'ถอดอีเอ็ม'

วันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ จับตาว่า “นักโทษเทวดา” ทักษิณ ชินวัตร จะได้ออกมาพักโทษ กลับบ้านโดยไม่ถูกอายัดตัวเพื่อดำเนินคดีตามมาตรา 112 หรือไม่

หากเป็นเช่นนั้นจริงก็จะสอดคล้องกับข้อกล่าวหาว่า มีอำนาจเหนือกว่านักโทษคนอื่นๆ นอกยังไม่ได้ติดคุกจริงสักวันแล้ว ยังอาจมีอภิสิทธิ์ชนเหลือกว่าผู้ใดอีกด้วย 

“เทพไท เสนพงศ์” อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ประกาศ!!! ถ้า 'ทักษิณ' พักโทษ ไม่ติดกำไลอีเอ็ม ขอให้มาถอดกำไลอีเอ็มที่ข้อเท้า 'เทพไท' ด้วย" ใจความว่า ตามที่มีกระแสข่าวว่า คุณทักษิณ นักโทษชายเด็ดขาด ได้รับสิทธิ์เข้าเกณฑ์พักโทษ ในวันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งตรงกับวันหยุดราชการ 

อาจจะต้องเลื่อนไปเป็นวันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันทำการของกรมคุมประพฤติ แต่ถ้าหากว่าคุณทักษิณได้รับการพักโทษในวันอาทิตย์ตามกำหนดจริง ก็แสดงให้เห็นว่าคุณทักษิณเป็นนักโทษเทวดาของจริง มีอำนาจเหนือกว่านักโทษคนอื่นๆ ทุกคน

เมื่อเปรียบเทียบกับการพักโทษของผมนั้น ซึ่งครบกำหนดได้รับการพักโทษตรงวันเสาร์ แต่เป็นวันหยุด ซึ่งข้าราชการกรมคุมประพฤติไม่สามารถมาติดกำไลอีเอ็มได้ จึงเลื่อนการพักโทษเป็นวันจันทร์ถัดมา

ซึ่งจะต้องตรวจสอบว่า คุณทักษิณได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการพักโทษเหมือนกับนักโทษอื่นๆ หรือไม่ นั่นก็คือการติดกำไลอีเอ็มที่ข้อเท้า ตลอดเวลาจนครบกำหนดโทษ

ถ้าหากกรมคุมประพฤติเลือกปฏิบัติต่อคุณทักษิณ โดยยกเว้นการติดกำไลอีเอ็มที่ข้อเท้า ไม่ว่าจะอ้างเหตุผลใดๆ ก็ตาม 

คิดว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ และปฏิบัติสองมาตรฐาน ถ้าหากคุณทักษิณไม่ติดกำไลอีเอ็มที่ข้อเท้าจริงตามที่ปรากฏเป็นข่าว

"ขอความกรุณาให้ผู้รับผิดชอบมาถอดกำไลอีเอ็มที่ข้อเท้าผม ซึ่งได้ติดมากว่า 3 เดือนแล้ว เพื่อให้เท่าเทียมกับคุณทักษิณ จะเป็นพระคุณอย่างสูง"  

นอกจากต้องมาถอดกำไลอีเอ็มให้ "เทพไท" แล้ว คงต้องไปถอดให้คนอื่นๆ ที่ได้รับพักโทษด้วยถึงจะเป็นธรรม!!!. 

ช่างสงสัย   

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อำลา‘ก.ท่องเที่ยวฯ’

เป็นช่วงเวลาของการอำลาตำแหน่งและการย้ายกระทรวงของบรรดารัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่บางคนต้องออกไปถาวร หรือบางคนแค่ย้ายกระทรวง ทำให้ช่วงนี้เห็นบรรยากาศอบอวลไปด้วยความอบอุ่นของบรรดาข้าราชการกระทรวงต่างๆ ที่จัดงานอำลาให้กับเจ้ากระทรวงของตัวเอง

ไม่ได้หมายถึงเรื่องใด

ช่วงปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา นั้นเป็นที่วิพาษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เมื่อ อ. ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม และ ศาสตราภิชานประจำคณะนิติศาสตร์

สายล่อฟ้า

ปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)เศรษฐา1/1 เกิดเหตุตามหลังมากกมาย ที่กล่าวขานกันมากก็กรณี “ปานปรีย์ พหิทธานุกร” ลาออกจากการเป็นรมว.ต่างประเทศ เรียกว่าทุกสายตาคอการเมืองพุ่งเป้าไปที่นั่น

“วันสบายๆ”

การเมืองช่วงนี้ร้อนแรงไม่แพ้กับอากาศจริงๆ เพราะนอกจากจะร้อนแล้วยังระอุไปทั่ว ทั้งประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ถึงรายชื่อรัฐมนตรี ทั้งพ้นความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี โดยมีชื่อที่คุ้นหน้าคุ้นตากันหลายชื่อ

บันทึกหน้า 4

ควันหลงการปรับ ครม.เศรษฐา 1/1 เกิดดรามามากมาย โดยเฉพาะจากคนที่ผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ที่พ้นกระทรวงสาธารณสุข กลับไปทำงาน สส. รวมถึงกรณี นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่หลุดจากตำแหน่งรองนายกฯ

นิ่งแบบนี้มีลุ้น

ช่วงตั้ง ครม.เศรษฐา 1 ใหม่ๆ หลายคนคาดการณ์ สมศักดิ์ เทพสุทิน คงนั่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีอยู่ทำเนียบรัฐบาลไม่นาน เพราะถนัดงานกระทรวงมากกว่า