บันทึกหน้า 4

แล้วก็เป็นไปตามโหราพยากรณ์ที่ได้เคยเปิดฤกษ์เอาไว้ตั้งแต่กลางเดือนมกราคมว่า “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” สส.บัญชีรายชื่อ และพรรคก้าวไกล (ก.ก.) จะได้เริงร่ากับการหลุดพ้นจากเรื่องถือครองหุ้นไอทีวีได้แค่สัปดาห์เดียว เพราะสัปดาห์ต่อมาอาจต้องเอาตีนก่ายหน้าผากตัวเอง ซึ่งก็เป็นไปตามที่ทำนายทายทักไว้ โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติเอกฉันท์ระบุว่า การกระทำของ “พิธา-ก้าวไกล” เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ...๐

นอกจากนั้นศาลยังสั่งให้ “พิธา-ก้าวไกล” เลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่นเพื่อให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกทั้งไม่ให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย เรียกว่า ตอกฝาโลงในเรื่องแก้มาตรา 112 ไปได้

ซึ่งอาจจะหมายรวมถึงการนิรโทษกรรมในคดีที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 ด้วย ...๐

งานนี้ต้อง บันทึกชื่อของ “ฮีโร่” ตัวจริงก็คือ “ธีรยุทธ สุวรรณเกษร” ซึ่งเป็นผู้ร้องเรื่องดังกล่าว รวมทั้ง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 ท่าน ได้แก่ “วรวิทย์ กังศศิเทียม-นครินทร์ เมฆไตรรัตน์-ปัญญา อุดชาชน-อุดม สิทธิวิรัชธรรม-วิรุฬห์ แสงเทียน-จิรนิติ หะวานนท์-นภดล เทพพิทักษ์-บรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์-อุดม รัฐอมฤต” ไว้ในหัวใจของผู้รักชาติรักสถาบันด้วย ...๐

หากใครได้ฟังคำแถลงด้วยวาจา ซึ่งมีรายละเอียดมากกว่าเอกสารแถลงข่าวของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญด้วยแล้ว ต้องบอกว่าเป็นการลอกเปลือกส้มออกมาให้สังคมเห็นกันชัดเจนถึงเป้าหมายอย่างแท้จริงแบบไม่มีกั๊กแต่ประการใด อาทิ “มีเจตนามุ่งหมายแยกสถาบันพระมหากษัตริย์กับความเป็นชาติไทยออกจากกัน เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐอย่างมีนัยสำคัญ” “ผู้ถูกร้องทั้ง 2 ต้องการลดทอนการคุ้มครองสถาบันฯ ลง โดยผ่านร่างกฎหมาย และอาศัยกระบวนการทางนิติบัญญัติอาศัยความชอบธรรมซ่อนเร้นผ่านสภา” “เป็นการใช้นโยบายพรรคโดยนำสถาบันฯ หวังผลคะแนนเสียง และประโยชน์ในการชนะเลือกตั้ง มุ่งหมายให้สถาบันฯ อยู่ในฐานะคู่ขัดแย้งกับประชาชน ทำให้สถาบันฯ เป็นฝักใฝ่ ต่อสู้ แข่งขัน หรือรณรงค์ทางการเมือง อันอาจนำมาซึ่งการโจมตี ติเตือน ไม่คำนึงหลักการพื้นฐานสำคัญของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” “พรรคก้าวไกลเป็นกลุ่มการเมืองมีอุดมการณ์เปลี่ยนแปลงแก้ไข ยกเลิกบทบัญญัติกฎหมายที่คุ้มครองสถาบันฯ” ...๐

ต้องบอกว่าเล่นเอา “ส้มสะดุ้ง” กันเป็นทิวแถว ที่สำคัญงานนี้ศาลรัฐธรรมนูญยังได้อธิบายชัดๆ ถึงคำว่า “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” และคำว่า “เสรีภาพ” ที่พรรค ก.ก.มักอ้างอยู่เสมอๆ ด้วย โดยในเรื่อง “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” นั้น ศาลระบุว่าประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 2 ประการ คือ 1.ระบอบประชาธิปไตย และ 2.พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คำว่าระบอบประชาธิปไตยเป็นรูปแบบการปกครองที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ส่วนพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นการให้ความหมายประมุขของรัฐว่า ประเทศปกครองโดยมีประมุขของรัฐรูปแบบพระมหากษัตริย์ โดยหลักการตามรัฐธรรมนูญมุ่งหมายให้หลักการและคุณค่าทางรัฐธรรมนูญ ที่รองรับการดำรงอยู่ของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มิให้ล้มเลิก หรือสูญเสียไป ส่วนการใช้สิทธิหรือเสรีภาพนั้น ศาลก็ตีแผ่กันให้เห็นจะจะว่าต้องสอดคล้องกติการะหว่างประเทศ ไว้ 3 ข้อ คือ 1.ต้องไม่กระทบความมั่นคงปลอดภัยต่อชาติ 2. ต้องไม่กระทบความสงบเรียบร้อย และ 3.ต้องไม่กระทบสิทธิเสรีภาพของคนอื่น ...๐

นี่ยังไม่นับกรณีศาลกรีดเล็กๆ ในเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนว่าด้วยการแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งมีทั้งยกรายชื่อของตัวตึงทั้งหลาย รวมถึงบรรดานายประกันหน้าเก่าในคดี 112 ซึ่งดาบแรกก็จบไปแล้ว ตอนนี้ก็ต้องดูว่า 6 อรหันต์แห่งคณะกรรมการการเลือกตั้งจะเดินหน้าเรื่องดังกล่าวอย่างไรและรวดเร็วเพียงไหน เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นผูกพันทุกองค์กร บรรทัดนี้จึงต้องขอจารึกชื่อ กกต.ทั้ง 6 ไว้เพื่อรอดูผลงาน ซึ่งประกอบด้วย “อิทธิพร บุญประคอง-สันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์-ปกรณ์ มหรรณพ-เลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ-ฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ-ชาย นครชัย”…๐

 

ท.ศักดิ์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน

บันทึกหน้า 4

ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว

บันทึกหน้า 4

หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว

บันทึกหน้า 4

ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย

บันทึกหน้า 4

น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.