บันทึกหน้า 4

ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไรดีกับกรณีประกาศกฎอัยการศึก 155 นาทีของสาธารณรัฐเกาหลี หรือเกาหลีใต้ เมื่อช่วงค่ำคืนวันที่ 3 ธันวาคม ซึ่ง งานนี้คงต้องติดตามความต่อเนื่องกันต่อไป เพราะ สส.ฝ่ายค้าน 6 พรรคได้พากันลงนามลงชื่อถอดถอนยุน ซอกยอลออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีตามรัฐธรรมนูญต่อรัฐสภาแล้ว ซึ่งปลายสัปดาห์นี้ก็คงรู้ว่าหมู่หรือจ่า ซึ่งแนวโน้มก็ฟันธงได้เลยว่า “ยุน ซอกยอล” คงต้องโบกมือลา ซ้ำร้ายจะโดนเช็กบิลจังเบอร์ ซึ่งรวมถึงสตรีหมายเลขหนึ่งที่ถูกจับตาอยู่เป็นนิจด้วย ...

แต่ที่ขำไม่ออกในกรณี “อัยการศึกกิมจิ” ชักเข้าชักออกนั้น คือนักการเมืองไทย โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีอย่าง แพทองธาร ชินวัตรที่ออกมาทวีตข้อความบน X และโพสต์บนเฟซบุ๊กในเวลา 11.55 .ของวันพุธ ซึ่งหากเป็นกรณีเกิด “สึนามิ” หรือ “แผ่นดินไหว” ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดความสูญเสียไปเท่าไหร่ เพราะล่าช้ายิ่งกว่าเรือเกลือเสียอีก ...

แต่ในขณะที่เรื่องเกี่ยวกับ ต้มยำกุ้งที่คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการสงวนการรักษามรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ครั้งที่ 19 ประชุมกันที่กรุงอาซุนซิออน สาธารณรัฐปารากวัย ได้ลงมติประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกที่จับต้องไม่ได้ นายกฯ อิ๊งค์อุตส่าห์ไปโผล่แสดงความยินดีผ่านระบบวีดิทัศน์ในเวลา 02.00 . ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไรดี งานหนึ่งที่มีความเสี่ยงปลอดภัยด้านชีวิตและทรัพย์สินกับยืดยาดอืดอาด แต่งานหนึ่งที่เป็นเพียงเกียรติหน้าตากลับรอร่วมงานชนิดไม่หลับไม่นอน งานนี้จึงไม่น่าแปลกที่ถูกดรามาเรื่องน้ำท่วมภาคใต้เมื่อเทียบการลงพื้นที่และการช่วยเหลือกับน้ำท่วมภาคเหนือ นายกฯ ไทยจึงตอบแบบชัดถ้อยชัดคำว่ามีสามีเป็นคนใต้ หากไม่รักก็แต่งงานไม่ได้ ...

เมื่อ “หัว” แยกไม่ถูกระหว่างงานหลักและงานควรทำหน้าที่ จึงไม่แปลกที่หางก็เป็นบ้าง ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน พิชัย ชุณหวชิรรองนายกฯ และ รมว.การคลัง ที่เดิมเมื่อประกาศรายชื่อออกมา ใครต่อใครก็เชื่อมั่นว่าจะเป็นหนึ่งในขุนคลังที่สร้างความเชื่อมั่นและทำงานได้ดี แต่ไปๆ มาๆ ต้องบอกว่า “สังขาร” ก็ไม่ได้ทำให้ “ขิงแก่” ยิ่งเผ็ดไปทุกราย โดยเฉพาะล่าสุดในกรณีการไป พูดเรื่องภาษีสารพัดต่อสาธารณะ ทั้งภาษีรายได้ 15% รวมถึงภาษีมูลค่าเพิ่ม 15% ซึ่งเรื่องอย่างนี้ถือเป็นความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัยแต่ประการใดในการเป็นขุนคลัง ที่ออกมาพูดเรื่องตัวเลขแบบนี้ไม่ต่างจากการชี้นำ “หุ้น” ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือแม้แต่การบอกเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนในค่าเงินแต่ประการใด ...

 แล้วที่สำคัญแม้ “พิชัย” จะมาอ้อมแอ้มแก้ต่างว่าเป็นแค่การศึกษาในการสัมภาษณ์ล่าสุดแล้วก็ตามที มันก็ยิ่งสะท้อนว่า ขุนคลังไม่ได้ทำงานสนองนโยบายนายกฯ อิ๊งค์และพรรคเพื่อไทยแต่ประการใด เพราะสวนทางกับนโยบายสร้างโอกาสที่เป็นไปได้ ทำให้คนไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีอย่างมาก เพราะนโยบายภาษีรายได้และภาษีแวตนั้นมีแต่ทำให้คนจนที่ทุกวันนี้ข้าวสารแทบไม่มีกรอกหม้อต้องแบกภาระจนหลังแอ่นเข้าไปอีก ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องความเท่าเทียมเลย เพราะนโยบายภาษีเงินได้แทนที่จะช่วยมนุษย์ทำงาน กลับเป็นการช่วยคนรวยคนมีอันจะกินเข้าไปอีก ก็ไม่รู้ว่าอุ๊งอิ๊งได้เห็นนโยบายแบบนี้จะมีการคิดเรื่องการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีบ้างหรือไม่ เพราะนอกจากเป็นแนวคิดที่สวนทางพรรคแล้ว ยังสร้างความตื่นตะหนกให้กับชาวบ้าน รวมทั้งเรียกกระถางดอกไม้มายังรัฐบาลมากขึ้นจากเดิมก็มากพออยู่แล้วจากนโยบายแจกหมื่นที่ไม่ตรงปกหาเสียง ...

หันมาดูเรื่องกฎหมายประชามติกันบ้าง เพราะล่าสุดคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติได้ประชุมนัดสุดท้ายแล้ว ซึ่งสภาล่างและสภาสูงต่างก็มีจุดยืนของตัวเอง งานนี้ก็คง ต้องแขวนกฎหมายดังกล่าวไว้ 180 วันตามรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถแปลงร่างเป็นกฎหมายการเงินเหมือนที่ชูศักดิ์ ศิรินิลรมต.ประจำสำนักนายกฯ พยายามจุดพลุได้ โดย “นิกร จำนง” เลขานุการ กมธ.คาดว่าจะทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญได้ช่วงปลายเดือน ธ.ค.2568 ถึงต้น ม.ค.2569 จึงค่อยดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256 ดูแล้วไม่น่ามีรัฐธรรมนูญใหม่ทันในรัฐบาลชุดนี้ ...

งานนี้ที่ขำไม่ออกคือ กรณี กลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่ที่นำโดยนันทนา นันทวโรภาสออกมาแถลงจุดยืนว่า ไม่ว่ามติของ กมธ.ร่วมจะออกมาเป็นอย่างไร สว.พันธุ์ใหม่มีจุดยืนให้ใช้หลักเกณฑ์เสียงข้างมากชั้นเดียว พร้อมระบุว่าควรมีกรอบเวลาเร็วพอในการทำประชามติ ให้เสร็จทันการเลือกตั้งปี 2570 ด้วย อ้าว มีกติกาแต่ไม่เคารพกติกาของเสียงส่วนใหญ่ แบบนี้จะเรียกว่าประชาธิปไตยได้อย่างไร ที่สำคัญชาวบ้านเขาฝากถามมาว่า แก้รัฐธรรมนูญแล้วทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น มีเงินพอยาไส้เหมือนผู้ทรงเกียรติที่กินเงินภาษีประชาชนแล้วยังมีบำเหน็จบำนาญด้วยหรือเปล่า ...

 

.ศักดิ์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

เริ่มต้นเดือนแรกปี 68 มีหลายประเด็นการเมืองให้ติดตาม และ “ทักษิณ ชินวัตร” ก็ยังคงเป็นหมากสำคัญของการเมืองไทยเช่นเดิม เพราะถึงอย่างไร “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ก็ต้องฟังพ่อเสมอ เผลอๆ ปล่อยให้บิดาจับมือบริหารประเทศด้วยซ้ำ

บันทึกหน้า 4

มาตามเรื่องร้อนในสังคมการเมืองไทยตอนนี้แบบเต็มๆ นั่นก็คือ หลังคณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรฯ เมื่อวันจันทร์ที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่

บันทึกหน้า 4

เมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในงาน Dinner Talk Chat with Tony : Bull Rally of Thai Capital Market เหมือนกับการแถลงนโยบายรัฐบาลอีกครั้งของพ่อนายกฯ และยิ่งบดบังบทบาทของ บุตรสาว อุ๊งอิ๊ง-น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ

บันทึกหน้า 4

ปมร้อนเรื่องกฎหมายกาสิโน สุดท้าย ครม.ก็มีมติเห็นชอบ หลังคณะกรรมการกฤษฎีกาตั้งข้อ สังเกต 6 ประเด็น

บันทึกหน้า 4

วันนี้ขอบันทึกเริ่มต้นด้วยสุภาษิตไทย "รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง" เพราะนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร โอดครวญกับเด็กๆ ว่า "ถูกบูลลี่" เรื่องการแต่งตัว และวันต่อมาก็พูดในระหว่างหาเสียง อบจ.ที่นครพนมว่า.. ไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะมีนักร้องคอยจับผิด

บันทึกหน้า 4

"นายหัวชวน" ออกโรงตวัดใบมีดโกนกรีดปาก "นายใหญ่" เจ้าของตำแหน่ง สทร. "คุณทักษิณบอกว่าเขาคือนักการเมืองรุ่นใหม่ แต่ผมเป็นนักการเมืองรุ่นเก่าที่ไม่โกง ไม่ซื้อเสียง