นางแบบระดับโลก?

อาการฟุ้งซ่านหรือเปล่า..ไม่แน่ใจ?

แต่ถ้าใครพอจะวินิจฉัยได้ก็อยากให้ช่วยอธิบายที คือนายทักษิณ ชินวัตร ที่เวลานี้กำลังทำตัวใหญ่คับฟ้าได้พูดว่า..

“สิ่งที่ผมอยากจะลองอีกเรื่อง ผู้หญิงอีสานทำไมถึงมีฝรั่งมาชอบเยอะแยะ ความสวยของธรรมชาติบางทีบางครั้งมีเสน่ห์

ถ้าเราจะประกวดคนอีสานที่บุคลิกดีๆ ที่ไม่ผ่านการศัลยกรรมเลย แล้วนำไปสอนเป็นนางแบบระดับโลกดีหรือไม่ ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้อีกทางให้กับคนอีสาน”

สำหรับผมแล้วมองว่า ถ้าไม่ฟุ้งซ่านก็ประเภท “หว่านหวาน” เรียกคะแนนชาวบ้านไปเรื่อยเปื่อย คิด-ทำยังกับว่า “นางแบบระดับโลก” นั้น..

ปั้นขึ้นมาได้ง่ายๆ เหมือนปั้นน้อง-ปั้นลูกสาวเป็นนายกฯ หรืออย่างไร ถึงได้มั่นใจจะเป็นการสร้างรายได้อีกทางให้กับคนอีสานน่ะ..หือ?

ขนาดดารา-นางแบบ (อาชีพ) ในวงการบันเทิงที่มีหุ่น มีหน้าตา มีทักษะ มีความรู้ ความสามารถเพียบพร้อม พยายามแล้วพยายามอีกที่จะไต่เต้าไปถึงจุดนั้น

 แต่ก็แทบจะนับหัวได้ พูดง่ายๆ น้อยคนนักที่จะไปเก็บเกี่ยวเงินทอง ชื่อเสียงจากเวทีนางแบบระดับโลกได้!

ที่นายทักษิณว่า “ผู้หญิงอีสานทำไมถึงมีฝรั่งมาชอบเยอะแยะ ความสวยของธรรมชาติบางทีบางครั้งมีเสน่ห์” น่ะ ผมไม่ข้อง-ไม่ขัด เพียงแต่สงสัย

ว่า..ชื่นชมด้วยความจริงใจ บริสุทธิ์ใจ หรือแค่เพียงเอิ้นให้คนอีสาน สาวน้อย-สาวใหญ่ได้ชื่นใจ เป็นประเด็น-เกิดกระแสขึ้นมาเท่านั้น?

และพวก “นายว่าขี้ข้าพลอย” ก็พอกัน อย่างคุณอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ก็รีบ “ดีครับนาย” ตามมาทันควัน..

“โครงการประกวดนางแบบอีสาน หากเกิดขึ้นจะเป็นโครงการที่เน้นความงามธรรมชาติ เป็นแนวคิดที่สามารถสร้างรายได้ใหม่ให้ประชาชนคนอีสาน

และช่วยประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมไทยในเวทีโลก หากนำแนวคิดนี้ไปพัฒนาจริงจังจะสร้างงาน สร้างชื่อเสียง และยกระดับเศรษฐกิจท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

โห..จินตนาการ-เพ้อฝันไปนู่นเลย คุณอนุสรณ์ไม่รู้รึว่าเวลานี้คนอีสาน โดยเฉพาะบรรดาสาวๆ ได้สร้างชื่อเสียง สร้างงาน-สร้างรายได้ให้ตัวเองไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

ไม่ต้องยกหนูลิซ่านั่นหรอก เอาแค่นักร้อง-ดารา-เซเลบ-ยูทูบเบอร์ที่มีชื่อเสียงอยู่ในขณะนี้ ส่วนใหญ่ก็เป็นลูกหลานคนอีสานทั้งสิ้น!

ถ้ารัฐบาลพ่อคิด-ลูกทำจะยกระดับเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพจริง ก็ควรจะสนับสนุนส่งเสริม-ต่อยอดเอาจากสิ่งที่ลูกๆ หลานๆ ได้ทำอยู่ก็น่าจะเพียงพอแล้ว

ไม่ต้องไปสร้างฝัน “ปั้นนางแบบอีสานสู่เวทีโลก” เพื่อโกยเงินเข้าประเทศนั้นเลย เพราะเห็นมาแล้ว อุตส่าห์นั่งเครื่องบินเอาผ้าขาวม้าไปอวดชาวโลกไม่รู้สักกี่รอบ-กี่เที่ยว..

จนเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีแล้ว..ผ้าขาวม้าก็ไม่ได้ “โกอินเตอร์” ตามคำคุยโม้สักกะที!

นี่..ผมก็ไม่ได้จะขัดคอให้ขัดใจอะไรหรอกนะ แต่คิดอย่างอื่น-ทำอย่างอื่นเถอะพ่อคนใหญ่โต หรือแทนที่จะคิดปั้นนางแบบอีสาน ลองหันมาปั้นลูกสาวตัวเองบนเวทีโลกก่อนดีไหม?

เริ่มจากเสื้อผ้าหน้าผมก่อนเลย ประเภทแต่งตัวไร้กาลเทศะ แบบ “กางเกงขารุ่ย-รองเท้าผ้าใบ” ในพิธีต้อนรับเดินพรมแดงงี้พอเถอะ อย่าได้สะเหล่ออีก อับอาย-ขายขี้หน้าชาวโลกเขา!

อ้อ..แต่ที่ปั้นความคิดให้ลูกสาวไปถ่ายทอดต่อ แบบว่าให้ชาวบ้านขุดดินจากลำคลองแม่น้ำต่างๆ เอาไปใช้ประโยชน์ เพื่อให้มีพื้นที่รับน้ำมากขึ้นนั้น

คุณหมอวรงค์ เดชกิจวิกรม ได้ถามนายทักษิณว่า.. “จะมีชาวบ้านที่ไหนเอาจอบ เอาเสียมไปขุดดินจากแม่น้ำลำคลองมาขาย ตลกสิ้นดี

หรือถ้าคุณให้สิทธิ์ขุดดินในที่สาธารณะ ชาวบ้านก็ไม่มีปัญญาไปขุด คงมีแต่ผู้รับเหมา หรือนายทุนเท่านั้นที่ใช้เครื่องจักรไปขุด

สุดท้ายคนที่ได้ประโยชน์ ไม่ใช่ประชาชนที่เป็นชาวบ้าน มีแต่นายทุนทั้งสิ้น โครงการนี้คิดได้อย่างไง??”

ตอบซิ!.

 

สันต์ สะตอแมน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประชาธิปไตยจอมปลอม

“หาดใหญ่ยังห่างไกลความปกติ.. ขยะเป็นล้านตันไม่ใช่เรื่องที่จัดการง่าย และเรายังลุยต่อกับอีกหลายหน่วยงานในทุกๆ วันค่ะ”

ร่างทรงชาวบ้าน

ว้าวว..ลูกชาย “เจ๊แดง” นั่งแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1 เพื่อไทย! เสียงเพื่อนบนโต๊ะกินข้าวคนหนึ่งอุทานลั่น ทำเอาเพื่อนๆ ร่วมโต๊ะหันมองหน้าด้วยความพร้อมเพรียง ก่อนที่อีกคนจะเอ่ยถาม..

‘ขอเวลาอีกไม่นาน’!

คั่นสงครามด้วยข่าวบันเทิง!.. เริ่มที่เจ้าพ่อโหนกระแส “คุณหนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” โพสต์ถึงใครก็ไม่รู้.. “ก่อนจะดูถูกคนอื่น ล้างมือล้างตีนตัวเองก่อนดีมั้ย ตีนยังดำอยู่เลย”

‘เด็กเสียนิสัย’?

“สงคราม” ..สนุกแต่เฉพาะในหนังฮอลลีวูด.. นอกจาก “ของจริง” ไม่ใช่เรื่องเล่น-เรื่องสนุก หรือเรื่องที่จะคุยโม้ โอ้อวด เพราะสนามสงคราม คือ “สนามแห่งความเป็น-ความตาย” ของชีวิต (จริง) เหล่าทหารกล้า!

‘ดิสนีย์แลนด์’..ฝันเก้อ?

แก้วตา...หันมาฟังพี่จะบอก เจ้าจงตั้งใจฟังไว้ให้ดี.. คืองี้..เหตุที่คณะกรรมการบริหารพรรคประชาชน และคณะกรรมการคัดสรรผู้สมัคร มีมติไม่ส่งคุณธิษะณา ชุณหะวัณ หรือ “แก้วตา” ลงสมัคร สส.กรุงเทพฯ ต่อนั้น..

เหลือไว้ความทรงจำ

สงครามมาพร้อมกับ “ซีเกมส์” แต่ด้วย “ซีเกมส์” เป็นการแข่งขันกีฬาของมวลมนุษยชาติที่จัดกันมาต่อเนื่องจนถึงครั้งที่ 33 ในปีนี้-2568