
ในที่สุดหลังจากเงื้อง่าราคาแพงมานาน พี่ไทยก็ได้ตัดไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่ส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมา 5 จุดแล้ว งานนี้ก็ไม่รู้ว่าขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่บอกว่าเป็นของจีนเทา และไทยเทา จะลดน้อยลงประการใด ในขณะเดียวกันการตัดน้ำมันนั้น “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ก็ขานรับนโยบายของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่มีมติให้ตัดไฟฟ้า น้ำมัน และสัญญาณอินเทอร์เน็ตในบริเวณ 5 จุดชายแดนไทย-เมียนมาแล้ว ซ้ำร้าย “พีระพันธุ์” ยังได้โอ่อีกว่า 1 เดือนที่ผ่านมาไม่มีบริษัทน้ำมันจากฝั่งไทยส่งน้ำมันไปยังชายแดนไทย-เมียนมาทั้ง 5 จุดเลย ...๐
ตัดไฟไปแล้ว น้ำมันก็ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ แต่ในส่วน การตัดอินเทอร์เน็ตภายใต้การดูแลของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กลับเงียบเป็นเป่าสาก โดยเฉพาะเจ้ากระทรวงอย่าง “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” รองนายกฯ และ รมว.ดีอีนั้น ต้องบอกว่าเงียบฉี่มาตั้งแต่ต้นในเรื่องคอลเซ็นเตอร์ ต่างจากกรณีการแก้ไขพนันออนไลน์ให้มาอยู่บนดินกลับขมีขมันกันจนออกหน้า เรียกว่าให้ความสำคัญต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยทีเดียว. ..๐
แล้วที่ชาวบ้านเขายังสงสัยและ ฝากถามรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” ว่า การตัดไฟฟ้า น้ำมัน อินเทอร์เน็ต ครานี้นั้น จะยืดยาวนานขนาดไหน ตัดแบบถาวรหรือแค่ตัดกลบกระแส พอเรื่องเงียบหายไปก็ขายไฟฟ้า น้ำมันและอินเทอร์เน็ตให้เหมือนเดิมหรือไม่อย่างไร วานนายกฯ อิ๊งค์ช่วยชี้แจงแถลงไขด้วย ในระหว่างไปประชุมที่จีนหรือหลังจากกลับมาสู่ผืนแผ่นดินไทยแล้ว ...๐
นอกจากนั้นบรรดาญาติของ 4 คนไทยที่ถูกทางการเมียนมาจับกุมไปตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.2567 จากการเข้าไปทำการประมงในเขตน่านน้ำในพื้นที่ทับซ้อนและตอนนี้ถูกคุมขังอยู่ตามคำพิพากษาของศาลเมียนมา ซึ่งประกอบด้วย “สุนันท์ มงกุฎทอง” อายุ 68 ปี, “สมปอง วิวัฒน์” อายุ 61 ปี, “ถาวร พรหมนิมิต” อายุ 64 ปี และ “วิโรจน์ สพานทอง ณ นคร” อายุ 69 ปีนั้น เมื่อไหร่จะได้กลับสู่ผืนแผ่นดินไทยกันแน่ ยิ่งมามีเรื่องตัดไฟฟ้า น้ำมันและอินเทอร์เน็ตยามนี้เข้าไปอีก ก็ยิ่งทำให้ 4 คนไทยเคว้งเข้าไปอีกพะเรอเกวียน เพราะ การหวังพึ่ง “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม หรือ “มาริษ เสงี่ยมพงษ์” รมว.การต่างประเทศนั้น ก็ต้องบอกว่าได้แต่ฝัน เพราะขนาดคนในกลาโหมยังบ่นกันตรึมว่ายุค “บิ๊กอ้วน” ทหารนั้นหน่อมแน้มยิ่งกว่ายุค “บิ๊กทิน” สุทิน คลังแสง นั่ง รมว.กห.เสียอีก ...๐
พูดถึงเรื่องไปจีนของนายกฯ แล้ว เชื่อว่าใครหลายคนคงจับกลุ่มเมาธ์มอยแน่ หลังจาก “จิรายุ ห่วงทรัพย์” โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดภารกิจในช่วง 5-8 ก.พ.ออกมา โดยเฉพาะภาระงานในวันศุกร์ที่ 7 ก.พ. ที่ “นายกฯ อิ๊งค์” พร้อมคณะจะออกเดินทางจากกรุงปักกิ่งไปยังนครฮาร์บิน เพื่อร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว ครั้งที่ 9 อย่างเป็นทางการ และเยี่ยมชมงานแสดงศิลปะแกะสลักน้ำแข็ง เพราะถือเป็นครั้งแรกที่ผู้นำไทยไปร่วมงานนี้ ก็ไม่รู้ว่าในอนาคตหากมีการเปิดกีฬาระดับนานาชาติแบบนี้ “นายกฯ แพทองธาร” ของเราจะไปอีกหรือไม่อย่างไร …๐
หันมาดูความเคลื่อนไหวทางด้านคดีความต่างๆ กันบ้าง เพราะล่าสุด คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้จัดโครงการสื่อมวลชนสัมพันธ์ ที่โรงแรมเรือรัษฎา จ.ตรัง โดยในงานเสวนาช่วงเช้าวันพุธนั้น “สาโรจน์ พึงรำพรรณ” เลขาธิการ ป.ป.ช. ก็ออกมาการันตีว่าต่อไปคดีที่มีความสำคัญจะมีการดำเนินการให้จบเร็วตามกรอบเวลา แต่พอมาถึงช่วงบ่าย “สาโรจน์” ก็ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการพิจารณาเรื่องร้องเรียนจริยธรรมร้ายแรงกับ 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกลที่เข้าชื่อแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ว่า หากไต่สวนครบถ้วน และมีพยานหลักฐานชัดเจนก็สามารถพิจารณาได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ พระเจ้าจอร์จ! ชาวบ้านเขาแทบลืมเรื่องไปแล้ว เพราะคดียุบพรรคก้าวไกลจากกรณีแก้ไขมาตรา 112 นั้นจบไปตั้งแต่สิงหาคม 2567 แต่นี่ “ป.ป.ช.” กลับสอบผ่านมากว่าหนึ่งปีแล้วยังไม่มีการชี้มูลอะไรหรือฟันอะไรออกมาเลย หรือ ป.ป.ช.จะลืมไปว่าคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญนั้นผูกพันทุกองค์กร ในเมื่อคดีใหญ่ฟันไปแล้ว คดีประกอบจะยึกยักหาอะไรกันมิทราบ แล้วก็ เพราะความย้อนแย้งแบบนี้นั่นแล เมื่อ ป.ป.ช.บอกว่าต่อไปจะพิจารณาคดีสำคัญให้เร็ว ชาวบ้านร้านถิ่นเขาเลยบอกว่าเหม็นขี้ฟันเปล่าๆ ...๐
ท.ศักดิ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน
บันทึกหน้า 4
ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว
บันทึกหน้า 4
หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว
บันทึกหน้า 4
ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย
บันทึกหน้า 4
น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.


