้ภาพพจน์ของ Giuliani จากผู้ใหญ่ (หรือจะเรียกว่า “Elder Statesman”) ที่ควรภูมิฐานกว่านี้ กลับกลายเป็นกุ๊ย ซึ่งอาจเป็นภาพที่เหมาะ เพราะ Trump ในช่วงแรกดูเหมือนเป็นผู้สมัครที่ไม่มีโอกาสชนะ

แต่ในที่สุดเขา (Trump) ชนะ และ Giuliani หวังตำแหน่ง

ต่อเมื่อ Giuliani ไม่ได้ตำแหน่ง เขาคิดว่าหนทางที่ดีกว่าคือ วางตัวเป็นคนที่ประธานาธิบดี Trump ไว้วางใจที่สุด เลยยินดีเป็นคนใกล้ชิดและทนายความส่วนตัวให้กับ Trump ต่อ เขาเล่นบทบาทผู้พิทักษ์ประธานาธิบดี Trump ได้ดีเยี่ยม เช่นไปประเทศยูเครน หาข้อมูลลับเพื่อโจมตีคู่แข่ง (ข้อมูลเกี่ยวกับลูกชาย Joe Biden) เป็นต้น

แต่สิ่งที่จะอยู่ในความทรงจำเมื่อนึกถึง Giuliani หลังๆ นี้ คือจุดยืนประหลาดๆ หลัง Trump แพ้การเลือกตั้ง และบทบาทของ Giuliani ในกระบวนการพยายามลบล้างผลการเลือกตั้ง Giuliani กลายเป็นตัวตลก จากบทบาททนายความของ Trump ด้วยการแถลงข่าวผิดสถานที่ที่บังเอิญมีชื่อเดียวกับโรงแรมเดิมที่อยากแถลง (Four Seasons Total Landscaping แทนที่จะเป็น โรงแรม Four Seasons) บวกกับเหตุการณ์น้ำยาย้อมผมไหลใส่หน้าตัวเองระหว่างสัมภาษณ์ บวกกับภาพหลุดอยู่ในโรงแรมกับสาวที่ปลอมตัวเป็นนักข่าว เป็นต้น

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Giuliani จะตกต่ำขนาดไหนก็ตาม เขาทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ Trump ได้ดีเยี่ยมครับ ในช่วงที่ “วงใน” ของ Trump ค่อยๆ หายไปทีละคน และทิ้งนาย หลัง Trump แพ้การเลือกตั้ง เหลือไม่กี่คนอยู่เคียงข้างเขาครับ จะยกย่องเพราะเขามีความจงรักภักดี ก็ต้องยกย่องเฉพาะแง่มุมตรงนั้น แต่ที่ต้องถามกลับคือ ในการหายไปทีละคนของ “วงใน” เป็นเพราะ “ทิ้งนาย” หรือจำเป็นต้องทิ้งนาย เพราะนายพาทุกคนไปทางชิบหายหมดมากกว่า? แหล่งข่าวจากทีมงาน Trump กับ Giuliani เมื่อถูกถามว่า มีหลักฐานการโกงชัยชนะ Trump จากฝ่าย Biden เยอะแค่ไหน? เขาตอบว่า “We’ve got lot’s of theories, we just don’t have the evidence.”

Giuliani เป็นกระบอกเสียง ช่วยขยายข้อกล่าวหาลอยๆ ของ Trump ทำให้ Giuliani ไม่มีความน่าเชื่อถือ และภาพดีๆ ที่เคยมีต้องสูญเปล่า และในที่สุดถูกฟ้องร้องจาก Ruby Freeman กับ Shaye Moss ในรัฐจอร์เจีย ในข้อกล่าวหาหมิ่นประมาท ใส่ร้ายแม่ลูกคู่นี้ ว่ามีบทบาทโกงการเลือกตั้งทำให้ Trump ต้องพ่ายแพ้ อย่างที่พวกเราทราบจากข่าว Giuliani แพ้คดีนี้ และต้องจ่ายชดเชย 148 ล้านเหรียญฯ จนทำให้ Giuliani ประกาศล้มละลายเพื่อยื้อเวลาต่อครับ

เรื่องของ Giuliani ถ้าแต่งเป็นละครคงไม่มีใครดู เพราะคนแต่งไม่กล้าคิด Plot แบบนี้หรอก ถึงบอกว่าชีวิตจริงพิสดารกว่าเรื่องนิยาย ในอนาคตเรื่องของ Giuliani จะเป็นกรณีศึกษา จากฮีโร่ระดับโลก กลายเป็นตัวตลกตลอดนิรันดร์.