ใช่อื่นไกล
"ฮุน เซน" กับ "ทักษิณ" คู่หูดูโอในตำนาน
ฉะนั้นไม่แปลกอะไร ที่ผู้มีบารมีเหนือรัฐบาลกัมพูชา จะเดินทางมาเยือนเพื่อนเก่าถึงบ้านจันทร์ส่องหล้า
ประเดิมก่อนลูกหาบในพรรคเพื่้อไทยได้เข้าพบด้วยซ้ำ
แล้วมีนัยสำคัญอะไรหรือไม่?
หากพิจารณาตามเนื้อผ้า มีเรื่องไทยต้องคุยกับกัมพูชา เพราะยังคุยกันไม่จบ คือพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา (Overlapping Claims Areas - OCA)
๗ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา "ฮุน มาเนต" นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ลูกชาย ฮุน เซน เดินทางมาคุยเรื่องนี้กับนายกฯ เศรษฐา
สรุปคร่าวๆ ในวันนั้นจากโฆษกรัฐบาล ชัย วัชรงค์
“.....ทั้งสองฝ่ายได้หารือและตกลงที่จะกระชับความร่วมมือในด้านความมั่นคงด้านพลังงาน มีการตกลงที่จะหารือเพิ่มเติมเพื่อแสวงหาประโยชน์ร่วมกันจากทรัพยากรไฮโดรคาร์บอนในพื้นที่เรียกร้องที่ทับซ้อนกันระหว่างทั้งสองประเทศ....”
ก็ยังต้องคุยกันต่อ...
พื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ที่ผูกโยงไว้ด้วย บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน ที่เรียกกันว่า MOU 2544 ถือเป็นข้อตกลงชั่วคราว ที่รัฐบาลทั้ง ๒ ประเทศจะต้องมาเจรจากันเพื่อหาข้อยุติในเรื่องการปักปันเขตแดนทางทะเลที่มีปัญหาทับซ้อนกัน
จนเวลาผ่านมาถึง ๒๓ ปี ก็ยังไม่สามารถตกลงกันได้
เมื่อมอง "ฮุน เซน" กับ "ทักษิณ" ย้อนกลับไปปี ๒๕๔๔ จะเห็นภาพชัดเจนขึ้น
MOU นี้จัดทำขึ้นเมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๔๔ ณ กรุงพนมเปญ กัมพูชา หลัง "ทักษิณ" ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่นานนัก
เมื่อเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง มีความพยายามผลักดันการเจรจาตาม MOU ๒๕๔๔
แต่ก็มีความแคลงใจจากวุฒิสภา เพราะนอกจากเรื่องผลประโยชน์แล้ว ยังมีเรื่องอธิปไตยอีกด้วย
"คำนูณ สิทธิสมาน" ยอมรับห่วงรัฐหารือพื้นที่ทับซ้อนไหล่ทวีปไทย-กัมพูชา เพราะปัญหา ๓ ล็อก จาก MOU ๒๕๔๔ อาจเจอทางตันและไปต่อไม่ได้
พร้อมย้ำโจทย์ต้องหารือพื้นที่แบ่งประโยชน์-ทับซ้อน ให้ได้ข้อสรุปพร้อมกัน โดยไทยต้องไม่เสียอธิปไตย
"....มีหลักประกันอะไร ที่การหารือยึดโยงกับ MOU ๒๕๔๔ แล้วไทยจะไม่เสียผลประโยชน์ หรือ สิทธิอธิปไตย จึงอยากให้รัฐบาลทบทวน
การหารือร่วมกันของรัฐบาลไทย-กัมพูชา อาจไม่สามารถตกลงกันเองได้ หากแต่ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาด้วย..."
ก่อนนี้ "คำนูณ สิทธิสมาน" ได้ตั้งข้อสังเกตว่าหากเจรจาไม่รอบคอบไทยอาจเสียเปรียบ
------------------------------
เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศที่ไทยไปลงนามอย่างเป็นทางการ “รับรู้” และ “ยอมรับ (การมีอยู่)” ของเส้นเขตไหล่ทวีปที่กัมพูชาประกาศออกมาเมื่อเดือนกรกฎาคม ๒๕๑๕ โดยไม่มีหลักกฎหมายและข้อเท็จจริงใดๆ รองรับ ทั้งยังอาจพิจารณาได้ว่าเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรไทยเสียด้วยซ้ำ
เส้นที่เห็นกันชินตาในรอบ ๒๐ ปีมานี้ว่าลากผ่าน “เกาะกูด” นั่นแหละ
ทั้งนี้ โดยลากออกมาจากแผ่นดินบริเวณหลักเขตแดนไทยกัมพูชาที่ ๗๓ บริเวณบ้านหาดเล็ก ตำบลหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ตรงลงทะเลมาทางทิศตะวันตกประชิดและอ้อมเกาะกูดเป็นครึ่งวงกลมตรงไปยังกึ่งกลางอ่าวไทยบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์แล้ววกลงใต้ขนานกับแผ่นดินกัมพูชา
เป็นเส้นเขตไหล่ทวีปที่นักกฎหมายระหว่างประเทศ อดีตอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ บางคน และอดีตนายทหารเรือชั้นผู้ใหญ่หลายคน เคยขนานนามไว้ต่างๆ นานาในรอบ ๒๐ ปีมานี้
“เส้นนอกกฎหมาย” บ้าง “เส้นตามอำเภอใจ” บ้าง "เส้นยโสโอหัง” บ้าง ไปจนถึง "เส้นอันธพาล” แม้แต่ผมเองยังเคยเขียนบทความเรียกว่า…
“เส้น (ไหล่ทวีป) วิปลาส ๒๕๑๕”
แต่วันนี้ หลังจากทบทวนข้อมูลต่าง ๆ ในรอบ ๑๒-๑๕ ปีมานี้ถึงเบื้องหลังที่มาของเส้นเขตไหล่ทวีป ๒๕๑๕ ของกัมพูชา ผมอยากจะขนานนามตรงไปตรงมาว่า…
“เส้นฮุบปิโตรเลียม“
----------------------
กระทรวงการต่างประเทศเองก็เคยให้มูลว่าการประชุมระหว่างไทยกับกัมพูชาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ท่าทีของกัมพูชา คือ ต้องการพูดคุยในประเด็นเรื่องการพัฒนาร่วมเท่านั้น
ไม่ต้องการพูดคุยในเรื่องเขตแดนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา
โดยที่กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ได้เคยแจ้งกับทางกัมพูชาไปแล้วหลายครั้งว่า ไม่สามารถยอมรับเส้นเขตแดนทางทะเลของกัมพูชาที่ลากผ่านกลางเกาะกูด ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของไทยได้
อีกทั้งการลากเส้นผ่านกลางเกาะกูดดังกล่าวยังไม่เป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศอีกด้วย
ครับ...นั่นคือเรื่องผลประโยชน์ ระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่อาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนของนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง
และอาจส่งผลไปถึงอธิปไตยของชาติ
แม้หน้าฉาก "ฮุน เซน" จะโพสต์ความรู้สึกผ่านโซเชียลว่า...
"...เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่บ้านในกรุงเทพมหานคร แม้จะยังป่วย แต่นายทักษิณได้ให้การต้อนรับอย่างดีแบบพี่น้อง โดยมี 'อุ๊งอิ๊ง' ลูกสาวคนเล็ก หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ร่วมให้การต้อนรับด้วย
ทั้งนี้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ได้เชิญ 'อุ๊งอิ๊ง' ไปเยือนกัมพูชา ในวันที่ ๑๔-๑๕ มีนาคมนี้
ทั้งสองอดีตนายกรัฐมนตรี ได้พูดคุยกัน โดยไม่มีเรื่องการเมือง มีแต่การรำลึกความทรงจำในมิตรภาพระหว่างกันตลอด ๓๒ ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี ๑๙๙๒ ขอบคุณน้องชายและหลานที่ให้การต้อนรับอย่างดี..."
แต่หลังฉาก ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการพบกันของทั้งคู่ มีอิทธิพลกับรัฐบาลทั้ง ๒ ประเทศ
เหมือนผู้นำตัวจริงกรุยทางให้!
พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเต็มไปด้วยผลประโยชน์มหาศาล มันหอมหวานล่อให้นักการเมืองตาลุกวาว
ฉะนั้นอย่าให้คลาดสายตา
๖ เดือนนับจากนี้บ้านจันทร์ส่องหล้า จะกลายเป็นศูนย์บัญชาการในเรื่องสำคัญๆ ของรัฐบาล
ที่ระบุมานี้ไม่เกินจริงเลยครับ
พรรคเพื่อไทยไม่ได้มีก๊กเดียว
เพราะเมื่อครั้ง "นักโทษชายทักษิณ" ยังเร่ร่อนเป็น สัมภเวสี ในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นฮ่องกง สิงคโปร์ กัมพูชา หรือแม้กระทั่งดูไบ เมื่อมีเรื่องทุกข์ร้อนใจบรรดาสมุนแต่ละก๊ก จะยกพลไปขอให้เคาะหัวถึงที่
คราวนี้ง่ายแล้วครับ ไม่ต้องไปต่างประเทศ
บ้านจันทร์ส่องหล้าอยู่แค่เอื้อม.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เรื่อง 'ถุงขนม ๒ ล้าน'
ว่าไปก็น่าประหลาดใจ คณะรัฐมนตรีในรัฐบาลที่ได้รับเสียงสรรเสริญว่ามาจากการเลือกตั้ง มีความเป็นประชาธิปไตย มักมีหน้าตาสู้รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ถูกสาปแช่งว่าเป็นเผด็จการกดหัวประชาชนไม่ได้
ทันเหลี่ยม 'ธนาธร'!
คงจะห้ามไม่อยู่ กกต.เตือนว่าห้าม จัดแคมเปญ จูงใจ ชี้ชวน รวบรวมบุคคลจากหลากหลายอาชีพ รวม ๒๐ กลุ่ม ให้เป็นผู้เสนอตัวสมัครเข้ารับการเลือกให้เป็นสมาชิกวุฒิสภาในระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ระดับประเทศ
ยิ่งปรับยิ่งชินวัตร
ยังเป็นที่คาใจกันอยู่ การลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ของ "ปานปรีย์ พหิทธานุกร" เพียงไม่กี่ชั่วโมงนั้น เกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่
'ครม.ทักษิณาฐา'
ส่องกันอยู่ร่วมเดือน รัฐมนตรี ว่าที่รัฐมนตรี ลุ้นกันชนิดกินข้าวไม่ได้นอนไม่หลับกันหลายวัน เพราะคนที่อยู่ไม่รู้ว่าจะหลุดหรือไม่ ส่วนคนมาใหม่ไม่รู้จะได้เสียบหรือเปล่า
'สว.สีส้ม' ปีศาจตนใหม่
มาช้ายังดีกว่าไม่มา คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เริ่มขยับแล้ว
'นักโทษ'ตรวจการบ้าน
ยกประเทศให้ไปเลยดีมั้ยครับ นานๆ ประชดที เพราะทนเห็นบางคนยังใช้สันดานเดิม เป็นสันดานที่ทำให้ต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศนานถึง ๑๗ ปีไม่ได้