ต้องถือเป็นผลงานชิ้น “โบแดง” ของรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ก็ว่าได้ กับความสำเร็จในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตของราชอาณาจักรไทยและซาอุดีอาระเบีย ให้กลับมาอยู่ใน "ระดับปกติ" อย่างสมบูรณ์ ถือเป็นการสิ้นสุด 3 ทศวรรษแห่งความห่างเหิน และเริ่มต้นศักราชใหม่แห่งความร่วมมือสร้างสรรค์ในรอบ 32 ปีทีเดียว บอกได้คำเดียวว่า ผลงานเรื่องนี้มาถูกที่ถูกเวลาในช่วงที่ “ลุงตู่” กำลังโดนมรสุมทางการเมืองโหมกระหน่ำ และเรตติ้งที่นับวันเริ่มสาละวันเตี้ยลงๆ ให้กระเตื้องขึ้นมาผิดหูผิดตา ...๐
ต้องบอกว่าสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ทองของรัฐบาลเลยก็ว่าได้ เพราะช่วง ต้นสัปดาห์ก็มีข่าวดีจากโครงการติดตลาดอย่าง “คนละครึ่ง” ออกมาแล้ว แม้ยอดเงินจะเหลือน้อยลงจากเดิม ปกติจะอยู่ที่ 1,500 บาท มาเหลือแค่ 1,200 บาท
แต่ การเลื่อนเวลามาให้เร็วมากขึ้นในภาวะ “แพงทั้งแผ่นดิน” ก็เรียกว่าถูกจังหวะอีกเช่นกัน และเมื่อมีข่าวดีว่าด้วยความสัมพันธ์กับ “ซาอุดีอาระเบีย” เข้ามาอีก ก็เรียกว่า 2 เด้งกันเลยทีเดียว ...๐
งานนี้ก็ไม่รู้ว่า “พรรคพลังประชารัฐ” จะรู้จัก “ตีเหล็กเมื่อยามร้อน” หรือไม่ เพราะเป็นช่วงสัปดาห์ส่งท้ายในการหาเสียงเลือกตั้งซ่อมหลักสี่-จตุจักร ซึ่งการนับถอยหลังเพลานี้เมื่อมีเรื่องดีๆ เข้ามา หากรู้จักหยิบฉวยมาเป็นไม้ตาย ก็ อาจทำให้ “สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ” หรือมาดามหลี ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐอาจมีสิทธิเข้าวินได้ หลังจากต้องขับเคี่ยวกับ “สุรชาติ เทียนทอง” จากพรรคเพื่อไทย บรรดาพรรคน้องใหม่ที่หวังปักธงในการเขตนี้กันถ้วนทั่ว ...๐
วกกลับมาเรื่อง “ฮอต” อย่างความสัมพันธ์ซาอุฯ กันอีกรอบ โปรเจ็กต์นี้เล่นเอา “พรรคฝ่ายค้าน” ไปไม่ถูกกันเลยทีเดียว เพราะ มาแบบปุ๊บปั๊บแล้วสำเร็จแบบเรียบร้อยโรงเรียนตู่-โรงเรียนดอน (ปรมัตถ์วินัย) กันเลย เราจึงได้เห็น การพยายามของพรรคฝ่ายค้านอย่าง “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่รีบออกมาดักคอว่าอย่าเคลมเป็นผลงานของรัฐบาล แต่เป็นเรื่องของประเทศซาอุฯ เขาที่กำลังเปิดประเทศและเปลี่ยนแปลง ...๐
พิโธ่! แบบนี้เขาเรียกว่าองุ่นเปรี้ยวนะตัวเอง ที่สำคัญผลประโยชน์ส่วนใหญ่นั้นตกกับประเทศชาติ โดยเฉพาะเรื่องแรงงานที่จะได้ไปขุดทองกันอีกรอบ รวมถึงเรื่องพลังงาน และการท่องเที่ยวต่างๆ ในขณะที่รัฐบาลก็ได้หน้าบ้างเท่านั้น พรรคฝ่ายค้านที่ปากพร่ำว่าเป็นคนรุ่นใหม่ก็ควรสำเหนียกและหันมาสนับสนุนมิใช่เหรอ ไม่ใช่แขวะและดักคอถ่ายเดียว ...๐
แล้วที่ตลกเข้าไปอีก ที่ไปบอกว่า เป็นเรื่องของประเทศซาอุฯ เขามีแผนเปิดประเทศอยู่แล้ว อวยแบบยกยอปอปั้นใน VISION 2030 แหม! นี่ถ้าแปลเป็นไทยก็คือยุทธศาสตร์ชาตินั่นเอง ที่ต่างชาติทำยุทธศาสตร์แบบ 10 ปีกลับชื่นชมปรบมือ แต่พอ “ลุงตู่” ทำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีบ้างมองคร่ำครึไม่ทันโลก ประเทศไทยมันถึงไม่ไปไหน ก็เพราะการฉุดรั้งและขัดขากันเองนี่แหละ ทั้งที่พี่ไทยไม่ว่าเรื่องไหนก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก ...๐
แต่ที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือการแถลงผลการเยือนครั้งนี้ โดย “ธนกร วังบุญคงชนะ” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่ได้ระบุตอนหนึ่งว่า พล.อ.ประยุทธ์แสดงความเสียใจยิ่งต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นที่ไทยระหว่างปี พ.ศ.2532-2533 พร้อมระบุว่าหากมีหลักฐานใหม่ก็พร้อมที่จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยรื้อฟื้นขึ้นมา ซึ่ง แตกต่างจาการแถลงของ “ธานี แสงรัตน์” อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ที่แถลง ผลการเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการอย่างมาก เพราะที่ “ธานี” แถลงนั้นเหมือนเป็นการมองไปข้างหน้าแล้วปล่อยให้เรื่องที่ผ่านมาจบลงไป แต่ส่วนของ “ธนกร” นั้น กลับเหมือนพร้อมจะขุดคุ้ยและรื้อคดีมาเพื่อเป็นบทสรุปให้กับซาอุฯ อย่างไรอย่างนั้น ...๐
จึงไม่แปลกที่ “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี ถึงกับท่องคาถาไม่รู้ไม่เห็นเพราะไม่ได้ร่วมขบวนไปด้วย โดยพยายามพูดในหลักการที่ว่า หากคดียังไม่หมดอายุความก็สามารถรื้อใหม่ได้หากมีหลักฐานใหม่ขึ้นมา ซึ่งคดีในช่วงปี 2532-2533 นั้น เรียกว่าโด่งดังและกลายเป็นเรื่องเล่าในร้านกาแฟตั้งแต่ยุคนั้นจนมีควันหลงมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น คดีโจรกรรมเครื่องเพชรของเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาฮัด ซึ่งถือเป็นเรื่องเมาธ์มอยที่ฮอตฮิตมากที่สุดว่าด้วย “บลูไดมอนด์”, คดีฆาตกรรมนักการทูตซาอุดีอาระเบีย (3 คดีรวม 4 ศพ) และ คดีการหายสาบสูญของนักธุรกิจซาอุดีอาระเบีย “โมฮัมเหม็ด อัลรูไวลี” ที่กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายให้สัมพันธ์ไทยและซาอุฯ ร้าวฉาวลง แต่ ณ ปัจจุบันความสัมพันธ์ได้กลับมาสู่ปกติแล้ว ก็ไม่รู้ว่า การฟื้นฝอยหาตะเข็บจะกลายเป็นผลร้ายหรือผลดีกันแน่ คงต้องติดตามแบบตาไม่กะพริบทีเดียว ...๐
ท.ศักดิ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน
บันทึกหน้า 4
ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว
บันทึกหน้า 4
หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว
บันทึกหน้า 4
ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย
บันทึกหน้า 4
น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.



