ถาม-ตอบ : โลกจะป่วน แค่ไหนในปีมังกรพ่นไฟ?

ลองอ่านดูว่าคำพยากรณ์จากกูรูนานาชาติอย่างนี้พอจะทำให้เราติดตามเรื่องราวระหว่างประเทศในปีนี้ได้เพียงใด

ถาม : โดนัลด์ ทรัมป์ จะกลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอีกครั้งหรือไม่?

ตอบ : ไม่น่าจะใช่ แต่ก็ไม่แน่

หากทรัมป์สามารถเคลียร์อุปสรรคทางกฎหมายล่าสุดที่เกิดขึ้นกับเขาในโคโลราโดและรัฐเมนได้ การรณรงค์หาเสียงฟาดฟันกับ โจ ไบเดน จะเป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ดุเดือดร้อนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐก็เป็นได้

เพราะเกมนี้ทรัมป์แพ้ไม่ได้เป็นอันขาด

แต่ทรัมป์ตกอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงด้านกฎหมายมาก เพราะอาจจะถูกตัดสินลงโทษทางอาญาในการพิจารณาคดีอย่างน้อย 1 ใน 4 คดี

แต่ถ้าถามว่า โจ ไบเดน จะกลับมานั่งทำเนียบขาวสมัยที่ 2 หรือไม่ คำตอบก็อาจจะไม่ได้สดใสไปทั้งหมด

เพราะไบเดนชราลงอย่างเห็นได้ชัด ถึงขั้นมีเสียงกระซิบว่าคนในพรรคเดโมแครตจำนวนหนึ่งเริ่มจะขยับเพื่อจะหาคนมาแทนไบเดนในการแข่งขันประธานาธิบดีปลายปีนี้

เพราะหวั่นว่า “ท่านผู้เฒ่า” จะไม่รอดทั้งในแง่สุขภาพกายและสุขภาพจิตไปครบอีก 4 ปี แม้จะสามารถชนะเลือกตั้งครั้งนี้ก็ตาม

ถาม : ปี 2024 จะแซงหน้าปี 2023 ในฐานะที่เป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์หรือไม่?

ตอบ : น่าจะใช่

ปี 2023 มีอากาศร้อนจัด จนแทบจะพิสูจน์ได้ว่าเป็นปีที่มีการบันทึกสภาพภูมิอากาศที่ร้อนที่สุดในรอบ 174 ปีอย่างแน่นอน

แต่นักวิทยาศาสตร์หลายคนคาดว่าปี 2024 จะอุ่นขึ้นอีก เนื่องจากความร้อนในปี 2023 ได้รับแรงหนุนจากการเกิดขึ้นของสภาพภูมิอากาศเอลนีโญที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ

ถาม : สงครามอิสราเอล-ฮามาสจะก่อให้เกิดความขัดแย้งระดับภูมิภาคเต็มรูปแบบหรือไม่?

ตอบ : ไม่ควรจะเป็นเช่นนั้น

สงครามได้จุดชนวนความรุนแรงทั่วทั้งภูมิภาคที่โยงกับกลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน

ข้อกังวลที่ใหญ่ที่สุดคือการปะทะกันระหว่างฮิซบุลเลาะห์ ขบวนการที่ประจำการอยู่ในเลบานอน และกองกำลังอิสราเอล ซึ่งจะขยายวงความขัดแย้งเต็มรูปแบบระหว่าง 2 ศัตรูคู่แค้น

รัฐบาลอิสราเอลของนายกฯ เบนจามิน เนทันยาฮู แสดงให้เห็นชัดเจนว่าไม่สามารถอยู่ร่วมโลกกับนักรบฮิซบุลเลาะห์ซึ่งตั้งค่ายอยู่ที่ชายแดนเลบานอน-อิสราเอลได้อีกต่อไป

แต่ก็ยังหวังกันว่าแรงกดดันทางการทูตจากหลายประเทศจะควบคุมสถานการณ์ไม่ให้บานปลายกลายเป็นสงครามภูมิภาคได้

ทั้งสหรัฐและอิหร่านคงไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งในวงกว้างกว่าที่เห็นอยู่ แม้ว่าการสู้รบระหว่างฮิซบุลเลาะห์และอิสราเอลจะรุนแรงขึ้น

แต่ก็มีเหตุปัจจัยหลายประการที่ทำให้ไม่อาจจะทำนายทายทักได้ เพราะสถานการณ์อาจเกิดความผันผวนอย่างน่าตกใจได้ตลอดเวลา

ถาม : เศรษฐกิจสหรัฐจะร่อนลงอย่างนิ่มนวล หรือที่เรียกว่า soft landing ได้ไหม?

น่าจะเป็นไปได้ในระยะสั้น อัตราเงินเฟ้อลดลงในลักษณะที่น่าประหลาดใจ และการเติบโตยังคงแข็งแกร่งกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดไว้

ทั้งนี้ เป็นเพราะการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงแข็งแกร่ง และการเติบโตของค่าจ้างที่อยู่ในระดับที่ดี

การ “ร่อนลงอย่างนุ่มนวล” อาจใช้เวลาดำเนินต่อไปเป็นเวลาหลายเดือน

แต่ก็อย่าได้ตายใจว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นนั้นตลอดปีนี้

งบสำหรับการอุ้มเศรษฐกิจจะน้อยลง เพราะเงินช่วยเหลือครัวเรือนของช่วงโควิดถูกใช้ไปหมดแล้ว อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้เกิดการล้มละลาย ความกังวลเรื่องหนี้ของสหรัฐกำลังเพิ่มสูงขึ้น

และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์กำลังทำให้การค้าโลกตกอยู่ในสภาพเปราะบาง

นั่นอาจทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นและการเติบโตช้าลง

ดังนั้นคาดได้ว่าภายใน 1 ปี การ “ร่อนลงจอด” ของเศรษฐกิจสหรัฐอาจไม่นุ่มนวล...และอาจต้องเจอกับความเจ็บปวดมากขึ้น

ถาม : การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนจะลดฮวบลงมาที่ 3 เปอร์เซ็นต์ หรือน้อยกว่านั้นไหม?

ตอบ : ไม่หรอก

เป็นความจริงว่าคุณภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนเสื่อมถอยลงอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีสัดส่วนเกือบ 1 ใน 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศกำลังเผชิญปัญหาหนัก รัฐบาลท้องถิ่นหลายแห่งกำลังจมอยู่กับหนี้สิน ผู้บริโภคชาวจีนยังลังเล

แต่สำหรับการเติบโตของ GDP ในปีนี้ จีนยังคงตั้งเป้าไว้ที่เกินร้อยละ 4 อย่างสบายๆ โดยได้รับความช่วยเหลือจากแพ็กเกจช่วยเหลือหนี้ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลัง และการสนับสนุนอย่างเป็นทางการรูปแบบอื่นๆ

ถาม : หากมีการเปลี่ยนแปลงประธานาธิบดีในไต้หวัน จะจุดชนวนให้จีนเปิดฉากโจมตีหรือไม่?

ตอบ : ไม่

คนจำนวนมากทั้งในและนอกไต้หวันกังวลเกี่ยวกับสงครามมากขึ้น เพราะจีนโหมการซ้อมรบทางทหารรอบๆ เกาะไต้หวัน

ไล่ชิงเต๋อจากพรรคเดโมแครตก้าวหน้า ซึ่งโพลทั้งหลายบอกว่าเป็นตัวเต็งในการเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 13 มกราคมนี้ ก็มีภูมิหลังที่แตกต่างไปจาก ไช่ อิงเหวิน ผู้นำปัจจุบันมาก แม้จะอยู่พรรคเดียวกัน

แต่ไล่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า เขาจะเดินหน้าตามจุดยืนทางนโยบายจีน “อย่างระมัดระวัง” ซึ่งจะทำให้ปักกิ่งไม่มีข้ออ้างในการโจมตี

ดูเหมือนว่าผู้นำจีนภายใต้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังคงเชื่อเช่นกันว่าตนมีโอกาสที่จะบีบบังคับไต้หวันให้รวมชาติโดยไม่ต้องสู้รบ

ด้วยการยกระดับการข่มขู่ทางทหาร การแทรกซึมทางการเมือง การหว่านล้อมทางเศรษฐกิจ และการโดดเดี่ยวไต้หวันจากนานาชาติ.