
ก่อนหน้านี้คอการเมืองเห็นบท เสี่ยเฮ้ง-สุชาติ ชมกลิ่น นักการเมืองดังเมืองชลบุรี โดยสื่อขนานนามว่าเป็น “หัวหน้าซุ้มมังกรน้ำเค็ม” ในบทบาท ใจถึง พึ่งได้ ห้าวหาญ ปะฉะดะไม่สนหน้าไหน ไม่ว่าจะเป็นการเมืองท้องถิ่นและการเมืองระดับชาติ
โดยเฉพาะบทบาทพิทักษ์ลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ รวมถึง “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในครั้งที่เคยร่วมชายคาพรรคพลังประชารัฐ
แต่สถานการณ์การเมืองตอนนี้เปลี่ยนไป จึงทำให้แนวทางของ “สุชาติ” เปลี่ยนเป็นบทโลว์โปรไฟล์ทางการเมือง ในฐานะรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ สังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ มุ่งเน้นการทำงานเพียงอย่างเดียว
เมื่อเร็วๆ นี้ “เสี่ยเฮ้ง” โพสต์ให้ข้อคิดหนึ่งที่น่าสนใจ โดยจั่วหัวว่า “พวกเราทุกคน...จะผมหรือใครๆ ก็ต่างแก้ไขอดีตที่ผ่านมา 'ไม่ได้' นะครับ” โดยมีรายละเอียดน่าสนใจว่า "ที่บ้านผมกินง่าย อะไรที่กินแล้วอิ่มท้องก็กินได้หมด ไม่ได้ต้องเลือกว่าชอบหรือไม่ชอบ แพ้หรือไม่แพ้
เช่นเดียวกับพ่อกับแม่กินได้หมด ทั้งอาหารไทย จีน ญี่ปุ่น ลาว ฝรั่ง เห็นอะไรใหม่ๆ ท่านก็อยากลองกินไปหมด ไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชังว่าอันไหนชอบหรือไม่ชอบ
ไม่ใช่แค่เรื่องกินอยู่อย่างเดียวนะครับ แต่เรื่องการเปิดกว้างคบคน ให้โอกาสคน ให้โอกาสตัวเอง มีมิตรไมตรีที่ดีกับคนในสังคม ไม่ว่าจะคิดแตกต่างหรือคิดเหมือนกัน เราก็เป็นเพื่อนพี่น้อง คบหากันได้แบบไม่ต้องตะขิดตะขวงใจ ขอแค่เขาเป็นคนคิดดี และมุ่งหวังในสิ่งดีๆ ตั้งใจทำเพื่อส่วนรวม นั่นคือดีที่สุดแล้วครับ
คนเราแก้ไขอดีตไม่ได้ ใครจะผิดพลั้ง ผิดพลาดอย่างไรก็คืออดีตในวันวาน ตัวเราทำได้ดีที่สุดคือ 'เปิดใจ' และให้โอกาสทุกคน เปิดรับเพื่อนใหม่ สังคมใหม่ๆ มีเป้าหมายที่ทำเพื่อประโยชน์สุขส่วนรวม"
“พ่อแม่ของผมสอนมาแบบนี้ มีพรรคพวกดีกว่าสร้างศัตรู เป็นมิตรต่อกันไว้ เพราะวันข้างหน้าเราไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง” สุชาติกล่าว
ข้อคิดของ “เสี่ยเฮ้ง” สอดคล้องกับสัจธรรม “การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร” หากจะอยู่รอดในถนนเส้นนี้เช่นกัน.
คางดำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ไผ่' มา 'ไอซ์' ไป
การเลือกตั้งครั้งนี้คึกคัก หลายพรรคเนื้อหอม มีนักการเมืองทยอยมาสมัครไม่ขาดสาย หนึ่งในนั้นคือพรรคกล้าธรรมของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค ที่ราวกับมีแม่เหล็กดึงดูดบรรดา สส.
‘เซนส์’ ที่ดี
นอกจาก “นายกฯ หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 จะเป็นคนเหนือโพล ดวงดี และจังหวะตัดสินใจทางการเมืองดีแล้ว
'เสือกระดาษ' ยามสงคราม
สถานการณ์ชายแดนไทย-เขมรยังคงเดือดขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เดือน ก.ค. 68 ที่ปะทะกันแถวปราสาทตาเมือนธม จนเลือดตกยางออก พลเรือนไทยเจ็บตายระนาว โรงพยาบาลโดนถล่ม แต่ทำไม คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
“พบกันในสนามอ่างทอง”
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีการยุบสภา ในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 10 และ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา
บันทึกหน้า 4
ขอเข้าโหมดเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ หลังคำสั่งยุบสภาเมื่อ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้สนามการเมืองที่อุ่นๆ กลายเป็นเตาแก๊สเปิดไฟแรงในพริบตา เลือกตั้งต้นปี 2569 ยังไม่ทันมาถึง แต่เกมช่วงชิงอำนาจเริ่มเดือดเกินองศา
สู้เต็มที่
เตรียมพร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้งกันทุกพรรคในเวลานี้ ภายหลังรัฐบาลประกาศยุบสภา ซึ่งหนึ่งในพรรคที่พร้อมสู้ศึกเลือกตั้งมากคือ พรรครวมไทยสร้างชาติ ของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ที่ก่อนหน้านี้ได้ร่อนแถลงการณ์ทันที โดยมองว่าการยุบสภาไม่ส่งผลดีต่อการแก้ไขปัญหาหลายสถานการณ์ที่รุมเร้าประเทศ

