เมื่อวานเขียนถึงข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์ ที่ทำท่าจะลามข้ามไปถึงปีใหม่
คำถามคือทั้งสองฝ่ายพยายามที่จะแก้ไขปัญหานี้หรือไม่?
หลายสัปดาห์ ก่อนเหตุการณ์ยิงเลเซอร์ในทะเลจีนใต้ ประธานาธิบดีมาร์กอส จูเนียร์ ไปเยือนจีนอย่างเป็นทางการ
ถือเป็นครั้งแรกที่ผู้นำฟิลิปปินส์คนใหม่ออกเดินทางประเทศนอกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งแต่รับตำแหน่งมา
มาร์กอส จูเนียร์ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เห็นพ้องกันว่าเพื่อป้องกันความขัดแย้งระหว่างกันในทะเลจีนใต้ที่จะลามปามกว้างขวางเกินเหตุ ควรจะต้องมีการติดตั้งช่องทางสื่อสารโดยตรง
แต่ถ้าถามเจ้าหน้าที่ระดับสูงของฟิลิปปินส์ที่ใกล้ชิดกับทำเนียบประธานาธิบดี ก็จะได้ข้อมูลว่าในแง่ของมาร์กอสแล้ว แม้จะมีการตกลงจะมี “สายด่วน” ระหว่างผู้นำ แต่ก็มีประโยชน์ "ค่อนข้างจำกัด"
มาร์กอสตอกย้ำถึงปัญหานี้ด้วยการบอกว่า “วิธีการทางการทูตแบบดั้งเดิม” กับจีนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก่อให้เกิด “ความก้าวหน้าเพียงเล็กน้อย”
ปักกิ่งยังคงตอบโต้อย่างแข็งกร้าวจนถึงวันนี้ ในกรณีล่าสุดที่เกิดเหตุกันในทะเลจีนใต้อีกรอบหนึ่ง โฆษกรัฐบาลจีนพยายามจะชี้ว่าความสัมพันธ์ของสองประเทศมีมิติในภาพใหญ่ที่ควรจะได้รับการพิจารณามากกว่าแค่เรื่องนี้
“กรณีความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ไม่ได้เป็นตัวแทนของความสัมพันธ์จีน-ฟิลิปปินส์ทั้งหมด” โฆษกจีนย้ำ
“เราพร้อมที่จะจัดการกับข้อพิพาทอย่างเหมาะสมผ่านการเจรจาและการปรึกษาหารือ” หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว “(เรา) จะไม่ปิดประตูการเจรจาและติดต่อกับฟิลิปปินส์”
เห็นได้ชัดว่าพอมาร์กอส จูเนียร์ ขึ้นมาเป็นผู้นำของฟิลิปปินส์ ท่าทีและแนวปฏิบัติของประเทศนี้ก็เดินคนละเส้นทางกับของอดีตประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต อย่างชัดเจน
ดูเตอร์เตเคยประกาศว่าคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการปี 2559 เป็น “แค่กระดาษแผ่นหนึ่งที่สามารถทิ้งลงถังขยะได้”
ยืนข้างจีนยังไม่พอ ดูเตอร์เตยังถอยออกห่างจากสหรัฐฯ อย่างร้อนแรงทีเดียว
ด้วยการประกาศว่าจะยกเลิกข้อตกลงกับวอชิงตันที่ให้ทหารสหรัฐฯ กับฟิลิปปินส์หมุนเวียนกันเยี่ยมเยือนซึ่งกันและกัน
แต่มาร์กอส จูเนียร์ หันหัวเรือกลับในนโยบายเรื่องนี้โดยสิ้นเชิง
พร้อมประกาศให้คำมั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะไม่ละทิ้งความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับสหรัฐฯ แม้แต่น้อย
มิหนำซ้ำยังจะขยายข้อตกลงด้านกลาโหมเพื่อให้สหรัฐฯ สามารถเข้าถึงฐานทัพสำคัญของฟิลิปปินส์ได้อีกด้วย
เท่านั้นไม่พอ เขายังแสดงความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือไตรภาคีกับพันธมิตรสหรัฐฯ ให้มากขึ้น
เช่น เพิ่มการฝึกซ้อมทางทะเลร่วมกับออสเตรเลียและญี่ปุ่นในทะเลจีนใต้ ให้จีนได้ประจักษ์แจ้งถึงท่าทีใหม่ของฟิลิปปินส์อีกด้วย
พันธมิตรเหล่านี้หนุนหลังมะนิลาเต็มที่ในการเผชิญหน้ากับปักกิ่ง
หลังจากที่สหรัฐฯ วิพากษ์วิจารณ์จีนว่าด้วยเหตุการณ์ล่าสุดในทะเลจีนใต้ โฆษกกระทรวงการต่างจีนชี้นิ้วไปที่วอชิงตันว่าเป็นตัวการที่ "เคยสมรู้ร่วมคิด ส่งเสริม และสนับสนุนการละเมิดและการยั่วยุของฟิลิปปินส์มาระยะหนึ่งแล้ว" ในน่านน้ำนี้
ก่อนหน้านี้ ปักกิ่งเคยแสดงความไม่พอใจต่อฟิลิปปินส์ที่ยอมให้กองกำลังอเมริกันใช้ฐานของตน
หนึ่งในฐานทัพที่ว่าตั้งอยู่ในทะเลจีนใต้ใกล้กับจุดที่เป็นข้อพิพาท
จึงเป็นเหตุให้จีนสรุปว่าสหรัฐฯ คือต้นเหตุของความตึงเครียดในภูมิภาค
ถามว่าเรื่องทั้งหมดนี้อาจกลายเป็นเรื่องร้ายแรงได้ไหม?
คำตอบคือวาทศิลป์ตอบโต้ระหว่างกันและการแลกเปลี่ยนคำเตือนว่าทะเลจีนใต้ถูกนำไปเชื่อมโยงกับกรณีสงครามรัสเซีย-ยูเครน และอิสราเอล-ฮามาส ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
นิตยสารอเมริกันฉบับหนึ่งเรียกเหตุการณ์นี้ว่า “ความขัดแย้งที่อันตรายที่สุดที่ไม่มีใครพูดถึง”
เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำสหรัฐฯ ยังบอกกับสื่อญี่ปุ่นว่า ทะเลจีนใต้ไม่ใช่ไต้หวันที่เป็น "จุดวาบไฟ" และความขัดแย้งทางทะเลที่นั่นก็คล้ายกับ “จุดเริ่มต้นของสงครามอีกครั้ง สงครามโลกครั้งที่สอง”
ดูเตอร์เตยังเปิดเผยหลายครั้งในสุนทรพจน์ในที่สาธารณะว่า สี จิ้นผิง เคยเตือนถึง "ปัญหา" หากฟิลิปปินส์ขุดเจาะน้ำมันในพื้นที่ทะเลที่จีนอ้างสิทธิ์
สหรัฐฯ ให้คำมั่นว่าจะมาช่วยเหลือมะนิลา หากสินทรัพย์ทางทะเลภายในอาณาเขตของตนถูกโจมตี
สนธิสัญญาป้องกันซึ่งกันและกันระหว่างทั้งสองถือว่าการโจมตีฝ่ายหนึ่งเป็นการโจมตีอีกฝ่ายหนึ่ง
เป็นไปได้ว่าผู้นำจีนต้องการทดสอบความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ที่มีต่อพันธมิตร
เท่ากับเป็นการทดสอบว่าเอาเข้าจริงๆ ถ้าจีนกดดันฟิลิปปินส์หนักขึ้น สหรัฐฯ จะมาช่วยปกป้องฟิลิปปินส์มากน้อยแค่ไหน
น่าเชื่อได้ว่าความขัดแย้งเต็มรูปแบบไม่น่าจะปะทุขึ้นในเร็วๆ นี้
ผู้เชี่ยวชาญไม่เชื่อว่าอเมริกามีความกระหายที่จะทำสงครามในทุกด้านในสถานการณ์เช่นที่เป็นอยู่ขณะนี้
ฟิลิปปินส์มุ่งเป้าที่จะประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาคมโลกได้ฟังเรื่องราวจากด้านของตน มากกว่าที่จะปล่อยให้จีนเล่าเรื่องที่เป็นเวอร์ชันของตนแต่เพียงฝ่ายเดียว
จึงมีการเชิญนักข่าวทั้งในประเทศและจากต่างประเทศขึ้นเรือบ่อยครั้ง เพื่อสังเกตการณ์ความเป็นไปที่ฟิลิปปินส์กล่าวหาว่าเป็นกิจกรรมคุกคามจากฝ่ายจีน
ถึงวันนี้ยังน่าเชื่อว่ามาร์กอส จูเนียร์ ยังพยายามจะใช้ช่องทางการทูตเพื่อแก้ปัญหากับปักกิ่ง
เช่น ยังไม่ขับไล่ทูตปักกิ่งประจำฟิลิปปินส์กลับบ้านอย่างที่มีการขู่ไว้ก่อนหน้านี้
มีการจัดตั้งทีมทนายความระหว่างหน่วยงานเพื่อสอบสวนคดีใหม่ที่ถูกกล่าวหาว่า "ล่วงละเมิดอย่างผิดกฎหมาย" โดยจีน
“เราต้องมองหาแนวคิดใหม่ หลักการใหม่ เพื่อที่เราจะได้ขยับไปในทิศทางที่ฉีกจากที่เคยเป็นมา” มาร์กอส จูเนียร์ กล่าว
"เราจะต้องปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของเราในการแก้ปัญหา"
ความหมายของผู้นำฟิลิปปินส์ก็คือ หากใช้แนวทางแบบเดิมของรัฐบาลชุดก่อนกับจีนก็จะได้คำตอบเดิมๆ
น่าติดตามว่าผู้นำฟิลิปปินส์คนใหม่นี้จะปรับเปลี่ยน “สูตรใหม่ในการบริหารจัดการความขัดแย้งกับมังกรยักษ์” อย่างไรจึงจะป้องกันไม่ให้ความบาดหมางบานปลาย
และยังสามารถคบกับทั้งวอชิงตันและปักกิ่งได้ในระดับที่เป็นประโยชน์ต่อตน
ผมกำลังศึกษาเพื่อเปรียบเทียบวิธีคิดและปฏิบัติที่แตกต่างระหว่างฟิลิปปินส์กับเวียดนามต่อจีนและสหรัฐฯ อย่างสนใจยิ่ง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


