ไทยโพสต์ "อิสรภาพแห่งความคิด" www.thaipost.net พลพรรคเพื่อไทยปากแจ๋วทั้งหลายพากันเงียบฉี่ มีเพียงนายกฯ เศรษฐา ที่ออกอาการฟาดงวงฟาดงาไปเมื่อวันพุธ หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 2.50 ต่อปี ล่าสุดฟากรัฐบาลมีเพียง รมช.คลัง "กฤษฎา จีนะวิจารณะ" บอกเสียงอ่อย ช่วงนี้อยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทยใช้นโยบายการเงินมาช่วยดูแลเศรษฐกิจให้สอดคล้องกัน เนื่องจากนโยบายการคลังได้ออกไปเยอะมากแล้ว ส่วนขาประจำอย่าง "กิตติรัตน์ ณ ระนอง" ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ซึ่งถนัดโพสต์เฟซบุ๊กอบรมแบงก์ชาติ ก็ยังฟาดต่อเนื่อง "มือไม่พาย เอาหางราน้ำ" ทำให้ย้อนนึกถึงสมัยที่ "เสี่ยโต้ง" นั่งรองนายกฯ ควบขุนคลัง ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ช่วงปี 255-2557
เรียกว่าเป็น 2 ปี ไม้เบื่อไม้เมากับ "ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล" ผู้ว่าการ ธปท. ในขณะนั้น โดยไม่พอใจนโยบายแก้ปัญหาเงินบาทแข็งค่า พยายามกดดันให้ลดดอกเบี้ย ที่สำคัญ ดร.ประสารยังขวางนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ 1.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปลงทุนต่างประเทศตามข้อเสนอของรัฐบาล จนออกปากเองอยากปลดผู้ว่าฯ สุดท้าย 7 พ.ค.2557 เสี่ยโต้งโดนปลดซะเอง หลังศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องในการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี จากตำแหน่งเลขาธิการ สมช.
๐ เหตุผลสำคัญที่ทำให้ "ดร.ประสาร" อยู่ได้ครบวาระ 5 ปี จนถึง 30 ก.ย.2558 ถึงแม้ในอดีตจะเคยมีผู้ว่าการแบงก์ชาติ 4 คน ถูกปลดพ้นจากตำแหน่ง คนแรกก็คือ "โชติ คุณะเกษม" ผู้ว่าการคนที่ 9 ในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 พ.ค.2502 สาเหตุพัวพันกรณีจ้างต่างชาติพิมพ์ธนบัตร รายที่สอง "นุกูล ประจวบเหมาะ" ผู้ว่าการคนที่ 13 สมัยนายสมหมาย ฮุนตระกูล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 13 ก.ย.2527 เพราะขัดแย้งนโยบายเงินฝาก ส่วนรายที่สาม "กำจร สถิรกุล" ผู้ว่าการคนที่ 14 ยุคนายประมวล สภาวสุ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2533 จากความขัดแย้งเรื่องอัตราดอกเบี้ย และ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หรือ “หม่อมเต่า” ผู้ว่าการคนที่ 19 สมัยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นขุนคลัง เมื่อวันที่ 30 พ.ค.2544 โดยคาดว่าเป็นเรื่องดอกเบี้ย เพราะหลังแต่งตั้ง "หม่อมอุ๋ย" มาดำรงตำแหน่งแทนเพียงไม่กี่วัน ก็ประกาศขึ้นดอกเบี้ยถึง 1% กระทั่งภายหลังหม่อมเต่าเปิดใจว่า “ถูกปลดเพราะไม่สนองนโยบายการปล่อยสินเชื่อให้ธุรกิจเอสเอ็มอี" หากดูไทม์ไลน์ทั้ง 4 คน ก็เกิดขึ้นก่อนจะมีพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2551 เพราะเดิม พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2485 การแต่งตั้งหรือการถอดถอนให้อำนาจคณะรัฐมนตรี โดยระบุไว้ในมาตรา 19 ว่า "พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งหรือถอนจากตำแหน่งซึ่งผู้ว่าการและรองผู้ว่าการ โดยคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี"
๐ ต่างจาก พ.ร.บ.ฉบับปี 2551 ถือเป็นการแก้ไขกฎหมายครั้งใหญ่ มีการปรับโครงสร้าง ธปท. ให้เหมาะสมกับการดำเนินภารกิจในการดำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพทางการเงิน ทันต่อเหตุการณ์และสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจทางการเงินของโลก โดยเฉพาะทำให้ผู้ว่าการ ธปท. มีความเป็นอิสระในการบริหารจัดการ ดังนั้น ครม. จึงไม่มีอำนาจปลดได้ตามใจเหมือนก่อน ซึ่งระบุไว้ชัดในมาตรา 28/19 (4) "คณะรัฐมนตรีมีมติให้ออกโดยคำแนะนำของรัฐมนตรี เพราะมีความประพฤติเสื่อมเสียอย่างร้ายแรงหรือทุจริตต่อหน้าที่" และมาตรา 28/19 (5) "คณะรัฐมนตรีมีมติให้ออกโดยคำแนะนำของรัฐมนตรีหรือการเสนอของรัฐมนตรี โดยคำแนะนำของคณะกรรมการ ธปท. เพราะบกพร่องในหน้าที่อย่างร้ายแรง หรือหย่อนความสามารถ โดยมติดังกล่าวต้องแสดงเหตุผลในการให้ออกอย่างชัดแจ้ง" กลายเป็นเกราะป้องกันสำคัญของผู้ว่าการแบงก์ชาติ ที่ทำให้ฝ่ายการเมืองต้องถอยทัพ ขืนกล้าปลด มีหวังต้องไปสู้คดีในชั้นศาล ซึ่งโอกาสชนะแทบมองไม่เห็น ไม่แปลกที่กิตติรัตน์ถึงปลดได้แต่ปาก เพราะฉะนั้นต่อให้นายกฯ หรือบรรดาเพื่อไทยทั้งหลายจะลงแขกเขย่าเก้าอี้ทุกวี่วัน ณ วันนี้ "ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ" ก็ยังคงมีสถานะเป็นผู้ว่าการ ธปท.
ลี้คิมฮวง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน
บันทึกหน้า 4
ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว
บันทึกหน้า 4
หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว
บันทึกหน้า 4
ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย
บันทึกหน้า 4
น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.



