
ไทยโพสต์ "อิสรภาพแห่งความคิด" www.thaipost.net น้ำเงินกินรวบ! งัดยุทธศาสตร์แยกกันเดิน แต่เป้าหมายเดียวกัน คือปิดประตูแก้รัฐธรรมนูญทุกรูปแบบ เล่นเอาแดงกับส้มไปไม่เป็น หลังพรรคภูมิใจไทย นำโดย "ไชยชนก ชิดชอบ" สส.บุรีรัมย์และเลขาธิการพรรค ประกาศเจตนารมณ์ไม่ร่วมสังฆกรรม ประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ฉบับพรรคประชาชน กับฉบับพรรคเพื่อไทย ก่อนวอล์กเอาต์จากห้องประชุม พรรคเพื่อไทยรู้ดีว่าโอกาสผ่านยาก
จึงหาทางออกให้ตัวเองด้วยการหนุนญัตติ "นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ" หัวหอกกลุ่ม สว.สีขาว ที่ขอให้รัฐสภาส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) แต่ปรากฏว่าแพ้โหวตด้วยคะแนน 247 ต่อ 275 เสียง ไม่สามารถเลื่อนญัตติด่วนของหมอเปรมขึ้นมาพิจารณาก่อนได้ พอที่ประชุมเดินหน้าประชุมต่อ "พิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์" โฆษกวิปวุฒิสภา แจ้งประธานว่าไม่เห็นด้วยกับการที่มีการประชุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก่อนนำทีม สว.สีน้ำเงิน วอล์กเอาต์ ทำเอา สว.พันธุ์ใหม่ ตามเกมไม่ทัน ลุกขึ้นโวยว่าแพ้มติเลยเดินออกจากห้องประชุม แต่พอมาเช็กเสียงที่โหวตไม่เห็นด้วยให้เลื่อนญัตติหมอเปรม นอกจาก สส.พรรคประชาชนแล้ว อีกกว่า 100 คน กลายเป็น สว.น้ำเงิน โหวตทางเดียวกับพรรคส้ม แต่หวังผลต่างกันสิ้นเชิง เรียกว่าเดินหมากหลายชั้น ต้องยกให้ "ครูใหญ่เนวิน" ถึงคิดได้ลึกซึ้งขนาดนี้
๐ นับเป็นอีกครั้งที่ "ภูมิใจไทย" ออกโรงขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังจากช่วงเดือน ก.ย.67 เพื่อไทยประกาศเดินหน้าแก้ รธน. รายมาตรา โละทิ้งจริยธรรมสุดซอย เปิดทางโล่งให้กับนักการเมืองสีเทา โดยมีพรรคประชาชนหนุนสุดลิ่ม สุดท้าย พท.ต้องถอยสุดซอยแทน เมื่อเจอพรรคร่วมรัฐบาลแพ็กกันแน่นคัดค้าน รวมถึงตัวแปรสำคัญอย่าง สว.น้ำเงิน มาถึงคราวนี้ที่เพื่อไทยต้องการรื้อทั้งฉบับ แล้วร่างฉบับใหม่ขึ้นแทนฉบับปี 2560 โดยเฉพาะเงื่อนไขเดดล็อก ที่ระบุไว้ในมาตรา 256 กำหนดว่าจะต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา และในจำนวนนี้ต้องมีเสียง สว.เห็นชอบด้วย 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา ทำให้เพื่อไทยเสนอแก้ไขโดยตัดประเด็นนี้ทิ้ง กำหนดเพียงว่าการออกเสียงลงคะแนนในวาระที่หนึ่ง ต้องมีเสียงเห็นชอบไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ส่วนวาระสาม ต้องมีคะแนนเห็นชอบมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา เพื่อให้ต่อไปอยากรื้อรัฐธรรมนูญเมื่อไหร่ก็ง่ายสะดวกโยธิน แค่มีเสียงข้างมากลากไปก็พอ ปัญหาอยู่ที่เวลานี้สมาชิกรัฐสภาเท่าที่มีอยู่ มี 692 เสียง แบ่งเป็น สส. 493 คน สว. 199 คน กึ่งหนึ่งคือ 346 คนขึ้นไป และในจำนวนนี้ต้องมีเสียง สว.เห็นชอบด้วย 1 ใน 3 หรือ 67 คนขึ้นไป หมายความว่าต่อให้มีเสียง สส. ลงมติเห็นชอบมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ตราบใดที่วุฒิสภาไม่เอาด้วย ในเมื่อ สว.น้ำเงิน ที่มี "มงคล สุระสัจจะ" นั่งแท่นประธาน ประมาณ 150 คน ไม่ร่วมสังฆกรรมเหมือน สส.น้ำเงิน เท่ากับตอกฝาโลงไปได้เลย
๐ งานนี้เพื่อไทยแทบกระอักเลือด เดินต่อไปก็ไม่ได้ ถอยก็ลำบาก “วันนี้จึงคิดว่าจะทำอย่างไรให้ร่างนี้ไม่ตกและให้อยู่นานที่สุด นั่นคือองค์ประชุมถ้าไม่ครบก็ประชุมต่อไม่ได้ ก็จะมีเวลาในการตั้งหลัก เพื่อที่จะกลับมาสู้เพื่อเป้าหมายอีกครั้ง ดีกว่าดันทุรังไปว่าพิจารณาไปแล้ว แล้วไปตายข้างหน้านั้นเราไม่เอา ฉะนั้น จึงเกิดเหตุการณ์ในวันนี้เร็วมาก เราจึงคิดว่าทำยังไงให้ร่างนี้อยู่และยืดชีวิตต่อไปได้ เพื่อนสมาชิกบางคนบางพรรคอาจจะมองเข้าใจผิด เรามีเจตนาเพื่อที่จะผลักดันให้สำเร็จ ถ้าเดินทางตรงไม่ได้ ก็ขอเดินทางโค้ง หากทางโค้งยังไม่สำเร็จขอหยุดการเดินทางไว้ก่อนดีกว่าเดินไปตกเหว” สุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย รับสารภาพต้องล่มสภาเองกับมือ ก่อนก้าวลงหุบเหว คงต้องรอดูว่านายใหญ่จะแก้เกมนี้ยังไง โปรดติดตามตอนต่อไปเช้าวันศุกร์นี้...
ลี้คิมฮวง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
บันทึกในวันที่การเมืองเรื่องศึกเลือกตั้งใหญ่ 8 ก.พ.2569 คึกคักๆ ไม่มีการกั๊กกันอีกต่อไป ...0
บันทึกหน้า 4
ถึงคิว "พรรคส้ม" หลังประชาธิปัตย์ประเดิมเปิด 100 รายชื่อปาร์ตี้ลิสต์เป็นพรรคแรก ถึงแม้จะเป็นการเรียงตามตัวอักษร ไม่ใช่เรียงลำดับที่แท้จริงก็ตาม พอเดากันได้ว่า 3 อันดับแรก น่าจะเป็น 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
บันทึกหน้า 4
ต้องบอกว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ณ วันนี้ยังคงร้อนแรงอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็อย่างที่เคยบอกไว้แล้วว่า หาก “ระบอบฮุน เซน” ไม่ตายจากดินแดนเขมร ก็ยากหาความสงบลงได้
บันทึกหน้า 4
ปี่กลองเลือกตั้งดังสนั่น หลังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 เป็นวันเลือกตั้ง สส. ส่วนวันที่ 27-31 ธ.ค.2568 เป็นวันรับสมัคร สส.แบ่งเขตเลือกตั้ง 28-31 ธ.ค.2568 วันรับสมัค สส.บัญชีรายชื่อ ส่วนการทำประชามติเรื่องยกเลิกMOU 43 และ MOU 44 คงไม่มีแล้ว โดย นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล
บันทึกหน้า 4
ขอเข้าโหมดเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ หลังคำสั่งยุบสภาเมื่อ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้สนามการเมืองที่อุ่นๆ กลายเป็นเตาแก๊สเปิดไฟแรงในพริบตา เลือกตั้งต้นปี 2569 ยังไม่ทันมาถึง แต่เกมช่วงชิงอำนาจเริ่มเดือดเกินองศา
บันทึกหน้า 4
บันทึกตอกย้ำบรรทัดแรกว่า "ไทยนี้รักสงบ!!" จากวันแรกที่มีสยามประเทศ ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศผู้รุกรานเชิงจักรวรรดินิยม ไม่เคยสร้างอาณานิคมในต่างแดน เราจะลุกขึ้นสู้เพื่อป้องกันตนเอง หรือตอบโต้ เพื่อการรักษาดินแดนของตัวเองเท่านั้น

