คำให้การ 'ก่อนมัจจุราช'

"วงเวียนกรรม" นี่ น่ากลัวนะ!

"ลูกตายเพราะพ่อ-พ่อตายเพราะลูก" แค่คิดผมก็ยังไม่อยากคิด เพราะมันจะเป็นไปได้อย่างไร?

แต่ "วงเวียนกรรม" ทำให้ต้องคิด

เพราะขึ้นชื่อว่า "กรรม" ไม่นับญาติกับใคร ทั้งเที่ยงตรง ไม่เคยโกง "ผลจากเหตุ" ที่มนุษย์ทำ

ส่วนจะส่งผลเมื่อใด ช้าหรือเร็วนั้น นั่้นเป็นเรื่องหนึ่ง

แต่ที่แน่ๆ คือ มันมาแน่ ไม่มีการต่อรอง จากเหตุที่ก่อ ผลจะปรากฏผูกพัน ดี-ร้าย นั้น ไม่ผันแปร เพราะความเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นลูก แต่ประการใด

ฉะนั้น ผมถึงบอกว่า...น่ากลัวไง!

เพราะความเที่ยงตรงของกรรม ไม่มีข้อยกเว้นเหมือนกฎหมายที่มนุษย์เขียนด้วยมือ แล้วมักถูกลบด้วยเท้าเสมอ

จงจำไว้ว่า....

"ยัง กัมมัง กะริสสันติ, กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา, ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ"

"ทำกรรมอันใดไว้, เป็นบุญหรือเป็นบาป ต้องเป็นผู้ได้รับผลของกรรมนั้นๆ สืบไป"

"ทักษิณ-พ่อ, นายกฯ แพทองธาร-ลูก" พึงสำเหนียกบทกรรมในรอบ ๓ เดือน ๖ เดือนนี้ไว้ ให้จงดี

ผมเห็นปฏิกิริยาสังคมที่มีต่อ ๒ พ่อลูกที่เหิมเกริมเสริมส่งกัน ส่อแนวใช้อำนาจแปลงประเทศเป็นทุนการเมืองทางผูกขาด หวังแปลงชาติเป็นอื่น

และเขาทนกันไม่ได้!

พากันรวมตัวทำหนังสือไปยื่นถึงนายกฯ แพทองธารที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวาน (๒๑ ม.ค.๖๘) นั้น ผมอ่านข้อความแล้ว

ทำให้เกิดโศลกในดวงจิตขึ้นมาทันทีว่า

"โอ้ว่า โหดร้ายนัก กรรมเวรใดหนอ พ่อก่อ-ลูกทำ ส่งผลเป็นกรรมย้อนกรรม ให้ลูกต้องทำกับพ่อ ถ้าไม่ทำ กรรมก็จะย้อนมาเป็นกำไลอีเอ็มพันข้อเท้าลูก ถูกแน่....มาตรา ๑๕๗"!

"การละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ" คุกตั้งแต่ ๑-๑๐ ปี หรือปรับตั้งแต่ ๒ พัน ถึง ๒ หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ในความไม่รู้อะไรเลย นายกฯ รู้ ๑๕๗ ไว้ซักมาตราก็ดีนะ แต่ถ้าถูกจริง ศาลคงไม่ลงเต็มถึง ๑๐ ปีหรอก!

๑๕๗ นี้ พ่อนายกฯ ก็เคยโดนมาแล้ว ๒ ปี เพราะ "ชงเอง-กินเอง" เรื่อง "หวย ๒ ตัว ๓ ตัว" สมัยเป็นนายกฯ

สัปปุรุษที่รวมตัวกันไปเมื่อวาน ต้องบอกว่า ไม่ใช่ "ขาประจำรับจ้าง" หรือประเภทโชว์หน้า รอเรียกไปกินไวน์

แต่เป็น "ผู้หลัก-ผู้ใหญ่" ที่เขารักบ้าน-ห่วงเมือง

ทนเห็นสองพ่อลูกพันผูกด้วยกรรม ใช้อำนาจย่ำยีประเทศไม่ได้ จึงออกมาทำหน้าที่ของ "ปวงชนชาวไทย"

กระชุ่นเตือนนายกฯ ให้ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามครรลองอำนาจหน้าที่ อย่าเห็นแก่ความเป็นพ่อ-เป็นลูกแล้วละเว้น

คณะบุคคลที่ยกกันไปเมื่อวาน ก็มี     

-กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.)

-ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.)

-กองทัพธรรม และ

-อดีตแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)

ตัวบุคคลมีใครบ้าง และหนังสือถึงนายกฯ นั้น ความว่าอย่างไร ให้ท่านอ่านข้อความในหนังสือที่เขาไปยื่นเอาเอง

.............................

วันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๘

เรื่อง ขอให้ใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีร่วมสะสางคดีบริหารกระบวนการบังคับโทษ นายทักษิณ ชินวัตร ให้เป็นที่ยุติ

เรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี

ด้วยข้าพเจ้า ผู้มีรายนามท้ายบันทึกนี้ เห็นพ้องร่วมกันว่า การสอบสวนคดีบริหารกระบวนการบังคับโทษ นายทักษิณ ชินวัตร ทั้งโดย ป.ป.ช.และแพทยสภาในปัจจุบัน

ไม่ได้รับความร่วมมือในการให้ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ เช่นที่ควร

กรณีจึงจำเป็นต้องใช้อำนาจนายกรัฐมนตรี อันเป็นอำนาจบังคับบัญชาสูงสุด

สั่งการเจ้าหน้าที่ให้ให้ความร่วมมือในการสอบสวนครั้งนี้โดยด่วนด้วย ดังเหตุผลโดยลำดับ ดังนี้

๑.ข้อมูลและพยานหลักฐานในคดี คือบรรดาเวชระเบียนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดตามที่แพทยสภาได้ขอไว้ ทั้งที่อยู่ในครอบครองของฝ่ายราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ

และที่สำคัญที่สุดคือ

คำรับรองทางการแพทย์ว่า นักโทษมีอาการป่วยหนักและฝ่ายแพทย์ของเรือนจำ ไม่มีความสามารถรักษาพยาบาลได้ ทั้งที่รับรองไว้ในชั้นส่งตัว-รับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาลตำรวจและในชั้นประกอบรายงานต่อผู้บังคับบัญชาในกระทรวง

เป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงของฝ่ายบริหารอยู่แล้ว ที่ต้องสะสางคดีนี้ ที่ทำได้ ทั้งสอบสวน ลงโทษ และแก้ไข

คือ ให้กรมราชทัณฑ์ร้องต่อศาลให้ออกหมายขังใหม่ แต่กลับไม่มีผู้ใด แม้แต่ตัว ฯพณฯ เอง สนใจรับผิดชอบสะสางคดีเลย

จนทั้ง ป.ป.ช.และแพทยสภา ต้องเข้ามาคลี่คลายเสียเองในที่สุด

อนึ่ง ขอนายกรัฐมนตรีแยกแยะ ระหว่างความสัมพันธ์ส่วนตน กับนายทักษิณ กับการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่จะต้องรักษาไว้ซึ่งความถูกต้องของหัวหน้าฝ่ายบริหาร

จึงขอเรียนมายัง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาสั่งการตามความรับผิดชอบต่อไปด้วย

ขอแสดงความนับถือ

นายแก้วสรร อติโพธิ

นายแก้วสรร อติโพธิ, รองศาสตราจารย์ ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ, รองศาสตราจารย์ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง,

รองศาสตราจารย์ ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก, นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, นายคมสัน โพธิ์คง, นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม, นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์

พลเอกเจตน์ บุญถนอม, นายสมชาย แสวงการ, นายประสาร มฤคพิทักษ์, นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์, นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม

นายนันทิวัฒน์ สามารถ, นายปรีดา เตียสุวรรณ์, นายสาวิทย์ แก้วหวาน, นางสาวเสน่ห์ หงษ์ทอง, นายมานพ เกื้อรัตน์, นางสาวนีรนุช จิตต์สม

นายแซมดิน เลิศบุศย์, ดร.ใจเพชร กล้าจน, นายอานนท์ กลิ่นแก้ว, นายพิชิต ไชยมงคล, นายนัสเซอร์ ยีหมะ

นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายนิติธร ล้ำเหลือ (ทนายนกเขา) และผู้มีรายนามท้ายบันทึกนี้

...................................

พลพรรคในคอก ที่มักออกมาเย้ยเสมอว่า "จุดไม่ติด" นั้น

เรื่องนี้ "ติด-ไม่ติด" ผมไม่รู้

รู้แต่ว่า มีคน "ติด" แน่ ถ้ายังคิดว่า "พ่อข้าขี่กฎหมาย-ตีนก่ายประเทศ" อยู่ละก็!

แต่ระยะนี้ สังเกตว่า "พ่อนายกฯ คล้ายไฟธาตุแตก" นะ ขึ้นไปพูดหาเสียง "นายก อบจ." แต่ละเวที เหมือนนอตหลุด ปะเก็นฝาสูบหลวม

"อาการน่าเป็นห่วง" จะพังได้ง่ายๆ

ไปช่วยหาเสียง ทำไป-ทำมา เสียงที่ได้ กลายเป็น "เสียงฮา" เพราะกลายเป็น "ตลกแม้ว" ไปแล้ว จับไมค์ปุ๊บ บ้าน้ำลายปั๊บ

จนเดี๋ยวนี้ ชาวบ้านจับได้แล้วว่า ทักษิณคือ ผู้สั่งการรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย "ตัวจริง-เสียงจริง"

ส่วนลูกสาว-แพทองธาร แค่หุ่นเชิด ขยับปากตามเชือกที่พ่อชักเท่านั้น

"ตำแหน่งนายกฯ" เป็นแค่ "ของเล่นลูก" เป็นตรายางประทับในเรื่องที่พ่อสั่งแทบทุกเรื่อง-ทุกนโยบายที่ "ขายประเทศ"!

วัน-สองวันนี้ ฮือฮากันมาก กับสำราก "พ่อนายกฯ" ที่เวทีมหาสารคาม เมื่อจันทร์ที่ ๒๐ มกรา. ถึงขั้น "ด่าพ่อ-ล่อแม่" กันตรงๆ เลย

"โกงพ่อมึงสิ ผมเข้ามาการเมืองเมื่อ ๓๐ ปีที่แล้ว ตอนนั้นประกาศทรัพย์สินทั้งที่ ป.ป.ช.ไม่บังคับ

ผมประกาศมีทรัพย์สินกว่า ๖๐,๐๐๐ ล้าน เพราะทำธุรกิจมา สร้างเนื้อสร้างตัวมา วันนี้โดนยึดไป ๔๖,๐๐๐ ล้าน ยังไม่ร้องสักคำเลย

ทั้งๆ ที่เป็นเงินที่ทำมาหากินแท้ๆ คำก็โกง สองคำก็โกง ก็มึงตั้งคณะกรรมการเฮงซวยมาสอบกู ตอนที่กูรวย มึงยังเพิ่งขอตังค์พ่อใช้อยู่เลย....."

ทักษิณคงเก็บกดอยู่นานที่ถูกตราหน้าว่า "โกง"

ใกล้วาระ "กรรมวางบิล" ก็ร้อนใน-กระวายกระวน  อะไรที่ไม่ควรหลุด ก็หลุดออกมาเอง

ทำเอา ๗ กกต.ใกล้จะเป็นลม กูจะเอายังไงดีโว้ย ทำหูตัน มีหวังถูกมาตรา ๑๕๗ ทะลวง ฐาน "ละเว้นปฏิบัติหน้าที่" แน่

ในเมื่อทักษิณประกาศเองโต้งๆ ชัดว่า ครอบงำ-สั่งการทั้งพรรค ทั้งรัฐบาล และพรรคก็ยอมให้ทักษิณครอบงำ

เป็นที่ประจักษ์ เต็มตีนทั้ง มาตรา ๒๘ และ ๒๙ ตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง!

แล้วที่อวดรวย ด่าพ่อล่อแม่ชาวบ้าน กลายเป็นหางานให้ตัวเอง มีคนออกมาจับไก่ตัวเลขอวดรวย เพราะมันไม่ตรงกับที่แจ้งบัญชีทรัพย์สินไว้

ผมคร้านไปค้นเอกสารหลักฐานมายัน เอาที่ผู้คนเขาโพสต์มาให้อ่าน สบายกว่า

............................

Somchai Swangkarn

เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ทักษิณยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.หลังพ้นตำแหน่ง นายกฯ ระบุมีทรัพย์สินส่วนตน ๖๑๔ ล้าน รวมกับคู่สมรส เป็นจำนวน ๘,๔๘๔ ล้านบาท

ที่ว่ามี ๖๐,๐๐๐ ล้าน อยู่ตรงไหน แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. เมื่อเข้าและออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมอย่างน้อย ๔-๖ ครั้ง มีทรัพย์สินมากน้อยเพียงใด

และปี ๒๕๕๓ ศาลฎีกาสั่งยึดทรัพย์ ๔๖,๐๐๐ ล้านบาท เงินใคร ใครยึดแล้ว

คำถามคือ

๑) แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ครบถ้วนตามกฎหมายถูกต้องหรือไม่อย่างไร

๒) เงินสดและหุ้นที่นายกฯ อุ๊งอิ๊งแจ้ง ๑.๓๙ ล้าน มาจากไหน ใครโอนให้อย่างไร ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

#ป.ป.ช.มีหน้าที่ อย่าขี้ลืม

........................................

อุ๋ย อภิปุญญ์

เงินที่ถูกยึดไป ๔๖,๐๐๐ ล้านบาทนั้น ก็เพราะขายหุ้นสัมปทานของรัฐให้กับต่างชาติ (เทมาเส็ก-สิงคโปร์) เกือบแสนล้านบาท

 (โดยขายหุ้นผ่านไปทางบริษัทแอมเพิ่ลริชของตัวเอง โดยใช้ชื่อลูกชาย ที่ตั้งอยู่ในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน เพื่อนักฟอกเงิน) เพื่้อเลี่ยงภาษี

พอถูกรัฐจับได้ว่ากระทำความผิดและได้ยึดเงินจำนวนดังกล่าวแค่สี่หมื่นกว่าล้านบาท

และจนป่านนี้ ก็ไม่ปรากฏหลักฐานใดๆ มายืนยันว่าได้ถูกยึดเงินดังกล่าวจริง?

จะพูดก็พูดให้มันหมดซิวะ ว่าถูกยึดเงินเพราะอะไร?

..............................

ว้า...ยังไม่หมดเลย กำลังสนุก หมดเนื้อที่ซะแล้ว

โบราณว่า คำพูดของคนก่อนตาย เชื่อได้

งั้นก็ต้องรออีกซักพักซีนะ...แบบนี้!

-เปลว สีเงิน

๒๒ มกราคม ๒๕๖๘

 

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'สามเส้า-เราสามคน'

วันนี้-พรุ่งนี้ "๑๓-๑๔ กุมภา." รัฐสภาจะประชุม "แก้เพื่อฉีก" รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันทิ้ง หรือ ประชุมเพื่อล้มแผนกบฏรัฐธรรมนูญของ "เพื่อไทย+ประชาชน"?

รัฐสภา "ยึดชาติ" เริ่มแล้ว

เมื่อวาน "ว่างเว้น" คุยไปวัน กลับจากงานฉลอง "หลวงพ่อทวดเต็มองค์" ที่วัดทรายขาว สงขลา มาถึงโรงพิมพ์ตอนบ่าย

'หลวงพ่อทวดเต็มองค์'

วันนี้ ๘ กุมภา.๖๘ ผมคุยอยู่ตรงนี้ แต่ตัวไปอยู่โน่น "วัดทรายขาว" ทุ่งหวัง สงขลา ร่วมพิธีฉลอง "หลวงพ่อทวด"