เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ

รายงานอ้างแหล่งข่าวชาวพม่ารายหนึ่งซึ่งเคยเป็นครูโรงเรียนประถมในเขตอิรวดีเปิดเผยกับ Frontier Myanmar ว่าเขาถูกเพื่อนซึ่งเป็นผู้ต่อต้านรัฐบาลทหารด้วยกันหลอกไปทำงานที่ลาวโดยอ้างว่าเป็นงานบริการในธุรกิจท่องเที่ยว

แต่เมื่อไปถึงที่ทำงานซึ่งฉากหน้าเป็นกาสิโนในสถานบันเทิงครบวงจรแห่งหนึ่งใน SEZ (Special Economic Zone) ลาว เขาจึงรู้ว่าตัวเองถูกหลอกมาทำงานเพื่อเป็นตัวตายตัวแทนให้นายจ้างยอมปล่อยเพื่อนเขากลับบ้านเกิด

หลังจากนั้นเขาต้องร่วมปฏิบัติการ ‘เชือดหมู’ (pig butchering) ซึ่งเป็นศัพท์ที่กลุ่มทุนผิดกฎหมายใช้แทนการหลอกลวงเหยื่อในประเทศต่างๆ ทางออนไลน์

โดยเริ่มจากการสั่งให้แรงงานต่างชาติเหล่านี้สร้างบัญชีปลอมในสื่อโซเชียลต่างๆ ให้ดูร่ำรวย-น่าเชื่อถือ

จากนั้นจึงสั่งให้หาเหยื่อเพื่อชักชวนมาลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีปลอม

ในระยะแรกจะมีการจ่ายเงินตอบแทนด้านการลงทุนให้เหยื่อตายใจ และหลอกให้เหยื่อเพิ่มเงินลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงระดับที่ตั้งเป้าไว้ว่าได้กำไรแล้วจึงยึดเงินของเหยื่อและตัดขาดการติดต่อทั้งหมด

แหล่งข่าวชาวพม่าคนดังกล่าวมีการศึกษาระดับปริญญา สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี จึงได้รับค่าตอบแทนเดือนละ 3,000 หยวน (ประมาณ 1.3 ล้านจ๊าต)

และถูกสั่งให้หลอกลวงเหยื่อในประเทศที่พูดภาษาอังกฤษเป็นหลัก ซึ่งรวมถึงคนอเมริกัน

ระหว่างทำงานนายจ้างจะจับตาดูแรงงานเหล่านี้ตลอดเวลา อนุญาตให้ออกนอกสถานที่ได้แค่เดือนละครั้ง

ทั้งยังตั้งเป้าชัดเจนว่าแต่ละคนต้องทำเงินให้บริษัทต่อเดือนเท่าไร

ใครที่ทำไม่ได้ตามเป้าจะถูกลงโทษ ซึ่งมีทั้งการทุบตี อดอาหาร หรือบางรายที่คิดหลบหนีจะถูกซ้อมหรือถูกขายต่อให้ธุรกิจสีเทาอื่นๆ ที่ให้ค่าจ้างน้อยยิ่งกว่าเดิม

แต่ถ้าใครยอมจ่ายเงินชดเชยให้บริษัทสีเทาเหล่านี้ก็มีโอกาสได้รับการปล่อยตัว

ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่แหล่งข่าวรายนี้บอกว่าตัวเองถูกใช้งาน ‘เยี่ยงทาส’ อยู่หลายเดือน เขาก็เลือกที่จะจ่ายเงินไถ่ตัวเองกลับประเทศบ้านเกิด

ทำให้ครอบครัวของเขากลายเป็นหนี้หนักยิ่งกว่าเดิมเพราะต้องกู้หนี้ยืมสินก้อนใหญ่มาจ่ายค่าไถ่ตัว

แต่เขารู้สึกว่ายังดีกว่าการหลอกคนมาทำงานแทนเหมือนกับที่เขาเคยถูกเพื่อนหลอก

ส่วนแหล่งข่าวอีกรายเป็นหญิงชาวพม่า ให้ข้อมูลว่าเธอทำงานที่ SEZ ลาวตั้งแต่ก่อนโควิด-19 ระบาด และเป็นพนักงานทำความสะอาดในสถานบันเทิงครบวงจร

ขณะที่แรงงานจากเมียนมาที่เข้ามายัง SEZ ในช่วงแรกๆ ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทา เพราะส่วนใหญ่ถ้าไม่รับทำความสะอาดก็จะทำงานครัวหรือก่อสร้าง

แต่หลังจากโควิดบรรเทาลง รัฐบาลลาวเปิดรับนักท่องเที่ยว คนรุ่นใหม่จากเมียนมาที่มีการศึกษาสูงๆ และสื่อสารภาษาต่างชาติได้เริ่มมาทำงานให้เครือข่ายสแกมเมอร์เพิ่มขึ้น ซึ่งก็มีทั้งผู้ที่ถูกหลอกลวงและผู้ที่สมัครใจมา

แต่เมื่อต้องทำงานหลอกลวงคนและเจอสภาพการทำงานที่กดดันเพราะการตั้งเป้ารายได้ต่อเดือนของนายจ้างนั้นสูงมาก แรงงานเหล่านี้จึงพยายามหลบหนีหรือไม่ก็หาทางกลับประเทศ

 

รายงานของ Frontier Myanmar สอดคล้องกับรายงานของ ICG และ USIP ที่ระบุว่าการปราบปรามกลุ่มอาชญากรข้ามชาติของทางการจีนในเล้าก์ก่ายและสีหะนุวิลล์ของกัมพูชา

ทำให้กลุ่มทุนสีเทาเปลี่ยนเป้าหมายจากการหลอกลวงเหยื่อในประเทศจีนไปยังประเทศอื่นๆ แทน และมีการล่อลวงแรงงานจากหลายประเทศมาทำงานเพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงคนเมียนมา มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ บราซิล ไนจีเรีย จอร์เจีย และไทย

ขณะเดียวกัน การส่งแรงงานจากเมียนมาไปป้อนให้กับธุรกิจผิดกฎหมายใน SEZ ลาวยังเกี่ยวพันกับกลุ่มชาติพันธุ์ว้าอีกด้วย เพราะกองทัพว้า – UWSA (United Wa State Army) เป็นผู้ดูแลเขตปกครองตนเองในรัฐฉานของเมียนมา

ซึ่งด้านหนึ่งมีพรมแดนติดกับจีน อีกฝั่งติดไทย ไม่ไกลจากสามเหลี่ยมทองคำที่มีแม่น้ำโขงเชื่อมต่อไทย เมียนมา ลาว ทั้งยังเป็นเส้นทางลักลอบขนส่งสินค้าผิดกฎหมายในแถบนี้มานานแล้ว ไม่ว่าจะสัตว์ป่า ยาเสพติด อาวุธเถื่อน หรือการค้ามนุษย์

สำนักข่าวชายขอบบอกว่ารายงานของทั้ง 3 แห่งจึงสรุปใกล้เคียงกันว่าประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เอื้อต่อการก่อเหตุของขบวนการผิดกฎหมายต่างๆ

โดยกรณีของเมียนมามีปัญหาความขัดแย้ง รัฐบาลทหารพม่าต้องรับมือกับกลุ่มติดอาวุธและการต่อสู้ของฝ่ายต่อต้าน พื้นที่ชายแดนจึงมักขึ้นอยู่กับอำนาจของกองกำลังติดอาวุธกลุ่มชาติพันธุ์ว่าจะจัดการหรือจะต่อรองผลประโยชน์กับกลุ่มอิทธิพลเถื่อนอย่างไร

อีกประเด็นที่สำคัญคือหลายประเทศแถบนี้มีปัญหาเรื้อรังเรื่องเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวพันการทุจริตรับเงินสินบนและอาจมีส่วนร่วมกับเครือข่ายอาชญากรรมเสียเอง

ขณะที่การก่อเหตุของกลุ่มอาชญากรข้ามชาติในยุคดิจิทัลก็ไม่จำกัดพื้นที่ สามารถหลอกลวงไปได้ไกลและอาจพบผู้เสียหายทั่วโลก

การตั้งฐานปฏิบัติการในประเทศเหล่านี้จึงช่วยให้กลุ่มอาชญากรมีโอกาสลอยนวลพ้นผิดได้มากกว่าการเสี่ยงก่อเหตุในประเทศอื่นที่มีระบบตรวจสอบและธรรมาภิบาลที่ดีกว่า

น่าเชื่อว่าหน่วยราชการไทยตรงชายแดนและที่โยงกับความมั่นคงก็ควรจะมีข้อมูลเหล่านี้พอสมควร

แต่เรายังไม่ได้เห็นการปฏิบัติการของฝ่ายไทยที่จะร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านที่เกี่ยวข้องในการประสานงานเพื่อปราบปรามเครือข่ายมิจฉาชีพข้ามชาติที่กำลังจะกลายเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงต่อประเทศต่าง ๆ ในแถบนี้อย่างน่าหวาดหวั่นยิ่ง

 

(แหล่งอ้างอิง: FrontierMyanmar, USIP, International Crisis Group, UNODC)

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’

ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon  โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ