
ช่วงนี้ มีคำถามเชิงวิพากษ์ ว่า...........
ประธานาธิบดี "สี จิ้นผิง" เยือน ๓ ประเทศในอาเซียน มีเวียดนาม, มาเลเซีย และกัมพูชา
แต่ทำไมไม่มาเยือนไทยด้วย?
ก็น่าคิดนะ ผมก็เหมือนท่าน คือตั้งคำถามได้ แต่ตอบไม่ได้ เพราะเป็นคนอยู่นอกวงแขนรัฐบาล ไม่สามารถรู้ "เบื้องลึก-เบื้องตื้น" เหมือนคนอยู่ในวงแขนเขาหรอก
แต่ถ้าให้ "เดาใจ" ท่านประธานาธิบดีสี พอจะเดาใจได้ แต่จะตรงหรือไม่ ใครล่ะจะไปรู้!?
ประเด็นแรก ประธานาธิบดีสี "เกลียดคอร์รัปชัน" เข้ากระดูกดำ
พอดีมีเหตุฉาวโฉ่เกี่ยวกับคอร์รัปชันในรัฐบาลนี้หลายเรื่อง แต่รัฐบาล "พ่อ-ลูก" ไม่สะสางเพื่อเอาตัวการที่อยู่เบื้องหลังมาลงโทษเลย
ประเด็นที่สอง คอร์รัปชันนั้น พาดพิงถึง "แก๊งจีนเทา...บริษัทจีน" ไทยก็ไม่ได้สะสางให้ได้ข้อเท็จจริงแน่ชัด "ตัดตอนจบ" เฉพาะคนจีน ปล่อยคลุมเครือ ทำให้จีนเสียภาพลักษณ์
ตัวอย่างเช่น แก๊งค้ามนุษย์ หลอกคนจีนไปขายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพม่า ใช้ไทยเป็น "ทางผ่าน" ให้แก๊งค้ามนุษย์ "เข้า-ออก" ไปทำธุรกิจสีเทาและก่ออาชญากรรม
ขนาดรัฐบาลจีนส่ง "นายหลิว จงอี้" ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงมาสะสางปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชายแดนไทย-พม่า
นายหลิว รู้หมด มีรายชื่อพร้อม....
ว่า "คนภาครัฐ-ผู้มีอิทธิพล" รายไหน "อยู่เบื้องหลัง" แก๊งคอลเซ็นเตอร์-แก๊งค้ามนุษย์บ้าง
แต่จนบัดป่านนี้ ฝ่ายไทยมีแต่ "อักษรย่อ" คนนั้น-คนนี้ และคำพูดฝ่ายการเมืองให้เป็นข่าว "ถึงใครจับหมด ไม่มีไว้หน้าใครทั้งนั้น"
แต่ "ไม่มีซักหน้า" ที่ภาครัฐทำให้ปรากฏตามพูด!?
รวมทั้งตึก สตง.ถล่ม....
ก็สร้างแนวข่าว โยนความผิดไปที่บริษัทก่อสร้างจีนฝ่ายเดียว โหมประโคมว่า "ใช้เหล็กจีน..บริษัทจีนก่อสร้าง" ประหนึ่ง ว่าตัวการหลักคือ "บริษัทจีน" ทั้งดุ้น
ทั้งที่ "บริษัทจีน" เป็นแค่องค์ประกอบในขบวนการคอร์รัปชันที่คนภาครัฐและคนมีบารมีบางคนเป็น "ตัวการใหญ่" อยู่เบื้องหลัง!
ลำพังบริษัทจีน จะคอร์รัปชันได้อย่างไร ถ้าไม่มี "คนรัฐ" ร่วมรู้เห็นและร่วมทำ
แต่เอะอะ "ลงที่จีน" ทั้งหมด คล้าย "ตัดตอนจบ" ตรงนั้น
ถ้าผมเป็นประธานาธิบดีจีน ย่อมไม่ปลื้มกับข่าวเช่นนี้ และยิ่งไม่ปลื้ม ที่รัฐบาล "ดีแต่พูด" ไปวันๆ
แต่ไม่เคยแสดงความจริงใจ ด้วยการสอบสวนเอา "ตัวการใหญ่" ในขบวนการคอร์รัปชันจนตึกถล่มมาดำเนินคดีให้ทันการณ์เป็นที่ประจักษ์
ประเด็นที่สาม นายกฯ แพทองธารไปเยือนจีนเมื่อเดือนกุมภา. ได้พบกับประธานาธิบดีสี ท่านประธานาธิบดีสี เตือนแบบผู้ใหญ่เตือนเด็กด้วยความหวังดี
ประมาณว่า "ไทยไม่ควรทำกาสิโน"
แล้วอุ๊งอิ๊งตอบประธานาธิบดีสีว่าไงรู้มั้ย ผมจะยกเอาข่าวที่อุ๊งอิ๊งให้สัมภาษณ์ตอนกลับมาเมื่อ ๑๑ กุมภา.๖๘ มาให้ดู เธอตอบว่าดังนี้
“.......นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนก็ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ดิฉันก็เล่าข้อมูลให้ฟังว่า
'เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์' ไม่ใช่เฉพาะกาสิโน แต่เป็นที่ท่องเที่ยว เราวางไว้ว่าเป็นกาสิโนไม่ถึง ๑๐% ของพื้นที่
เราตั้งใจให้เป็นที่ของครอบครัว ให้ลูกเด็กเล็กแดงไปได้หมด กาสิโนเป็นส่วนเล็กๆ ในนั้นเท่านั้น
ทุกวันนี้เราต้องดูว่าบ่อนหรือสิ่งผิดกฎหมายเหล่านี้มีหรือไม่ในประเทศไทย ที่เราไม่ได้พยายามจะพูดว่ามันคลีน ๑๐๐% ซึ่งมันมีแน่นอน
แล้วเงินเหล่านั้นเกิดประโยชน์กับใครบ้าง?
แต่ว่าหากเราดูกฎหมายในเรื่องนี้ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เขตเศรษฐกิจในส่วนนี้
ภาษีที่เราเก็บได้ สามารถนำไปเป็นทุนการศึกษาเด็กได้ ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้ นี้คือสิ่งที่เก็บภาษีถูกต้อง
ยืนยันเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นและทำให้ต่างชาติเข้ามา และสร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยว โรงแรมและคนไทยได้ประโยชน์ถูกจ้างงาน”
นักข่าวถามว่า "นายสี จิ้นผิง ไม่ได้ติดใจและเข้าใจใช่หรือไม่?”
อุ๊งอิ๊งระรื่นตอบว่า....
“ท่านให้ข้อแนะนำว่า 'ถ้ามีกาสิโนอาจเกิดเรื่องอย่างนั้น-อย่างนี้ขึ้น'
เราก็บอก "ยินดีที่จะรับฟังความคิดเห็นของจีน" แน่นอน เพราะเราเป็นประเทศพี่น้องที่ดีต่อกัน ด้วยความที่ท่านมีประสบการณ์มากกว่าดิฉัน ก็บอกไปว่า 'หากมีความคิดเห็นอย่างไร จะนำมาศึกษาต่อ' "
เธอไร้เดียงสาจน "ไม่รู้-ไม่เข้าใจ" ที่ประธานาธิบดีสีเตือน กลับท่องสคริปต์ "ตามพ่อสอน" ตีฝีปากกับผู้ใหญ่แบบถือดี อหังการ ข้าไม่แคร์ ประมาณนั้น
แล้วแบบนี้ ถ้าเป็นเรา ยังอยากลดตัวมาพบ "เด็กไร้เดียงสา" ที่ไร้สำนึกใน "ผิดชอบ-ชั่วดี" แถมทำตัวเป็นแมงป่องชูหางอย่างนี้มั้ย?
ประเด็นที่สี่ ก็บอกแล้ว ประธานาธิบดีสี "เกลียดคอร์รัปชัน" และท่านรู้ว่าประเทศไทยขณะนี้
ใครเป็นนายกฯ คือเป็นผู้นำบริหารประเทศตัวจริง ระหว่าง "ตัวลูก" กับ "ตัวพ่อ"
ถ้ามาไทย "หน้าฉาก" พบปะหารือตามพิธีการกับ "ตัวลูก" พอให้เป็นข่าวผักชีตามจอโทรทัศน์
ที่แน่ๆ "ตัวพ่อ" ต้องขอ "เข้าพบ-เข้าคุย” ในฐานะ "ตัวสั่งการ” รัฐบาล และภาพนั้นจะถูกนำเผยแพร่ โดยตัวพ่อเบ่งพองเป็นอึ่งอ่าง ด้วยคำโอ้อวดต่างๆ นานาตามสไตล์
ประธานาธิบดีสี จะกลายเป็น "ผู้เสริมบารมี" ตัวพ่อไปทันที!
เหล่านี้ อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ไม่แวะเยือนไทย
ถ้ามา จะต้องเจอเหตุการณ์อย่างที่ผมคะเน มันเป็นไปไม่ได้ ที่ท่าน "ประธานาธิบดีสี" ผู้เกลียด "คอร์รัปชัน" จะต้องมาจับมือและเจรจากับเด็ก
และต้องมานั่งเจรจาเป็นภาคยัดเยียดกับ "อดีตนักโทษ คดีคอร์รัปชัน โกงบ้าน-กินเมือง” จำเลยคดีความผิดตามมาตรา ๑๑๒
และ "ถ่ายรูปคู่” ให้ถูกนำเผยแพร่ทั่วโลก เท่ากับ "เสริมบารมี" ให้โจรโดยปริยาย ซึ่งผู้นำระดับโลกอย่างท่านสี จิ้นผิง ย่อมมองทะลุ และไม่ต้องการให้เกิดภาพเช่นนั้น!
นี่เป็นการคาดเดาของผม "ผิด-ถูก" ไม่รู้นะ
ที่รู้แน่ๆ อย่างเดียว คือรู้ว่ารัฐบาลเพื่อไทย "ที่แพทองธารเป็นนายกฯ หุ่น พ่อเป็นผู้เชิด เธอล้มละลายทางความเชื่อถือจากคนในชาติและนอกชาติไปแล้ว!
ท่ามกลางมรสุม "สงครามการค้า" และ "วิกฤตเปลี่ยนโลก” ไทยจะเท้งเต้งไปทางไหน อย่างไร ชะตาอนาคตข้างหน้าเป็นอย่างไร?
นอกจาก "พรรคร่วม" ต้องคิด-ต้องตระหนักแล้ว
สุดท้าย ก็หนีไม่พ้น "ภาคประชาชน" นั่นแหละ ต้องทำหน้าที่ "คัดหัว-คัดท้าย" มิให้เรือ "หางเสือตาย" ต้องเกยหินโสโครก
สงครามการค้า ที่มาในรูป "กำแพงภาษี" นั้น เห็นว่ารัฐบาลส่ง "ขนมจีน" เปล่าๆ ไป ๒ จับ
คือ "พิชัย ชุณหวชิร" รมว.การคลัง กับ "พิชัย นริพทะพันธุ์” รมว.พาณิชย์ เป็นทีมเจรจากับสหรัฐฯ
โถ...ไม่พก "น้ำยา" ไปด้วย แล้วจะกระเดือกกันลงมั้ยเนี่ย?
ไทยเรามัน "ปลายอ้อ-ปลายแขม" จะมีน้ำหนักอยู่ในสายตาที่เขาจะเจรจาด้วยระดับไหน ผมก็เดาไม่ถูก
เรื่องที่สองมหาอำนาจ "สหรัฐ-จีน" งัดข้อกันนี้ หน้าเสื่อ เรื่องภาษี แต่หลังเสื่อ เป็นการบีบให้ประเทศเล็ก-ประเทศน้อย "แทงหวย" ทรัมป์
คือ เขาต้องการให้ "เลือกข้าง" ว่ายูจะอยู่กับสหรัฐฯ หรือจะอยู่กับจีน?
ทั้งหน้าตักและไต๋ ไทยเรามีอะไรไปเล่นในเกมนี้ ผมไม่ประสา รู้แต่ว่างาน "ด้านต่างประเทศ" ยุครัฐบาลเพื่อไทย ต้องบอกว่า "เสื่อมศักดิ์-เสื่อมศรี" ไปมาก
อย่าพูดถึงระดับโกลบอลเลย เอาแค่ระดับอาเซียน ไทยเราจากตัวนำ วันนี้หลงทิศ-หลงทางไปสุดหางแถว
ขนาดว่า ตั้งแต่ "ตัวพ่อ" ไปเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียนให้นายกฯ มาเลย์ ๓ จังหวัดใต้ที่สงบมานาน กลับ "บึ้ม" เป็นรายวัน!
“สุไหงโก-ลก” นราธิวาส ศูนย์กลางการค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าทั้งนำเข้าและส่งออกระหว่างไทย-มาเลย์
หาดใหญ่ สงขลา ศูนย์กลางการค้าและธุรกิจท่องเที่ยว เป็นประตูเชื่อมต่อมาเลย์-สิงคโปร์
ก่อนรัฐบาลเพื่อไทย ทั้ง ๒ แห่ง การค้า-การท่องเที่ยวคึกคัก วันหยุด คนมาเลย์เข้ามาเที่ยวสุไหงโก-ลก มาเที่ยวหาดใหญ่ เป็นพัน-เป็นหมื่น
แต่พอ "ตัวพ่อ" ไปเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน "นายอันวาร์” เท่านั้นแหละ ไม่รู้ไปคุยสันติภาพกันท่าไหน
๓ จังหวัดใต้ "บึ้ม" ทุกวัน
ตอนนี้ ทั้งโก-ลก ทั้งหาดใหญ่ การค้า-การท่องเที่ยว "แทบร้าง"!
บึ้มถี่ๆ แทนที่จะมีมาตรการจากภาครัฐเป็นทางแก้ กลับมีข้อเสนอจากรัฐมนตรียุติธรรม "พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง" แบบโยนหินถามทาง ว่า
"แยก ๓ จังหวัดใต้เป็นเขตปกครองตนเอง" เหมือนซินเจียง ของจีน ที่มีมุสลิมอุยกูร์พูดภาษามลายูเหมือนบ้านเราดีมั้ย?
ยอมรับว่า ช็อกนิดๆ
เพราะไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนี้ จากคนรัฐบาลระดับรัฐมนตรี ยิ่งเป็น พ.ต.อ.ทวี ที่ทุกคนรู้ว่า "ลมหายใจเดียวกับทักษิณ" ด้วยแล้ว
ได้ยินความคิดนี้ ทำเอาผม "คิดมาก" และวันนี้ (๑๗ เม.ย.) นายกฯ อันวาร์จะมาปรึกษาหารือกับ "นายกฯ ตัวจริง” ของรัฐบาลเพื่อไทยที่กรุงเทพฯ อีก
ฝากถามด้วยละกัน....
ทำไมยิ่งแนบแน่นและพบกันถี่ๆ แทนที่ ๓ จังหวัดใต้จะสงบกลับยิ่งบึ้มถี่ๆ
แล้วที่ตกลงกันมันคือ อยู่ร่วมสันติหรือแยกกันสันติ!?
-เปลว สีเงิน
๑๗ เมษายน ๒๕๖๘
คนปลายซอย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลูกค้า'พนันออนไลน์'
คงแซ่ดตลาดแตกไปแล้ว! กับเรื่องที่ศาลออกหมายจับ "พระธรรมวชิรานุวัตร” ซึ่งมีสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม
บทพิสูจน์ ‘คุกมีไว้ขังใคร?’
รัฐมนตรี “ทวี สอดส่อง” ก็คนรักๆ ชอบๆ กัน เคยเตือนแล้ว
อุ๊งอิ๊ง ‘กัปตันเรือลอย’
น่าสงสาร “นายกฯ แพทองธาร” นะ สภาพตอนนี้ เธอไม่ต่าง “กัปตันเรือหลุด”! คือหลุดจากหลัก “ลอยเท้งเต้ง” กลางทะเล เครื่องยนต์ดับหมด ถ่อจะค้ำ พายจะจ้วง หางเสือจะคัดท้าย ไม่มีเลย
‘เหล้าใหม่’ ในไหเก่า
กับเรื่องบางเรื่อง..... เราให้ความเงียบในหัวใจของแต่ละคนตอบ กระจ่างจิตจะมีผลด้านสะท้อนคิดของแต่ละตัวคนเป็นคำตอบที่ “ทรงอิทธิพล” ยิ่งกว่าฟังศาสดาใดสอน
🛑LIVE จุดชนวน สงครามสองศาสนา!? | จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์
จุดชนวน สงครามสองศาสนา!? จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์ : วันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม 2568
🛑LIVE ‘โหรภิญโญ’ ไขรหัส 3 ดาวใหญ่ย้ายราศี ‘พ่อ-ลูก’ ดวงแตกซ้ำซ้อน!! I อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร
‘โหรภิญโญ’ ไขรหัส 3 ดาวใหญ่ย้ายราศี ‘พ่อ-ลูก’ ดวงแตกซ้ำซ้อน!! อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร : วันเสาร์ที่ 10 พฤษภาคม 2568