ถามไม่ถูกคน...สัปดนไหมล่ะ

ตั้งแต่มีการประกาศว่าแพทองธารคือ หนึ่งในรายชื่อที่พรรคเพื่อไทยเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรี หลายคนเริ่มเป็นห่วงประเทศชาติ เพราะผู้ที่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองก็พอจะอนุมานได้ว่า แพทองธารน่าจะไม่พร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่เป็นประมุขของฝ่ายบริหารในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นด้านความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีชื่อ เศรษฐา เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง หลายคนก็รู้สึกเบาใจได้บ้าง อย่างน้อยเศรษฐาก็เคยเป็นผู้บริหารระดับสูงขององค์กรที่มีธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นก็น่าจะมีประสบการณ์และความสามารถในการบริหารอยู่ไม่น้อย

คนที่เป็น FC ของเพื่อไทยอาจจะเถียงว่าแพทองธารเองก็มีตำแหน่งในระดับสูงของหลายบริษัทที่ทำธุรกิจขนาดใหญ่เช่นกัน เพราะฉะนั้น ถ้าหากรับเศรษฐาได้ ก็น่าจะรับแพทองธารได้เช่นกัน สำหรับคนที่มองว่าแพทองธารไม่เหมาะสม ก็สามารถแย้งได้ว่า เศรษฐาเขาสร้างธุรกิจของเขาเอง เขาไม่ได้สืบทอดธุรกิจครอบครัวที่ใหญ่โตมาแต่อย่างใด ผิดกับแพทองธารที่มีตำแหน่งสูงในองค์กร ก็เป็นตำแหน่งในธุรกิจครอบครัว และข่าวสารในแวดวงธุรกิจ ก็ไม่เคยมีข่าวใดๆ ที่แสดงให้เห็นความสามารถของแพทองธารในการบริหารธุรกิจของบริษัทที่เธอมีตำแหน่งสูง เรื่องราวของบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศ ถ้าหากว่าผู้บริหารทำการใดๆ ที่แสดงให้เห็นความสามารถ มันก็คงจะมีข่าวให้ประชาชนที่สนใจธุรกิจของบ้านเมืองได้รับรู้บ้าง แต่ก็ไม่มีข่าวใดๆ ที่ว่านั้นเลยแม้แต่ข่าวเดียว ดังนั้น ผู้คนจำนวนมากจึงไม่สบายใจถ้าหากแพทองธารจะขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่เป็นประมุขของฝ่ายบริหาร

เมื่อวันที่รัฐสภาเลือกให้เศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี ประชาชนส่วนหนึ่งที่ไม่สบายใจกับอิทธิพลของทักษิณที่อยู่เหนือพรรคเพื่อไทย ก็ยังพอทำใจรับเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แม้จะไม่เต็มใจเท่าใดนัก แต่เมื่อเศรษฐาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ประชาชนก็ได้เห็นเงาของทักษิณทาบลงมาที่ตัวเศรษฐาหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องนโยบาย โครงการที่จะทำ และการแต่งตั้งรัฐมนตรี การบริหารประเทศตามแนวทางของทักษิณ ตั้งคนที่มีคุณสมบัติไม่ถูกต้องเป็นรัฐมนตรี ทำให้เศรษฐาต้องหลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมกับการถูดตีตราว่าเป็นคนไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต และปฏิบัติตนขัดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ทั้งๆ ที่เศรษฐาอาจจะไม่ใช่คนเช่นนั้น มาถึงตอนนี้ ประชาชนเริ่มคุยกันด้วยความกังวลว่าแล้วใครจะมาดำรงตำแหน่งนายรัฐมนตรีแทนเศรษฐา พวกเขาต่างก็กลัวว่าคนที่จะมาแทนเศรษฐาจะเป็นแพทองธาร และแล้ว ความกลัวของพวกเขาก็เป็นจริง แพทองธารได้รับเลือกจากสภาให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ความไม่สบายใจของประชาชนที่ไม่ใช่ FC ของเพื่อไทยนั้นมี 2 สาเหตุหลัก สาเหตุหนึ่งก็คือความรู้ความสามารถและประสบการณ์ของแพทองธาร และอีกสาเหตุหนึ่งก็คือ เกรงว่าทักษิณจะครอบงำแพทองธารในการบริหารประเทศ นั่นก็หมายความว่า “ระบอบทักษิณ” จะกลับมายึดครองประเทศไทยอีกวาระหนึ่ง เมื่อถูกถามว่าทักษิณจะครอบงำแพทองธารหรือไม่ ทักษิณตอบชัดเจนว่า เขาไม่ได้ “ครอบงำ” แต่เขา “ครอบครอง” เพราะเขาเป็นพ่อของแพทองธาร

และแล้วความกังวลของประชาชนก็เป็นจริง แพทองธารไม่มีความรู้พอ ไม่มีความสามารถพอ ไม่มีประสบการณ์พอที่จะบริหารประเทศ ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสมหลายครั้ง ทำให้ถูกวิจารณ์อย่างหนัก อาจจะเรียกได้ว่าถูกวิจารณ์รายวันเลยก็ว่าได้ จนแพทองธารเองบางครั้งก็แสดงท่าทีสีหน้าไม่พอใจคำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้น เธอมองว่าคนที่วิจารณ์เธอนั้นจ้องจับผิดเธอไปทุกเรื่อง เป็นพวกมีอคติ คิดเชิงลบ พ่อเธอเองก็ไม่พอใจ ถึงกับสบถว่าจะด่าจะวิพากษ์วิจารณ์หาพ่อหาแม่อะไร แสดงให้เห็นว่า ทั้งพ่อ ทั้งลูกสาว ต่างก็ไม่พอใจการวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งๆ ที่การวิพากษ์วิจารณ์มีความจริงเชิงประจักษ์สนับสนุน นายกรัฐมนตรีมีความรู้ไม่พอ มีความสามารถไม่พอ และประสบการณ์ไม่พอต่อการดำรงตำแหน่งจริงๆ อย่างที่คนเขาวิจารณ์กัน และเมื่อเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ประชาชนก็จะได้เห็นว่าพฤติกรรมหลายอย่างของแพทองธารแสดงให้เห็นว่าวุฒิภาวะก็ไม่เพียงพอ การเคารพกฎกติกาและธรรมเนียมปฏิบัติต่างๆ ก็ไม่เพียงพอ

ในตอนแรก ทักษิณผู้เป็นพ่อก็เป็นเงาอยู่ข้างหลังลูก ยังคงกระมิดกระเมี้ยนในการจะทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีแทนลูก แต่เมื่อลูกไม่ไหว ทำผิดพลาดหลายเรื่อง และทักษิณมองเห็นการเป็นคนมีอำนาจเหนือกฎหมายของตนเองในการอยู่ในบ้านเมืองนี้ ก็ออกมาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีแทนลูกในหลายๆ เรื่อง จนประชาชนตั้งคำถามว่าตกลงใครเป็นนายกรัฐมนตรีกันแน่ ระหว่างทักษิณ กับแพทองธาร การที่เป็นเช่นนี้ จะโทษทักษิณข้างเดียวก็ไม่ได้ ต้องโทษสื่อด้วย ทำไมเอาเรื่องการบริหารบ้านเมืองไปถามทักษิณ เหมือนประหนึ่งว่าทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี ทำไมไม่ถามแพทองธาร ทำไมไม่ถามรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงที่มีอำนาจหน้าที่ในการปฏิบัติ ไปถามทักษิณทำไม การเป็นสื่อควรรู้ว่าเรื่องที่ถามนั้น ตามกฎหมายอยู่ในอำนาจของใคร รัฐมนตรีคนไหนเป็นผู้ปฏิบัติ แต่นี่กระไรกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ต้องเอาไมค์ไปจ่อปากถามทักษิณ พวกคุณกำลังจะช่วยกันยืนยัน (Ratify) ความเป็นนายกรัฐมนตรีของทักษิณกระนั้นหรือ ถามผิดคนมันสัปดนไปหน่อยนะ นี่ทำกันเองหรือเป็นไปตามคำสั่งของเจ้าสำนัก ทำอะไรควรจะมีจรรยาบรรณและคิดถึงประเทศชาติกันบ้าง

ถ้าหากทักษิณจะแสดงอาการกร่างว่าตัวเองเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ขอบอกว่าพฤติกรรมของสื่อทั้งหลายที่เอาไมค์ไปจ่อปากถามทักษิณทุกเรื่อง มองไม่เห็นหัวของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างๆ เป็นกลุ่มคนที่มีส่วนทำให้ทักษิณมีพฤติกรรมอย่างที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ ถามจริงๆ เถอะ ในฐานะที่เป็นสื่อ พวกคุณไม่รู้เลยหรือว่าทักษิณไม่ได้มีตำแหน่งอะไรในบ้านเมือง แล้วพวกคุณเอาเรื่องนโยบายบริหารประเทศไปถามเขาทำไม คุณเอาแพทองธารในฐานะนายกรัฐมนตรี และเอารัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างๆ ที่มีหน้าที่ในการบริหารเรื่องนั้นเรื่องนี้ตามอำนาจที่มีตามกฎหมายไปไว้ไหน ลองคิดดูกันหน่อยก็ดีนะ แต่ถ้าหากมันเป็นคำสั่งของเจ้าสำนัก และคุณก็ตกงาน ก็ไม่รู้จะว่ายังไง นอกจากรู้สึกเวทนาพวกคุณ และห่วงใยบ้านเมืองนะคะ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทำผิดอะไร...ทำไมต้องช่วยSave

ตามปรกติแล้ว เวลามีสิ่งดีงามถูกคุกคามให้เกิดความเสียหาย ก็จะมีคนตั้งเพจขึ้นมาใน Social media ว่า Save นั่น Save นี่ หมายถึงช่วยกันปกป้องสิ่งดีงามที่มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังจะทำให้เสียหาย

วันมาฆบูชากับวันวาเลนตีน

พุธที่ผ่านมา...วันที่ 12 กุมภา. ตรงกับวัน มาฆบูชา ส่วนอีก 2 วันถัดมา คือ 14 กุมภา. ถือเป็นวัน วาเลนตีน หรือ Valentine’s day ดังที่ทราบๆ กันไปแล้ว โดยคงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่า แร

นายพลวาระเมษายน

การแต่งตั้ง "นายพันสีกากี" วาระประจำปี 2567 กำลังอยู่ระหว่างจัดทำบัญชีแต่งตั้ง ให้เสร็จทันตามกำหนด 28 ก.พ. และมีผลบังคับใช้ 3 มี.ค. รวมทั้งเดินทางไปรายงานตัวไม่เกิน 7 มี.ค. 2568 แต่ตอนนี้สัญญาณการแต่งตั้ง "นายพลนอกฤดู" วาระเดือนเมษายน ก็เริ่มดังขึ้นแล้ว หลังจาก ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ แม่ทัพใหญ่กรมปทุมวัน มีบันทึกข้อความแจ้งทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง

ฤๅการเมืองไทยเป็นได้แค่ธุรกิจ

คนที่รู้เรื่องรัฐศาสตร์และเรื่องการปกครองจะเข้าใจว่าการเมืองคือ การบริหารจัดการแบ่งปันอำนาจและทรัพยากรของชาติ ให้แก่ประชาชนที่เป็นพลเมืองของประเทศบนพื้นฐานของกฎกติกาที่เป็นธรรม John Locke

วิกฤตแห่งความจริงกับ'เงาปิศาจ'

ระหว่างที่ใครต่อใครกำลังตื่นเต้นกับข่าวคราวผงาดขึ้นมาของ DeepSeek หรือ AI ของจีน ชนิดต้องหันไปเทขายหุ้น ChatGPT ของอเมริกาจนมูลค่าตลาดหายไปเป็นแสนๆ