บันทึกหน้า 4

“ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด” ศึกในก็เหนื่อย ศึกนอกก็รุมล้อม หลังสภายุโรปมีมติประณามประเทศไทยจากกรณีส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน รวมถึงสหรัฐอเมริกาจำกัดวีซ่าเจ้าหน้าที่ไทยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้  

สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง บอกว่า หากพูดเรื่องภาพรวมประเด็นที่ประเทศไทยมีการส่งชาวอุยกูร์กลับไปยังประเทศจีนนั้น ถือว่าเป็นอีกประเด็นที่ประชาชนและหลายประเทศต่างตั้งคำถามว่าทำไมถึงส่งกลับ และมีที่มาที่ไปอย่างไร และเกิดอะไรขึ้น รวมถึงการส่งกลับครั้งนี้ถูกกฎหมายหรือไม่ ตรงนี้รัฐบาลก็ต้องมีการ เตรียมความพร้อมในการตอบคำถามให้ชัดเจน

ขณะเดียวกัน รัฐบาลเองก็ต้องเผชิญกับคำถามด้านละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมถึงแรงกดดัน ต่อประเทศ ในส่วนของการเจรจาตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างไทยและสหภาพยุโรป (อียู) ยอมรับว่าการที่สมาชิกสภายุโรปได้ลงคะแนนรับรองญัตติประณามไทยเรื่องการส่งชาวอุยกูร์กลับไปยังจีนเป็นการกดดันและเป็นอุปสรรคกับประเทศไทยพอสมควร แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ประเทศไทยควรจะเร่งดำเนินการการเจรจาตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างไทยและสหภาพยุโรป (อียู) ต่อไปให้สำเร็จตามเป้าหมาย ส่วนนี้จะเป็นตัวช่วยอย่างมากในการช่วยเร่งเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

 “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม บอกว่า เรื่องนี้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ได้ชี้แจงแล้ว ซึ่งเป็นไปตามนั้น ขณะนี้ยังไม่มีอะไรที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ถามว่าจะส่งผลกระทบกับการเดินทางไปร่วมประชุมที่สหรัฐหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนผลกระทบทางเศรษฐกิจนั้น อย่าเพิ่งไปคิด โดย กต.ชี้แจงทุกอย่างชัดเจนแล้ว ขอให้ยึดสาระที่ กต.ได้ชี้แจง ซึ่งตนคิดว่า เหตุผลตรงนั้นเพียงพอ คนอื่นไม่ควรจะต้องแสดงความเห็น

พิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะจากการประชุมทางไกลกับนายมารอส เซฟโควิช กรรมาธิการยุโรปด้านการค้าความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างองค์กร และความโปร่งใส เพื่อผลักดันการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างกัน เมื่อวันที่ 10 มี.ค.2568 ทั้ง 2 ฝ่าย แสดงจุดยืนร่วมกันที่จะเร่งการเจรจาให้จบโดยเร็ว 

 “การบรรลุข้อตกลงจะขยายโอกาสทางการค้า การลงทุน รวมถึงลดอุปสรรค และอำนวยความสะดวกทางการค้า เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการของ 2 ฝ่ายให้มากขึ้น”

สำหรับบรรยากาศการพูดคุยเป็นไปได้  ด้วยดี ทั้ง 2 ฝ่ายแสดงจุดยืนร่วมกันที่จะเร่งรัดการเจรจาให้เสร็จโดยเร็ว ซึ่งได้แจ้งไปว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องการให้จบภายในปี 2568 

รวมทั้งไม่ได้พูดถึงประเด็นการส่งกลับอุยกูร์หรือนำประเด็นการเมืองหรือปัญหาอื่นมากดดันไทย และไม่น่าจะทำให้การเจรจาหยุดชะงัก หรือยกเลิกการเจรจา ซึ่งฝ่ายอียูระบุว่าการเจรจาจะให้จบภายในวันที่ 25 ธ.ค.2568

ทั้งนี้ ผลการเจรจาจะออกมาอย่างไรอยู่ที่การต่อรอง โดยหากอียูเสนอประเด็นที่ไทยทำไม่ได้ก็จะไม่รับ โดยคณะเจรจาฝ่ายไทยย่อมเจรจาด้วยการคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ

นอกจากนี้ ข้อตกลงการค้าเสรีเป็นสิ่งสำคัญท่ามกลางปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดยไทยและอียูมีระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจต่างกัน ซึ่งอาจส่งผลต่อข้อกำหนดในข้อตกลง แต่ความยืดหยุ่นและความช่วยเหลือทางวิชาการจากอียูจะช่วยให้การเจรจาประสบความสำเร็จเร็วขึ้น

ส่วนศึกในก็เป็นเรื่องซักฟอกในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน มี.ค. ล่าสุด นายกฯ นัดหัวหน้าพรรคร่วมหารือในวันที่ 21 มี.ค. อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ขยายความว่า นายกรัฐมนตรีเป็นคนนัดเมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “เดี๋ยวก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจขอเจอกันอีกรอบหนึ่ง” ซึ่งการนัดกันครั้งนี้จะเป็นวงเล็ก จะเจอกันเฉพาะหัวหน้าพรรค ไม่มีเลขาธิการพรรค แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ยังไม่ทราบรายละเอียด

 เมื่อถามย้ำว่า การที่นายกรัฐมนตรีนัดดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะมีความกังวลอะไรหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มีการนัดกันก่อน แต่เมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่แล้ว ยังไม่รู้ว่าจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจใครบ้าง ซึ่งตอนนี้ชัดเจนแล้ว และคงจะเป็นการนัดเพื่อเตรียมข้อมูล. 

 

คางดำ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน

บันทึกหน้า 4

ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว

บันทึกหน้า 4

หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว

บันทึกหน้า 4

ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย

บันทึกหน้า 4

น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.