เหตุการณ์ไฟไหม้รถที่นำนักเรียนจากอุทัยธานีมาทัศนศึกษา ที่ทำให้ทั้งครูและนักเรียนเสียชีวิตมากกว่า 20 คน นับว่าเป็นข่าวที่สร้างความสลดหดหู่ให้กับผู้คนทั้งประเทศ ภาพไฟที่ลุกโชนเผารถทั้งคันเป็นภาพที่ทำให้หลายคนนึกถึงความทุกข์ทรมานของเด็กๆ และครูที่ถูกไฟคลอกติดอยู่ในรถ ไม่สามารถที่จะหนีออกมาได้เพราะประตูเปิดออกไม่ได้ การถูกไฟคลอกเช่นนั้นเด็กๆ และครูคงไม่ได้เสียชีวิตทันที ดังนั้นก่อนจะสิ้นลมหายใจพวกเขาคงต้องทรมานกับความแสบร้อนเป็นเวลาพอสมควร แม้ว่าหลายคนจะไม่ยอมดูภาพข่าวของอุบัติเหตุครั้งนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีภาพของความทุกข์ทรมานของเด็กๆ และครูอยู่ในสมอง แน่นอนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ผู้บริหารโรงเรียนและบรรดาครูที่จัด
ให้มีทัศนศึกษาในครั้งนี้ ก็ทำด้วยความตั้งใจที่จะเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ให้กับนักเรียน เป็นความหวังดีที่จะเปิดโลกทัศน์ของเด็กนักเรียนด้วยวิธีการที่มากกว่าการนั่งฟังคำบรรยายในห้องเรียน
ทันทีที่มีอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้น ก็มีผู้คนจำนวนหนึ่งเรียกร้องให้โรงเรียนเลิกจัดทัศนศึกษาด้วยความคิดที่ว่า ถ้าหากไม่มีการจัดทัศนศึกษาพาเด็กนักเรียนเดินทางออกนอกพื้นที่ เด็กๆ ก็ไม่ต้องเผชิญกับอันตราย การคิดเช่นนี้เป็นการคิดที่ง่ายเกินไป เป็นตรรกะที่ไม่ถูกต้อง หากคิดเช่นนี้คงจะมีหลายๆ อย่างที่ต้องยกเลิก ถ้าหากไฟไหม้โรงเรียน เราจะยกเลิกสอนหนังสือหรือไม่ ถ้าหากเด็กๆ นั่งรถเมล์ไปประสบอุบัติเหตุ เราจะให้รถเมล์ยกเลิกการให้บริการหรือไม่ ถ้าหากลูกซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปโรงเรียนแล้วประสบอุบัติเหตุ เราจะให้ลูกยกเลิกการไปโรงเรียนหรือไม่ หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่ในการทำสิ่งเหล่านั้น บางทีก็ราบรื่นดี ปลอดภัยดี แต่บางทีการกระทำบางอย่างก็อาจจะสร้างปัญหาให้ชีวิต เสี่ยงอันตราย ไม่มีความปลอดภัย แต่เราก็ไม่อาจจะยกเลิกการกระทำเหล่านั้นได้ทั้งหมด แต่เราต้องทำด้วยความระมัดระวัง มีความรอบคอบ บริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เราสามารถทำสิ่งนั้นได้เป็นอย่างดี มีประโยชน์ โดยไม่เป็นอันตราย
ทัศนศึกษาเป็นวิธีการเรียนการสอนอย่างหนึ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการเปิดหูเปิดตานักเรียนให้ได้พบได้เห็นของจริง แทนที่จะใช้จินตนาการนึกตามคำบรรยายของครู หรือดูวิดีโอที่ครูเอามาเปิดให้ดู พวกเราหลายๆ คนที่เคยไปทัศนศึกษาสมัยเรียนทุกระดับชั้น ไม่ว่าจะเป็นการเรียนในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย และอุดมศึกษา หลายคนคงเห็นประโยชน์ของการมีโอกาสได้ไปทัศนศึกษา เพราะได้รับความสนุกบ้าง ได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ได้เห็นของจริงบ้าง ได้รับความรู้เพิ่มเติมบ้าง เราต้องยอมรับว่าการจัดทัศนศึกษาเป็นหนึ่งในวิธีการเรียนกันสอนใช้กันมานานเป็นร้อยๆ ปีแล้ว และใช้อยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก เวลาพวกเราไปโบสถ์ ไปวัด ไปโบราณสถาน ไปแหล่งโบราณคดี ไปอนุสรณ์สถาน ไปสวนสนุก ไปสวนสัตว์ ไปพิพิธภัณฑ์ ไปโรงละคร ไปอาคารประวัติศาสตร์ ฯลฯ เรามักจะได้เห็นนักเรียน นักศึกษาระดับต่างๆ ตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงระดับอุดมศึกษามาทัศนศึกษาตามสถานที่ต่างๆ เหล่านั้น ภาพดังกล่าวนี้มีให้เห็นทั้งในประเทศไทยของเราเองและในต่างประเทศที่เราไปท่องเที่ยว
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว อย่ากล่าวหาทัศนศึกษาให้เป็นแพะของอุบัติเหตุครั้งนี้ จนเป็นเหตุให้เกิดความคิดที่จะยกเลิกการจัดทัศนศึกษาเลยนะ จัดต่อไปเถอะ เพียงแต่ต้องเพิ่มความรอบคอบมากขึ้น บริหารความเสี่ยงให้การไปทัศนศึกษาของเด็กๆ ได้ประโยชน์ด้วยความปลอดภัยไม่ต้องเสี่ยง โดยพิจารณาประเด็นต่างๆ ให้ครบทุกมิติ 1) เด็กวัยใด เรียนระดับใด ควรจะไปทัศนศึกษาที่ไหนที่เหมาะกับวัยและพื้นความรู้ 2) เด็กวัยใดควรเดินทางไปจากโรงเรียนไกลมากน้อยแค่ไหนที่ทำให้ระยะทางและระยะเวลาเหมาะกับความแข็งแรงของร่างกาย 3) การไปทัศนศึกษานอกพื้นที่จะต้องเดินทางอย่างไร จะต้องตรวจสอบอะไรบ้างเพื่อให้เกิดความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยของการเดินทาง 4) ควรตรวจสอบทัศนคติ พฤติกรรมในการขับขี่ยวดยานพาหนะของผู้ที่จะทำหน้าที่ในการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการขับรถขับเรือ เพื่อให้มั่นใจว่าเขาจะทำหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบในระดับสูง 5) ครูผู้ควบคุมการไปทัศนศึกษาจะต้องทำงานด้วยความทุ่มเท รับผิดชอบ อย่าคิดว่าการพานักเรียนไปทัศนศึกษา เป็นการทำหน้าที่เพิ่มเติมนอกเหนือการสอนด้วยการบรรยายในห้องเรียน เป็นภาระส่วนเกิน
ถ้าหากเรามีความรอบคอบ พินิจพิจารณามิติต่างๆ ของการจัดทัศนศึกษา เราก็สามารถลดความเสี่ยงได้ การไปทัศนศึกษาของเด็กๆ ก็จะเป็นประโยชน์สำหรับนักเรียนที่จะได้ประสบการณ์เพิ่มเติม ได้มุมมองใหม่ๆ ด้วยการได้สัมผัสของจริง โดยที่การเดินทางไปทัศนศึกษาจะมีความปลอดภัยในระดับสูง ดังนั้นขอร้องท่านๆ บางคนที่สลดใจจากอุบัติเหตุครั้งนี้แล้วออกมาเรียกร้องให้เลิกจัดทัศนศึกษา มันเป็นความคิดที่ตื้นเขิน มันเป็นการสรุปที่ง่ายเกินไป ส่วนครูบางคนที่ออกมาเห็นด้วยว่าควรเลิกจัด เพราะเหนื่อย หรือไม่อยากรับผิดชอบชีวิตของนักเรียน ก็กรุณาคิดใหม่ด้วยนะ เมื่อเป็นครู ก็ต้องคิดว่าจะใช้การเรียนการสอนอะไรนอกเหนือจากการบรรยายในห้องเรียนที่ทำให้นักเรียนได้ประโยชน์สูงสุดจากการเรียน “ครู” มาจากคำว่า “ครุ หรือ คุรุ” ที่แปลว่า “หนัก” เมื่อมาเป็นครูแล้วก็ต้องเต็มใจที่จะทำงานหนักเพื่อประโยชน์ของลูกศิษย์นะ
เวลามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ อุบัติภัย ความพินาศใดๆ เรามักจะได้ยินคำว่า “ถอดบทเรียน” จริงๆ แล้วเราก็น่าจะได้ถอดบทเรียนมาจากอุบัติเหตุ อุบัติภัยที่เป็นวิกฤตของประเทศมาหลายครั้งแล้ว มีการจัดประชุมปฏิบัติการ มีการสัมมนาเพื่อถอดบทเรียนกันมาหลายเรื่องแล้ว อยากถามว่าเมื่อถอดบทเรียนแล้ว เกิดการเรียนรู้ที่จะทำให้มีการปรับแนวทางในการทำงานให้เป็นการทำงานเชิงรุก ที่จะป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ อุบัติภัยในทำนองเดียวกันบ้างหรือไม่ ที่ถามเช่นนี้เพราะเรายังเห็นอุบัติเหตุ อุบัติภัยแบบเก่าๆ เดิมๆ เกิดขึ้นซ้ำซาก เหมือนเราไม่ได้เรียนรู้อะไรจากการถอดบทเรียนเหล่านั้นเลย เรียนรู้ที่แก้ปัญหา ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา ดีกว่าที่จะหาแพะมาอธิบายการกระทำที่ไม่รอบคอบ และไม่มีการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพนะคะ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลัคนาธนูกับเค้าโครงชีวิตปี 2568
ยังอยู่ในช่วงเจ็ดปีของการเปลี่ยนแปลงใหญ่สุขภาพอนามัย-หนี้สิน-ลูกน้องบริวาร และเกือบตลอดปีผู้หลักผู้ใหญ่อวยสถานะ-ยศ-เงินทองให้ แต่มีช่วงซ้อมรับทุกข์และการได้ความผิดที่ไม่ได้ก่อ
ดร.เสรี ลั่นรังเกียจ วาทกรรมแซะสถาบัน
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสารโพสต์เฟซบุ๊กว่า เกิดวาทกรรมใหม่ "ใบอนุญาตที่ 2"
เด็กฝึกงาน...ไม่ผ่านโปร
ฉากทัศน์ทางการเมืองของประเทศไทยหลังจากรู้ผลของการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เป็นภาพที่สร้างความกังวลให้กับคนไทยจำนวนมากที่ไม่ได้เลือกพรรคส้มหรือพรรคแดง
'ความเป็นไทย' กับกรณีน้ำท่วมภาคเหนือ-ภาคใต้
ถึงแม้จะก่อเกิด ถือกำเนิด ที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี...แต่ด้วยเหตุเพราะไปเติบโตที่ภาคใต้ ไม่ว่าเริ่มตั้งแต่อำเภอทุ่งสง จังหวัดหน่ะคอนซี้ทำหมะร่าด ไปจนอำเภอกันตัง
ได้ฤกษ์ 'นายพล' ล็อต 2
ผ่านเดดไลน์ตามคำสั่ง ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ทุกหน่วยส่งบัญชีข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น
'ดร.เสรี' กรีดเหวอะ! ใครมีลูกสาวเก่งพอที่จะเป็นนายกฯ ต้องบอกลูกให้มีผัว 9 คนอยู่ใน 9 ภาค
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสารโพสต์เฟซบุ๊กว่า ใครมีลูกสาวที่เก่งพอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ต้องบอกลูกนะคะ