มองเห็นความผิด...โดยไม่คิดจะจ้อง

ในเวลานี้ สิ่งหนึ่งที่ผู้คนทั้งหลายมองเห็นเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธารก็คือ เธอทำผิดทำพลาดหลายครั้งหลายครา และมีผู้คนทำเป็น meme (การล้อเลียนให้เกิดความตลกขบขัน) เต็มหน้าจอ social media เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ทำให้คนในพรรคเพื่อไทยหลายคนออกมาตอบโต้แทน แต่ก็ไม่ได้เป็นผลดีแต่อย่างใด เพราะคำอธิบายหรือคำชี้แจงเหล่านั้นผู้คนจำนวนมากมองว่าเป็นการ “แถ” ที่ไม่เข้าท่า ไม่น่าเชื่อถือ มากกว่าที่จะทำให้ผู้คนเข้าใจหรือมองว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้ทำอะไรผิด

เมื่อมีการล้อเลียนการทำผิดทำพลาดของนายกรัฐมนตรีมากขึ้นใน social media ทำให้บรรดาหัว

หงอกทั้งหลายที่ทำหน้าที่เป็นแผง wall paper เป็นพรายกระซิบคอยบอกบทการแถลงข่าว หรือการสัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีพูดว่าพวกที่ทำ meme การกระทำที่ผิดพลาดของนายกรัฐมนตรีว่าเป็นพวกที่ “จ้องจับผิด” นายกด้วยอคติ แต่จริงๆ แล้ว “พวกเขามองเห็นความผิด โดยไม่คิดจะจ้อง มันมองเห็นชัดโดยไม่ต้องจ้อง”

วันนี้อยากจะรวบรวมสิ่งที่เป็นความผิดหรือการทำพลาดของนายกรัฐมนตรีที่พวกเราเห็นชัดเจนโดยไม่ต้องจ้องมีอะไรบ้าง และอยากจะบอกกับคนหัวหงอกทั้งหลายที่ทำหน้าที่แก้ต่าง ทำหน้าที่อธิบายแทน ทำหน้าที่ชี้แจงแทนว่าการที่ได้เห็นความผิดพลาดเหล่านั้น มันไม่ต้องจ้องก็มองเห็น ถ้าเป็นการปล่อยไก่ออกจากเล้า ก็ขอบอกว่าปล่อยออกมาหลายตัวแล้ว แต่ละตัวนั้นตัวโตๆ เห็นชัดๆ ไม่ใช่ลูกเจี๊ยบตัวเล็กๆ ที่ต้องจ้องมองใกล้ๆ จึงจะเห็น และเรื่องที่คนหัวหงอกทั้งหลายบอกว่าเป็นเรื่องเล็กนั้น สำหรับคนบางคน เขามองว่าไม่เล็ก เพราะมันไม่ใช่การกระทำหรือถ้อยคำที่ออกจากปากประชาชนคนธรรมดาทั่วไป แต่มันเป็นการกระทำและถ้อยคำที่ออกจากปากของบุคคลที่เป็นหัวหน้าคณะผู้บริหารประเทศ ที่จะต้องมีบรรทัดฐานของพฤติกรรมให้เหมาะสมกับการเป็นผู้นำ ดังนั้นเมื่อคนที่มีตำแหน่ง มีหน้าที่ มีบทบาท ทำสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควร เรื่องที่เล็กสำหรับคนทั่วไปก็จะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนที่มีตำแหน่งเป็นผู้นำของฝ่ายบริหาร

เธอเคยพูดดังๆ ชัดถ้อยชัดคำว่าพรรคของเธอไม่มีวันที่จะทำงานร่วมกับบรรดาลุงๆ ที่ทำรัฐประหาร แต่ในที่สุดเธอก็ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคของสองลุง เธอบอกว่าคนไทยจะมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีไปด้วยกันในทันที จนป่านนี้พรรคของเธอเป็นรัฐบาลมามากกว่า 1 ปีแล้ว คนไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีตามที่เธอพูดแล้วหรือยัง กิริยาของการตะโกนดังๆ แบบมั่นหน้ามั่นโหนกว่าจะไม่ร่วมกับพรรคของลุงด้วยถ้อยคำว่า “ปิดสวิตช์ 3 ป.” และ “คนไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีไปด้วยกันในทันที” ถูกนำมาล้อเป็น meme มากมาย เพราะพรรคของเธอเป็นรัฐบาลมามากกว่า 1 ปีแล้ว คนไทยยังไม่ได้เป็นอย่างที่เธอว่าไว้ รวมทั้งค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทก็ทำไม่ได้ อย่าว่าแต่ 600 เลย แค่ 400 ทางเอกชนเขาก็ไม่เอาด้วย

เรื่องการเงินการคลัง เธอก็ทำให้เราเห็นชัดๆ ว่าเธอไม่มีความรู้ความเข้าใจอะไรเลย ไม่รู้ว่าใครสอนหรือแนะนำให้เธอพูดว่าผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นปัญหาในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ จนทำให้เธอต้องวิ่งหนีสื่อมวลชนที่ต้องการขยี้ประเด็นนี้ต่อ และก็ยังมีเรื่องของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เธอก็บอกว่าจะเป็นผลดีกับการส่งออก ซึ่งมันผิดแบบ 180 องศาเลย พอรู้ตัวว่าผิด เธอพยายามออกมาชี้แจง ก็ปรากฏว่าคำชี้แจงฟังดูวกวน ไม่ได้ทำให้ผู้คนเข้าใจสิ่งที่เธอพยายามอธิบาย จริงๆ แล้ว เรื่องนี้พูดผิดไป ออกมาขอโทษน่าจะดีกว่าพยายามจะแก้ตัวแบบฟังไม่รู้เรื่อง และเมื่อถามเรื่องการเงินการคลังกับเธอเพิ่มขึ้น เธอก็บอกว่าเรื่องนี้เธอแบ่งงานให้รัฐมนตรีไปแล้ว ดังนั้นให้ไปถามรัฐมนตรีจะดีกว่า การที่เธอตอบแบบนี้ทำให้คนมองว่าเธอคงไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องการเงินการคลังที่เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารเศรษฐกิจของประเทศ

เรื่องของการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม เธอขึ้นไปกำกับดูแลแก้ไขช้า เธอก็บอกว่ายังไม่ได้แถลงนโยบาย ยังทำงานไม่ได้ ทั้งๆ ที่มีกฎหมายมาตรา 162 ให้เธอสามารถทำหน้าที่ได้ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉิน แสดงว่าเธอไม่รู้กฎหมายข้อนี้และไม่มีคนแนะนำ ตอนที่เธอยังไม่ขึ้นไปดูแล เธอก็บอกว่าน้ำยังแรง ยังเชี่ยว ยังไปไม่ได้ ทั้งๆ ที่หน่วยงานต่างๆ ทั้งทหาร ข้าราชการ ดารา และมูลนิธิอาสาต่างๆ เขาไปกันแล้ว เมื่อเธอไปเธอก็มีพฤติกรรมติด Social ทั้ง selfie ทั้งส่ง mini heart ข้าราชการรายงานสถานการณ์ให้ฟังเธอก็ไม่ฟัง กลับไปโบกไม้โบกมือกับชาวบ้านที่อยู่ไกลๆ เวลาแถลงความคืบหน้าของการช่วยเหลือเธอก็ต้องอ่านจาก iPad ขนาดอ่าน เธอก็ยังอ่านผิด และยังพูดเรื่องการไหลของน้ำผิด แม่น้ำปิงไม่ผ่านลำปาง ที่ผ่านลำปางคือ แม่น้ำวัง เธอก็พูดเหมือนประหนึ่งว่าแม่น้ำปิงไหลผ่านลำปาง และพูดว่าน้ำจากเชียงใหม่ไหลไปเขื่อนภูมิพลที่จังหวัดตาก และไหลไปแม่น้ำโขง ความผิดแบบนี้ ต้องจ้องด้วยหรือ แค่มองผ่านๆ ดูผ่านๆ ก็เห็นชัดเจนนะ

ไปประชุมต่างประเทศ การแสดงปาฐกถาก็พูดแบบจ้องอ่านจาก iPad ไม่มีการเงยหน้ามาสบตากับผู้ฟังเลย เจรจาทวิภาคีก็นั่งไถ iPad ดูคำตอบที่ต้องใช้ในการสนทนา ไม่มองหน้าคู่สนทนา พอมีคนตำหนิก็ยังมีคนออกมาช่วยชี้แจงว่าการพูดจาในเวทีต่างประเทศ ใครๆ ก็ดู note กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นจอมือถือ จอ iPad หรือกระดาษ ผู้คนจึงออกมาพูดว่า ก็จริงที่มีคนเขียนแล้วดู note ในขณะที่แสดงปาฐกถา แต่พวกเขาก้มๆ เงยๆ มีการมองผู้ชมเป็นช่วงๆ ไม่มีใครก้มตลอด และเวลาเจรจาทวิภาคี เขาไม่ได้ดูหน้าจอ iPad แล้วอ่านตำตอบ ดูได้จากคู่สนทนาที่เขาไม่ได้มี note อะไรเลย การก้มไถ iPad ตลอดเวลา จะให้ผู้คนเขาคิดยังไง นอกจากคิดว่า ไม่มีความรู้ ไม่มีความเข้าใจ ไม่มีความพร้อมที่จะทำหน้าที่ตามตำแหน่งที่ได้รับ เรื่องนี้ทำให้เกิดการพูดจากันใน social media ว่า “เธอไม่อาย แต่คนไทยอาย” เพราะนี่คือการแสดงออกของผู้นำหมายเลขหนึ่งของประเทศไทย นี่ยังไม่นับเรื่อง Soft Power ที่ทำผิดแบบไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีอะไรเลย รวมทั้งรสนิยมการแต่งกายไปทำงานที่ทำเนียบฯ และการเข้าร่วมประชุมระดับนานาชาติ แบบนี้ขอถามคนหัวหงอกทั้งหลายว่า “ความผิดเหล่านี้จะต้องจ้องจับผิดไหมคะ” มันเห็นชัดโดยไม่ต้องจ้องไม่ใช่เหรอคะ อยากบอกว่า “There is a big gap between her wealth and her intelligence” แปลกันเอาเองนะคะ. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เด็กฝึกงาน...ไม่ผ่านโปร

ฉากทัศน์ทางการเมืองของประเทศไทยหลังจากรู้ผลของการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เป็นภาพที่สร้างความกังวลให้กับคนไทยจำนวนมากที่ไม่ได้เลือกพรรคส้มหรือพรรคแดง

'ความเป็นไทย' กับกรณีน้ำท่วมภาคเหนือ-ภาคใต้

ถึงแม้จะก่อเกิด ถือกำเนิด ที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี...แต่ด้วยเหตุเพราะไปเติบโตที่ภาคใต้ ไม่ว่าเริ่มตั้งแต่อำเภอทุ่งสง จังหวัดหน่ะคอนซี้ทำหมะร่าด ไปจนอำเภอกันตัง

ได้ฤกษ์ 'นายพล' ล็อต 2

ผ่านเดดไลน์ตามคำสั่ง ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ทุกหน่วยส่งบัญชีข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น

'ดร.เสรี' กรีดเหวอะ! ใครมีลูกสาวเก่งพอที่จะเป็นนายกฯ ต้องบอกลูกให้มีผัว 9 คนอยู่ใน 9 ภาค

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสารโพสต์เฟซบุ๊กว่า ใครมีลูกสาวที่เก่งพอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ต้องบอกลูกนะคะ

ช่างกล้า...ช่างมั่น รับประกันด้วยตำแหน่ง

ในขณะที่ประชาชนผู้รักชาติ รักแผ่นดิน มีความเป็นห่วงเป็นใยว่าการเจรจาแบ่งผลประโยชน์จากทรัพยากรในท้องทะเลใต้เกาะกูดตามที่มีการลงนามความเข้าใจร่วม (MOU) 44