บันทึกหน้า 4

 “ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด” กลุ่มไม่ไว้วางใจ ทักษิณ ชินวัตร ยังไม่ต้องหมดหวัง หรือหนีไปบวช พักเรื่องการเมือง หลังศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องเหตุล้มล้างการปกครอง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 และจะทำให้บรรดาลิ่วล้อนายใหญ่ตีปีก

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กให้กำลังใจว่า เนื่องจากพยานหลักฐานเท่าที่มีในคำร้องยังไม่ชัดและมีน้ำหนักพอที่จะชี้ว่าการกระทำดังกล่าวจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่รับวินิจฉัย 

 “อย่าเพิ่งหมดหวังจนจะยกประเทศไปให้นายทักษิณไปเสีย ผู้ที่เชียร์นายทักษิณและพรรคเพื่อไทยก็อย่างเพิ่งตีปีกดีใจจนมั่นใจว่ารัฐบาลจะอยู่ได้จนครบเทอม อย่าลืมว่าคำร้องต่างๆ ยังอยู่ที่ กกต. ยังมีอีกหลายคำร้อง เมื่อใดที่คำร้องเรื่องการครอบงำพรรคเพื่อไทยของนายทักษิณ และการยอมถูกครอบงำของพรรคเพื่อไทย กรณีไปรับประทานมาม่ากันที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เรื่องนี้หากกรรมการ กกต.มีมติให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเมื่อใด ก็นับถอยหลังถึงวันยุบพรรคเพื่อไทยกันได้เลย”

ยังไม่ต้องพูดถึงกรณี “ชั้น 14” รายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนอยู่ในมือของ ป.ป.ช.แล้ว และการไต่สวนพยานหลักฐานมีความก้าวหน้าและมีน้ำหนักมากขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทรวงยุติธรรมและโรงพยาบาลตำรวจจะโยนกันไปมา เพื่อไม่ยอมส่งเวชระเบียนของผู้ป่วยที่ชื่อทักษิณ ชินวัตร ให้กับ ป.ป.ช. โดยอ้างว่าเป็นความลับก็ตาม

พฤติกรรมและการพูดจาของนายทักษิณในช่วงนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี เป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จะเรียกว่าครอบงำหรือไม่ก็ตาม แต่นายทักษิณมีอำนาจเหนือพรรคเพื่อไทยอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าคุณทักษิณจะพูดอะไร พรรคเพื่อไทยก็ขานรับไปปฏิบัติโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น
ดังนั้นจึงมองไม่เห็นเลยว่า ทักษิณ พรรคเพื่อไทย และรัฐบาลชุดนี้จะรอดได้อย่างไร ปัญหาคือ เมื่อไม่รอดแล้วใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป รัฐบาลชุดต่อไปจะเป็นอย่างไร นี่คือเรื่องที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่า เพราะมองดูนักการเมืองที่อยู่ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีแต่ละคนแล้ว ขอบอกว่ายังไม่มีใครเหมาะสมที่จะเป็นความหวังของชาติได้เลยแม้แต่คนเดียว

๐ ทำท่าว่าการแก้รัฐธรรมนูญจะไม่ทันรัฐบาลนี้เสียแล้ว หลัง ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พยายามดิ้นสุดซอย หามุมกฎหมายเพื่อลดระยะเวลาดองกฎหมายประชามติจาก 180 วัน เหลือ 10 วัน โดยให้เหตุผลว่าเป็นกฎหมายการเงิน พร้อมยกรัฐธรรมนูญ มาตรา 138 วรรคท้าย โดยให้ กมธ.สามัญทั้ง 35 คณะ เป็นผู้ชี้ขาด 

แต่ไม่ทันไร ก็ถูกจับไต๋ได้ว่าทำไม่ได้ โดย นิกร จำนง เลขานุการคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ระบุว่า เชื่อว่าไม่สามารถลดเวลาโดยอาศัยช่องทางว่าเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการเงินได้ ถ้าฝืนกระทำไปก็อาจสุ่มเสี่ยงถูกร้องว่าออกกฎหมายโดยมิชอบได้ เพราะถึงขณะนี้เป็นที่เด็ดขาดแล้วว่าร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ไม่ใช่ร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวด้วยการเงินตามที่สภาแจ้งไปยังวุฒิสภา ตามมาตรา 136 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญ กรณีจึงล่วงพ้นช่วงเวลาในการสงสัยว่าเป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงินหรือไม่นั้นไปแล้ว ที่ประชุมร่วมกันของประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานคณะกรรมาธิการสามัญของสภาผู้แทนราษฎรทุกคณะ จึงไม่มีอำนาจในการวินิจฉัยอีก หากมีการดำเนินการดังกล่าว อาจส่งผลถึงกระบวนการตรากฎหมายที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญได้

สำหรับรัฐธรรมนูญ มาตรา 136 วรรคสี่ ระบุว่า “ในกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรเสนอร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงินไปยังวุฒิสภา ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรแจ้งให้วุฒิสภาทราบและให้ถือเป็นเด็ดขาด หากมิได้แจ้ง ให้ถือว่าร่างพระราชบัญญัตินั้น ไม่เป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงิน” 

งานนี้ต้องยอมรับความจริงว่ารัฐบาลไม่สามารถแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับได้ในสมัยนี้ ฉะนั้นควรเลิกซื้อเวลา อ้างนู่น โทษนี่ และยอมรับความจริงว่าทำไม่ได้ เพราะชาวบ้านเขาชินแล้ว.   

 

คางดำ 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน

บันทึกหน้า 4

ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว

บันทึกหน้า 4

หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว

บันทึกหน้า 4

ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย

บันทึกหน้า 4

น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.