'ส.ป.ก.ทับลาน' ร้อนๆ จ้า

เรื่องกฎหมายที่ "ไปไม่สุด" นี่ เหมือนคน "กินยาไม่ครบโดส"

ผลที่ตามมาคือ "โรคดื้อยา"!

กรณี นำกัญชากลับไปเป็น "ยาเสพติด ประเภท ๕" ก็ดี

กันพื้นที่ชุมชน ๒๖๕,๐๐๐ ไร่ในเขต "อุทยานแห่งชาติทับลาน" ไปเป็นพื้นที่ของ ส.ป.ก.ที่เป็น "ไฟล้อมทำเนียบฯ" อยู่ขณะนี้ ทั้งสองเรื่องก็ดี

มาจากสาเหตุเดียวกัน

คือ "ปัสสาวะไม่สุด" ในระบบราชการไทย

ทั้งข้าราชการการเมืองและข้าราชการประจำนั่นแหละ แก้ปัญหาแล้ว "แก้ไม่สุด" ทิ้งครึ่งๆ กลางๆ เป็นมรดกตกทอดที่แต่ละรัฐบาลแก้ต่อบ้าง ถือว่าธุระไม่ใช่ ก็หมกต่อบ้าง

เมื่อหัว คือ รัฐบาลไม่ส่ายทำ หาง-ข้าราชการประจำ ก็ซุกต่อ!

แต่ละปัญหาที่ค้างคา ซุกๆ หมกๆ กันไว้ ชนิดขาดความจริงใจ ขาดความรับผิดชอบในตำแหน่งหน้าที่ เป็น ๑๐-๒๐ ปี

เรื่องไหนปะทุขึ้นมา ก็ขยับที พอเงียบก็หมกต่อ!

มันเป็นอย่างนี้จริงๆ ทั้งนักการเมือง ทั้งข้าราชการประจำ

อย่างปัญหาเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ไม่ใช่ปัญหาเกิดใหม่ มันเป็นปัญหาที่หมกทับถมกันมากว่า ๔๐ ปีแล้ว

รัฐบาลที่แล้ว คือรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ นำปัญหามาแก้ วางกรอบ-วางกฎเป็นแนวเดียวกันใช้แก้ปัญหา "พื้นที่ทับซ้อน" ทั้งประเทศ

ออก "พระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๖๒" ไว้ มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า

"คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ" (คทช.) ทำหน้าที่กำหนดนโยบาย, แผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ

มีนายกฯ เป็นประธาน มีรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง และอื่นๆ เป็นกรรมการ

มีผู้ทรงคุณวุฒิที่นายกฯ แต่งตั้งอีก ๘ คน  เป็นกรรมการ

เรียกว่า ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนบรรดามี ที่กระจัดกระจายไปในความดูแลกระทรวงต่างๆ หน่วยงานต่างๆ

ไม่ว่ากระทรวงทรัพย์ กระทรวงเกษตรฯ  กระทรวงมหาดไทย ทั้งหมด อำนาจมารวมอยู่ที่ คทช.ที่เดียว

คณะกรรมการ คทช.จะเป็นผู้กำหนดนโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินประเทศ

กำหนดมาตรการ, แนวทางกระจายการถือครองที่ดิน รวมถึงรูปแบบการจัดที่ดินในลักษณะแปลงรวมโดย "ไม่ให้กรรมสิทธิ์" ให้ทำกินถึงลูก-ถึงหลาน

โดยความเห็นชอบ ครม.เพื่อให้การใช้ที่ดินเกิดประโยชน์สูงสุด

การแก้ปัญหาก็มาถึงจุดนี้ รัฐบาลประยุทธ์ไม่ได้ไปต่อ รัฐบาลที่มาใหม่ คือรัฐบาลเศรษฐา-เพื่อไทย ก็สานต่อตามตะเข็บที่เดินมาแล้ว

สรุป ปัญหาอุทยานทับลาน ตอนนี้         

อย่าไปโทษรัฐบาลเศรษฐา-เพื่อไทย หรือเพ่งเล็งกระทรวงทรัพย์ของรัฐมนตรีพัชรวาท หรือที่กระทรวงเกษตรฯ ของรัฐมนตรีธรรมนัสเลย

ใครจะชุมนุม จะประท้วง จะคัดค้านอะไร ก็ไปชุมนุม ไปคัดค้าน-ต้านต่อ "วัน สตอป เซอร์วิส" ที่ คทช.ที่เดียว จบ

ปะรืนนี้ มั้ง "๑๒ ก.ค."...
กระบวนการรับฟังความคิดเห็นประชาชนทั้งประเทศจะสิ้นสุด

จากนั้น "กรมอุทยานแห่งชาติฯ" เขาจะรวบรวมความคิดเห็นเสนอให้  "คณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ" พิจารณาภายใน  ๓๐ วัน นำมติเสนอ ครม.ต่อไป

ฉะนั้น ใครจะ "save อุทยานทับลาน" เซฟทางโซเชียลเฉยๆ ไม่ได้นะ ต้องไปเซฟในช่องทางที่ "กรมอุทยานฯ" ทำประชาพิจารณ์ด้วย

ผมก็เซฟ เรื่องป่าสงวน เรื่องอุทยานนี่ ไม่รู้แหละ ว่าต้น-ปลายเป็นยังไง ขอเซฟไว้ก่อน

นี่ตั้ง ๒๖๕,๐๐๐ ไร่ ของอุทยานทับลาน จะกันไปเป็นพื้นที่ ส.ป.ก. ฟังแล้วตกใจ

ถ้าเอาอุทยานไปทำ ส.ป.ก.ได้ ทั้ง ๕  แสนกว่าตารางกิโลเมตรประเทศไทย คงไม่พอกันไปเป็นพื้นที่ ส.ป.ก.เพื่อแจก "คนไม่มีที่ทำกิน" แน่

ผมก็ไม่มีที่ทำกิน ......

ป่าสวน อุทยาน กันไปทำ ส.ป.ก.หมดแล้ว  ต้องกันพื้นที่สวนลุมพินีหรือไม่ก็สวนป่าเบญจกิติแจกให้ผมทำสวนกล้วยซัก ๑๐-๒๐ ไร่นะ!

"อุทยานทับลาน" นี่ คู่กับคำว่า "วังน้ำเขียว" ครอบคลุม ๒ จังหวัด "โคราชกับปราจีนบุรี"

ฝรั่งบอกว่า วังน้ำเขียว "โอโซนอันดับ ๗ ของโลก" เท่านั้นแหละ วังน้ำเขียวแหลก ตั้งแต่สมัย "บิ๊กจิ๋ว"

แหลกจนไม่มีที่ให้แหลกแล้ว ตอนนี้ เลยเขยิบมากะลิ้มกะเหลี่ยแหลกที่อุทยานทับลานกัน

แต่เรื่องกันพื้นที่อุทยานทับลานไปเป็น ส.ป.ก.ให้แหลกกันนั้น ผมว่า เราศึกษาข้อมูลกันซักหน่อยดีมั้ย

คือ พื้นที่อุทยานทับลาน ๒๖๕,๐๐๐ ไร่ นั้น เดิมเป็นป่าสงวน มีชาวบ้านเข้าไปจับจองทำกินกันอยู่ก่อนแล้ว

ในยุคป๋าเปรม คนจับปืนเข้าป่า กลับเข้ามาพัฒนาชาติไทย รัฐบาลก็ให้ไปตั้งรกรากอยู่ที่นี่  จัดสรรที่ดินทำกินให้คนละ ๒๐-๓๐ ไร่

ต่อมา ที่บริเวณนี้ ประกาศเป็น "อุทยานแห่งชาติทับลาน" ก็เลยเป็นว่าที่จับจองทำกินกับที่จัดสรรให้กลุ่มพัฒนาชาติไทยเข้าไปอยู่ใน ๒๖๕,๐๐๐ ไร่ ของอุทยานทับลานด้วย

สมัยนั้น ยังไม่มีกระทรวงทรัพย์ อยู่ในอำนาจของ "กรมป่าไม้"

ถ้ากรมป่าไม้ จัดการพื้นที่ตรงนั้น เบ็ดเสร็จสะเด็ดน้ำ

ปัญหาเรื่องเขตอุทยาน เรื่องเอกสารสิทธิ  เรื่องบุกรุกและปัญหานายทุนเข้าไปกว้านซื้อที่ทำรีสอร์ต-โรงแรม ก็จะไม่เป็น "มรดกปัญหาบาป" มาถึงทุกวันนี้

และรัฐบาลต่อๆ มา....

นอกจากไม่แก้ปัญหาแล้ว นักการเมือง+นายทุน+ข้าราชการบางคน ในแถบถิ่นนั้น

สมคบ-สมประโยชน์ เอากันซะเอง ถึงยุคปัจจุบัน ก็ยังเอากัน เอาแล้ว ก็เขยิบทีละขั้น

จากเอกสารทำกิน จากส่งคน "อยากจน" ไปบุกรุก-จับจอง ก็เขยิบไปถึงขั้นตอน ใช้อำนาจรัฐ กันพื้นที่เป็น ส.ป.ก.

ถ้าปล่อยต่อไป ก็คงถึงสเตป จาก ส.ป.ก.เปลี่ยนเป็นโฉนด!

ความจริง ที่ชาวบ้านจับจองกับที่กลุ่มพัฒนาชาติไทยอยู่ ไม่ถึง ๒๖๕,๐๐๐ ไร่หรอก

๒๖๕,๐๐๐ ไร่นั่น เป็นพื้นที่รวมของอุทยานแห่งชาติทับลานทั้งหมด

จะมาตีขลุมเอาทั้ง ๒๖๕,๐๐๐ ไร่ เป็นที่ ส.ป.ก.คงไม่ได้และคงไม่ใช่มั้ง?

และตามมติ ครม.รัฐบาลประยุทธ์ปี ๖๖ ก็ระบุไว้ชัด ในการให้ คทช.เข้าไปจัดการพื้นที่ให้ชัดเจน

ตรงไหนชาวบ้านอยู่ดั้งเดิม ตรงไหนเป็นเขตอุทยานทับลาน ก็กำหนดเขตให้ชัดเบ็ดเสร็จไป

ที่อยู่ดั้งเดิม อยู่กินไปเหมือนเดิม รัฐบาลไม่แตะ ที่บุกรุกใหม่ ไอ้พวกนายทุนเข้าไปทำ โรงแรม-รีสอร์ต จับดำเนินคดีทันที

เห็นกรมอุทยานฯ จับพวกบุกรุกรายใหม่บ้าง  พวกนายทุนบุกรุกเข้าไปทำรีสอร์ตบ้าง ตั้งหมื่นกว่าราย-หมื่นกว่าคดี

และเมื่อ ๓๐ มกรา.๖๗

"ครม.เศรษฐา" ตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ๘ คน

แต่ละคน ผมว่า "ตรงสเปก" งานนะ

การทำ "ประชาพิจารณ์" ก็ทำต่อจากมติ ครม.ประยุทธ์ เพื่อจัดการสานต่อปัญหาพื้นที่อุทยานทับลานตาม One map ให้ลุล่วง

เพราะพูดต่อๆ กันไปสั้นๆ ว่า "ประชาพิจารณ์เพิกถอนพื้นที่ป่าทับลาน ๒๖๕,๐๐๐ ไร่ ไปทำ ส.ป.ก."

แบบนั้นนั่นแหละ คนบางส่วน หลงเข้าใจตามนั้น

มันจึงไปกันใหญ่ เป็นใคร ใครก็ไม่ยอม

แต่ถ้าขยายความซักนิด ว่าเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน เมื่อประกาศออกไป กรมป่าไม้ทำไว้ไม่สะเด็ดน้ำ

พื้นที่อุทยานกับพื้นที่ทำกินดั้งเดิมชาวบ้าน มันจึงมีปัญหาพื้นที่ซ้อนทับกันอยู่บ้าง

เพื่อให้มันเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ก็กันพื้นที่ทำกินชาวบ้านดั้งเดิมออกไปจากพื้นที่อุทยานทับลานซะ

ก่อนกัน ก็ทำประชาพิจารณ์ คือรับฟังความคิดเห็นชาวบ้านซะก่อน ใครเอาอย่างไร มีหลักฐาน-เหตุผลอะไร ก็ว่ามา

คณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ จะได้นำมาดู-มาฟัง มากลั่น-มากรอง ส่งให้ ครม.ตัดสินใจ  เอาแบบนี้หรือจะเอาแบบไหน ครม.ก็เคาะมา

ค่าที่ว่า คทช.-รัฐบาล ไม่อธิบายเหตุผล-เจตนา ทั้งไม่บอกความอะไรให้ชาวบ้านรู้

ครั้นภาคประชาชน save ทับลาน  ๒๖๕,๐๐๐ ไร่ จะมาบอกทีหลังว่า ไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ถึง ๒๖๕,๐๐๐ ไร่ เปล่าเอาไปทำ ส.ป.ก.

ชาวบ้านเขาก็ เปล่าเชื่อ คือ ไม่เชื่อใจรัฐบาล นั่นแหละ ว่า ไม่มีเบื้องหน้า-เบื้องหลัง "การเมือง+นายทุน" หวังจะฮุบที่อุทยานไปทำ ส.ป.ก.!?

กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๘ ท่าน ที่นายกฯ เศรษฐาตั้งมาดูเรื่องนี้ ผมดูรายชื่อแล้ว แต่ละท่านมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี

ฉะนั้น ที่้จะโมเมให้เอาพื้นที่อุทยานไปทำ ส.ป.ก.โดยไม่ยึดหลักฐานเท็จจริง ท่านคงไม่ขายตัวแน่

"นายชลธิศ สุรัสวดี" อดีตอธิบดีกรมป่าไม้ ที่ปรึกษานายกฯ เศรษฐา ผู้ร่วมเขียนนโยบายพรรคเพื่อไทย ผู้เป็นหลานแท้ๆ ของนายปลอดประสพ สุรัสวดี เป็นประธาน

 "ดร.คณิต สุขรัตน์" คณะวิทยาศาสตร์ฯ ม.ธรรมศาสตร์

"วีระชัย นาควิบูลย์วงศ์" อดีต เลขาฯ ส.ป.ก.

"มณฑล สุดประเสริฐ         " อดีตอธิบดีกรมโยธาธิการ

"ผศ.ขวัญชัย ดวงสถาพร" ภาควิชาการจัดการป่าไม้ คณะวนศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์

"เสรี นนทสูติ" ดร.จากออกซ์ฟอร์ด มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาองค์กรภาครัฐ

"รศ.ชนินทร์ ทินนโชติ" เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ วิศวกรรมสำรวจ จุฬาฯ และ

"กุลิศ สมบัติศิริ" อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน  เหล่านี้เป็นกรรมการ

ก็เชื่อว่า เมื่อคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติประมวลผลจากประชาพิจารณ์ส่งมาให้ ครม.แล้ว

และผ่านการพินิจพิจารณาจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณแต่ละด้าน "ครบด้าน" เกี่ยวกับ ป่า-ที่ดิน-รูปที่ดินแล้ว

ผมว่า ไม่มีใครยอมให้เอา "พื้นที่ ๒๖๕,๐๐๐  ไร่ ไปทำ ส.ป.ก.หรอก

ทำนองเดียวกัน ก็จะไม่รังแก-บีบคั้นชาวบ้านดั้งเดิม โดยรุกที่ทำกินเขามาเป็นอุทยานเช่นกัน

ฉะนั้น เซฟอุทยานทับลาน พอซอฟต์ๆ เป็นการวอร์มเครื่องก็พอ

ผมเชื่อ มีคนอยากได้ แต่คนกล้ากับบาทาประชาชนคนรักป่า ไม่มีหรอก

แต่ถ้าให้เช่า ๙๙ ปี มีคนกำลังตะกาย!

-เปลว สีเงิน

๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๗

 

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทักษิณ 'รีเทิร์น' นั่งเมือง

วันนี้คุยเรื่อง "หัวเขียง-หัวขวด" พรรคเพื่อไทยกันต่อ ที่เสนอกฎหมายให้ "นักการเมือง" เข้าไป "ควบคุมกองทัพ"

ร่างฯ 'หัวขวด' เพื่อใคร?

"นักการเมือง" คือคนโง่ เพราะทำอะไรก็ยาก มีกฎหมายหลักคือรัฐธรรมนูญ และกฎหมายลูกคือ พ.ร.บ.ต่างๆ

'Grab rider ต้วง'

ดู "นาฬิกากรรม" แล้ว ก็อยากบอกว่า.... ช่วงนี้ ใครมีธุระอะไร ก็ไปทำซะให้เสร็จ ยังพอมีเวลา