วันนี้ขอจั่วหัวด้วยภาษาอังกฤษ 3 คำที่มีความสำคัญกับประเทศไทยของเราเป็นอย่างมากในเวลานี้ แต่ก็ได้ให้คำแปลภาษาไทยไว้ด้วยแล้ว คำว่า Nationalism แปลว่า ชาตินิยม คำว่า Patriotism แปลว่า ความรักชาติ และ Treason แปลว่า ขายชาติ ที่ต้องพูดถึง 3 คำนี้ก็เพราะมีคนบางกลุ่มบางพวกไม่มีสำนึกชาตินิยม บางกลุ่มบางพวกเขาไม่รักชาติ คนพวกนี้จึงมีความขัดแย้งกับคนที่มีสำนึกชาตินิยมและสำนึกรักชาติ คนบางกลุ่มบางพวกนอกจากไม่มีสำนึกชาตินิยม และไม่มีความรักชาติแล้ว ยังเป็นคนที่คิดจะขายชาติเพื่อผลประโยชน์ของตนและพวกพ้อง ไม่มีสำนึกกตัญญูต่อแผ่นดิน กระทำการทรยศประเทศชาติ ดังนั้นเวลานี้จึงอยากจะเชิญชวนคนไทยทั้งหลายมาให้ความสำคัญกับ 3 คำนี้ ก่อนที่ประเทศไทยอันเป็นที่รักของเราจะมีอันเป็นไป
Nationalism ที่แปลว่าชาตินิยมนั้น หมายถึงการที่เราชื่นชมความเป็นไทย ภูมิใจหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่เป็นองค์ประกอบในมิติต่างๆ ของวัฒนธรรมไทย ไม่ว่าจะเป็นอุดมการณ์ ความเชื่อ ค่านิยม วิถีชีวิต อาหาร เสื้อผ้า การแสดงทางวัฒนธรรม ภาษา ขนบธรรมเนียมประเพณี งานเทศกาล ความงามธรรมชาติที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ประวัติศาสตร์ วรรณกรรม คติธรรม และสิ่งต่างๆ ที่เราใช้เป็นสัญลักษณ์แสดงความเป็นไทย ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ สิ่งของ ดอกไม้ ต้นไม้ พิธีกรรมต่างๆ เราจะไม่ดูถูกความเป็นไทย เราจะไม่มองว่าความเป็นไทยเป็นความเชย เป็นความล้าสมัย เป็นความไม่เข้าท่า ไม่เหมาะสม เราพร้อมจะทำตัวเป็นทูตวัฒนธรรมของไทยด้วยความภาคภูมิใจ เวลานี้มีการจัดอันดับความเข้มแข็งทางด้านวัฒนธรรมของประเทศต่างๆ ในโลก ประเทศไทยเราเป็นที่ 8 ของโลก และเป็นที่ 1 ของเอเชีย ชนะประเทศอื่นๆ ในเอเชียที่มีภาพลักษณ์ว่ามีวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง อย่างอินเดีย ญี่ปุ่น และจีน
ในขณะนี้เรากำลังเผชิญกับปัญหาของพวกที่ไม่มีสำนึกชาตินิยม ดูถูกความเป็นไทยว่าเป็นความเชย เป็นความล้าสมัย อะไรที่มีความเป็นไทยสู้สิ่งต่างๆ ที่เป็นของต่างชาติไม่ได้ พวกนี้ไม่สนใจประวัติศาสตร์ ไม่เข้าใจรากเหง้าของความเป็นไทย ไม่เข้าใจสิ่งต่างๆ และพิธีกรรมต่างๆ ที่เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทยที่มีเสน่ห์น่าชื่นชม ไม่ว่าจะเป็นพระราชพิธี รัฐพิธี ประเพณีและงานเทศกาลต่างๆ พวกเขาไม่สนใจว่าประเทศไทยเจริญก้าวหน้ามาอย่างไร บูรพกษัตริย์และบรรพชนของเราทำอะไรไว้บ้างที่ทำให้ประเทศไทยมีความเจริญก้าวหน้ามาจนถึงปัจจุบัน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าวัฒนธรรมไทยและความเป็นไทยนั้นมีความแข็งแกร่งและเป็นเสน่ห์ของไทยในสายตาของประชาคมโลกอย่างไร พวกเขาตั้งหน้าตั้งตาด้อยค่าความเป็นไทย และยกย่องประเทศอื่น บางคนถึงขนาดเอ่ยปากว่าไม่อยากอยู่เมืองไทย อยากย้ายประเทศ เพราะไม่อยากให้ลูกเติบโตในประเทศไทยที่พวกเขามองว่าล้าหลัง มีคนหลายคนที่ดิ้นรนออกจากประเทศไทยไปแล้ว แต่ก็อยู่ในต่างประเทศไม่ได้ ต้องซมซานกลับประเทศไทย ที่พวกเราควรจะมีความชื่นชมด้วยสำนึก “ชาตินิยม”
Patriotism ความรักชาติคือ ความรู้สึกหวงแหนอธิปไตยของชาติ ต้องการดำรงความเป็นเอกราชของชาติ ไม่ยอมให้ใครผู้ใดมาย่ำยีประเทศชาติ ผืนแผ่นดินไทย ผืนน้ำไทย ผืนฟ้าไทย เป็นของประเทศไทยทั้งนั้น หากใครผู้ใดล่วงล้ำก้ำเกินจะมาแก่งแย่งเอาไปเราต้องไม่ยอม ด้วยความรักชาติเราจะไม่ยอมให้คนชาติอื่นมาแทรกแซงการทำงานบริหารบ้านเมืองของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม บรรดาทหารหาญทั้งหลายมีความรักชาติเป็นพิเศษด้วยบทบาทและหน้าที่ของพวกเขาที่ต้องพิทักษ์รักษาเอกราชและอธิปไตยของประเทศ พวกเขาจึงมีคำพูดว่า “พลีชีพเพื่อชาติ” และถ้อยคำนี้ก็ไม่ได้เป็นเพียงวาทกรรม แต่เป็นความจริงในการปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขาที่เป็นการ “เสียสละด้วยความรักชาติ” นอกจากความเป็นเอกราชและอธิปไตยที่เราต้องพิทักษ์รักษา ด้วยความรักชาติแล้ว เรายังต้องยึดมั่นว่าทรัพยากรของชาติ เราจะไม่ยอมให้ชาติใดมาเอาไป แม้แต่ก้อนดินก้อนเดียว ทรายเม็ดเดียว เราก็จะไม่ยอมให้ใครเอาไป
แต่บัดนี้เรามีคนจำนวนหนึ่งที่ไม่มีสำนึกรักชาติ เห็นแก่ตัว สมคบคิดกับต่างชาติ เปิดประตูให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซงการบริหารบ้านเมืองของเรา ยอมที่จะแบ่งปันผลประโยชน์กับต่างชาติ ไม่ใช่เป็นการแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างประเทศ แต่เป็นการแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างบุคคลที่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย คนพวกนี้นอกจากจะเรียกว่าเป็นคนที่ไม่มีสำนึกความรักชาติแล้ว เราอาจจะเรียกพวกเขาว่าเป็นพวก “ขายชาติ”
Treason คำนี้แปลว่าคนที่ทรยศประเทศชาติ ทำตัวเป็นกบฏ เปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาครอบงำการทำงานของประเทศ ที่เราเรียกว่ามาทำตัวเป็น Deep State คือมีบทบาทชักใยการทำงานของรัฐบาล ทำให้รัฐบาลของไทยไม่มีอธิปไตยในการบริหารบ้านเมือง คนที่เปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาตักตวงผลประโยชน์จากทรัพยากรของประเทศ ต้องถูกประณามว่าเป็นพวก “ขายชาติ” เวลานี้คนพวกนี้ นอกจากไม่สำนึกว่าตัวเองเป็นพวก “ขายชาติ” แล้ว ยังมากล่าวหาพวกเราที่ “รักชาติ” และมีสำนึก “ชาตินิยม” ว่าเป็นพวก “คลั่งชาติ” พวกเราต้องพูดเสียงดังๆ ให้เขารู้ว่า “คลั่งชาติดีกว่าขายชาติ” เพราะเราไม่กระทำการใดที่เป็นการทรยศต่อแผ่นดินอย่างที่พวกเขากำลังทำอยู่ คนพวกนี้หากเป็นสมัยก่อน จะต้องเอาไปประหารเจ็ดชั่วโคตร เพราะเป็นคนเปิดประตูเมืองให้ต่างชาติเข้ามากอบโกยผลประโยชน์จากทรัพยากรของประเทศที่เราต้องรักและหวงแหน
ด้วยสำนึกชาตินิยมและความรักชาติ เราต้องน้อมนำพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 ที่ทรงพระราชนิพนธ์ว่า “ใครมาเป็นเจ้าเข้าครอง คงจะต้องบังคับขับไส เคี่ยวเข็ญเย็นค่ำร่ำไป ตามวิสัยเฉกเช่นผู้เป็นนาย เขาจะเห็นแก่หน้าค่าชื่อ นับถือพงศ์พันธุ์นั้นอย่าหมาย ไหนจะต้องเหนื่อยยากลำบากกาย ไหนจะอายทั่วทั้งโลกา” ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องสมานสามัคคีปกป้องอธิปไตยของไทย อย่ายอมให้ไอ้อีคนไหนกระทำการ “ขายชาติ” ได้สำเร็จ ดำรงรักษาเสาหลักของประเทศ อันได้แก่ “ชาติ ศาสน์ กษัตริย์” ให้ดำรงคงมั่นตราบนิรันดร์ ด้วยความรักชาติ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ดร.เสรี' กรีดเหวอะ! ใครมีลูกสาวเก่งพอที่จะเป็นนายกฯ ต้องบอกลูกให้มีผัว 9 คนอยู่ใน 9 ภาค
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสารโพสต์เฟซบุ๊กว่า ใครมีลูกสาวที่เก่งพอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ต้องบอกลูกนะคะ
ช่างกล้า...ช่างมั่น รับประกันด้วยตำแหน่ง
ในขณะที่ประชาชนผู้รักชาติ รักแผ่นดิน มีความเป็นห่วงเป็นใยว่าการเจรจาแบ่งผลประโยชน์จากทรัพยากรในท้องทะเลใต้เกาะกูดตามที่มีการลงนามความเข้าใจร่วม (MOU) 44
จาก...'ต้มยำกุ้ง' ถึง 'ต้มยำกบ'
ด้วยเหตุเพราะ ความคิดถึง อย่างสุดซึ้งถึงเพื่อนเก่า เพื่อนแก่ อย่าง เพื่อนแป๊ะ (โดย แป๊ะ รายที่ว่านี้ออกไปทาง เทพบุตร หรือคนละคนกับ แป๊ะ ปิศาจ) ที่ห่างหายไม่ได้เจอะหน้า เจอะตา
ทิศทางใหม่ 'สีกากี'
การจัดทัพปรับทิศ "กรมปทุมวัน" ในยุค ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ กุมบังเหียน "แม่ทัพใหญ่สีกากี" น่าสนใจ น่าติดตาม
ลัคนาพิจิกกับเค้าโครงชีวิตปี 2568
ยังอยู่ในช่วงเจ็ดปีของการเปลี่ยนแปลงใหญ่คู่ครองและหุ้นส่วน หลังพฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป ชีวิตรับแนวลบเหตุการณ์ใหญ่ทยอยรออุบัติรอบทิศ เตรียมกลั่นพลังทั้งก๊อกสำรองสู้สุดๆ เพราะก๊อกหลักหรือดาวใหญ่ออกแนวลบ
4 กลุ่มชั่วน่ากลัวเป็นนักหนา กลุ่มที่ 5 ยิ่งน่าสยอง
ณ เวลานี้ หลายคนมองประเทศไทยด้วยความห่วงใยว่า ประเทศไทยของเราที่เป็นที่ชื่นชมของชาวโลก ทั้งการลงทุน การทำมาค้าขาย การเข้ามาพำนักยามชรา และการมาท่องเที่ยว