ความขัดแย้งระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์ที่ร้อนแรงขึ้นในปีนี้ทำท่าจะลามเข้าสู่ปีใหม่ค่อนข้างแน่นอน
ประธานาธิบดีเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ประกาศกร้าวสัปดาห์ก่อนว่า
“ความตึงเครียดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในทะเลจีนใต้สมควรได้รับการตอบสนองแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเช่นกัน
เป็นถ้อยประโยคที่กล่าวหลังจากเจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์รายงานว่าจีนใช้ปืนฉีดน้ำยักษ์โจมตีเรือในพื้นที่พิพาทในทะเลสองแห่งเป็นเวลาสองวันติดต่อกัน
ทั้งหมดเหตุการณ์เผชิญหน้าอย่างนั้นเกิดขึ้นแล้ว 4 ครั้ง
ล่าสุดนำไปสู่การที่ฟิลิปปินส์ยื่นประท้วงทางการทูตต่อจีนครั้งที่ 64 ในปีนี้
จากทั้งหมดกว่า 130 ครั้งนับตั้งแต่นายมาร์กอส จูเนียร์ ขึ้นสู่อำนาจในเดือนมิถุนายน ปีที่แล้ว
เหตุการณ์บางส่วนที่รายงานโดยฝ่ายฟิลิปปินส์ ได้แก่:
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ หน่วยยามฝั่งจีนยิงเลเซอร์ "ระดับใช้ในกิจการทหาร" ไปที่ลูกเรือของเรือหน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์
เรือประมงหรือเรือทหารติดอาวุธทางทะเลของจีนมากกว่า 100 ลำ “จับกลุ่มกัน” ในน่านน้ำรอบแนวปะการัง สันดอน และลักษณะอื่นๆ ที่เป็นข้อพิพาท
เหตุทำนองนี้เกิดขึ้นอย่างน้อยสองครั้งคือในเดือนมิถุนายนและธันวาคม
จีนติดตั้งแผงกั้นลอยน้ำสูง 300 เมตรใกล้สันดอนสการ์โบโรห์ในน่านน้ำที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์เมื่อเดือนกันยายน
ฟิลิปปินส์สั่งรื้อออก ระบุว่าเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
เรือของจีนใช้เครื่องฉีดน้ำในเดือนสิงหาคม พฤศจิกายน และธันวาคมในภารกิจที่ปักกิ่งอ้างว่าได้ล่วงเข้าน่านน้ำของตนโดยไม่ได้รับอนุญาต
การปะทะยังนำไปสู่การกระทำอื่น ๆ ซึ่งส่งผลให้เกิดการชนกันและทำให้เรือเสียหายอย่างน้อยสองครั้ง
แต่ละเหตุการณ์ที่ว่านี้มาพร้อมกับสงครามวาทกรรม
ฟิลิปปินส์เรียก “การบังคับขู่เข็ญที่ไม่ได้เกิดจากการยั่วยุของฝ่ายเรา” ของจีนว่าเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินทางทะเล และทำให้ลูกเรือชาวฟิลิปปินส์ตกอยู่ในความเสี่ยง
ปักกิ่งยันกลับว่ากำลังใช้ “กิจกรรมบังคับใช้กฎหมาย” เพื่อจัดการกับการละเมิดอธิปไตยของจีนที่ “ไม่อาจโต้แย้งได้” การกล่าวอ้างนี้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรียกว่า "สิทธิทางประวัติศาสตร์" ในทะเลจีนใต้
เกิดคำถามว่าทะเลจีนใต้เป็นของจีนเจริงหรือไม่?
คำตอบขึ้นอยู่กับว่าคุณถามใคร
ย้อนกลับไปในปี 2009 จีนเปิดเผยต่อสหประชาชาติว่าเส้นประ 9 เส้น ทำให้ปักกิ่งสามารถอ้างสิทธิ์เหนือพื้นที่ทะเลจีนใต้มากกว่าร้อยละ 80
นอกจากฟิลิปปินส์แล้ว ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เวียดนาม มาเลเซีย และบรูไนยังอ้างสิทธิในบางส่วนของมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินทะเลที่สำคัญสำหรับการค้าโลกมูลค่ากว่า 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐต่อปี และเป็นแหล่งสำคัญของทั้งการประมงและก๊าซสำรอง
หลังจากการเผชิญหน้ากันในปี 2555 ระหว่างฟิลิปปินส์และจีนในสันดอนสการ์โบโรห์ มะนิลาได้นำเรื่องนี้ไปสู่การพิจารณาของอนุญาโตตุลาการในกรุงเฮกในปีต่อมา
ฟิลิปปินส์ต้องการให้จีนปฏิบัติตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเลหรือ UNCLOS ซึ่งกำหนดเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศหรือ EEZ ไว้ที่ 200 ไมล์ทะเลจากแผ่นดินใหญ่ของประเทศ
คำตัดสินของคณะอนุญาโตตุลาการครั้งประวัติศาสตร์ในปี 2016 ระบุว่าข้อเรียกร้องของจีนมี “ไม่มีพื้นฐานทางกฎหมาย”
ปักกิ่งไม่ยอมรับคำวินิจฉัยนั้น ประกาศว่าคำตัดสิน “ไม่มีผลและเป็นโมฆะ”
ถ้าย้อนกลับไปอีกทศวรรษ - ถึงปี 2002 เมื่อจีนและสมาชิกของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ลงนามในปฏิญญา (ซึ่งไม่มีข้อผูกมัดด้านกฎหมาย) โดยให้คำมั่นที่จะไม่อาศัยหรือพัฒนาพื้นที่ที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ในทะเลจีนใต้
แต่พอถึงปี 2007 ปักกิ่งเริ่มส่งกำลังทางทะเลและสร้างฐานทัพทหารในหมู่เกาะหมู่เกาะสแปรตลีย์ที่เป็นข้อพิพาท
เป็นข้อมูลที่บันทึกโดยทนายความ เจย์ บาตงบาคัล ผู้อำนวยการสถาบันกิจการทางทะเลและกฎหมายทะเล แห่งมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์
ในเดือนธันวาคม 2022 รายงานของสื่อตะวันตกระบุว่า จีนกำลังดำเนินโครงการถมทะเลใหม่ในทะเลจีนใต้
ปักกิ่งปฏิเสธข้อกล่าวหานั้นอย่างขึงขัง
คำแถลงในปี 2545 กำหนดให้ทุกฝ่ายเห็นพ้องที่จะหลักปฏิบัติหรือ Code of Conduct เพื่อกำหนดบรรทัดฐานในเส้นทางน้ำ
เชื่อไหมว่าประเด็นนี้ยังเป็นเรื่องเจรจาต่อรองกันโดยไม่มีข้อสรุปชัดเจนอะไร
แม้รายงานล่าสุดจะระบุว่าควรจะเจรจากันให้เสร็จสิ้นในสามปี
คำถามก็คือทั้งจีนและฟิลิปปินส์ได้พยายามจะแก้ปัญหานี้อย่างไร
รัฐบาลฟิลิปินส์ก่อนที่นำโดยประธานาธิบดีดูเตอร์เตหันมาตีสนิทกับจีน โยนคำวินิจฉัยของอนุยาโตตุลาการทิ้งและประกาศให้สหรัฐฯถอนตัวออกไปจากความสัมพันธ์กับฟิลิปปินส์
ปักกิ่งยื่นมือมาจับอย่างรวดเร็วและตอบสนองท่าทีที่เป็นมิตรของดูเตอร์เตด้วยการลงนามในข้อตกลที่จะพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติในบริเวณนั้นด้วยกัน
แต่สถานการณ์ก็พลิกผันไปอย่างรวดเร็วเมื่อมาร์กอส จูเนียร์ชนะเลือกตั้งขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศฟิลิปปินส์
เกมก็เปลี่ยนเป็นการเผชิญหน้าระหว่างฟิลิปปินส์กับจีนในระดับที่ร้อนแรงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
(พรุ่งนี้: ความขัดแย้งนี้จะบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่กว่านี้หรือไม่?)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


