รูปดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์และทักษาเดิมและทักษาจรตกภูมิอาทิตย์
เมืองรัตนโกสินทร์ที่ถือกำเนิดวินาทีที่วางเสาหลักเมืองตามพระราชพิธีพระนครฐาน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2325 อายุจะครบ 243 และย่างเข้า 244 ปี เริ่มวันที่ 21 เมษายน 2568 เป็นต้นไปนั้น
ตามที่ได้เขียนคำทำนายดวงชะตาเมืองไปแล้วเมื่อปลายปี 2567 ในวาระครบรอบวันเกิดเมืองปี 2568 นี้ ขอประมวล-สกัดย้ำคำทำนาย ที่เคยให้ไว้เป็นเกณฑ์สำคัญพอได้เป็นแนวทางทั้งลบ-บวก ที่คาดว่าจะเกิดในเมือง ตั้งแต่ 21 เมษายน 2568-21 เมษายน 2569 ดังนี้
เกณฑ์ที่ 1 เตรียมรับ แรงกระแทก-ผันผวนทางเศรษฐกิจ กล่าวคือ เมืองซึ่งกำลังเผชิญระยะเจ็ดปีของ การปฏิวัติใหญ่ทางเศรษฐกิจ และ ต้องตีฝ่าสงครามเศรษฐกิจ มาตั้งแต่ประมาณกรกฎาคม 2565 และจะไปสิ้นสุดประมาณกรกฎาคม 2572 ที่ยืนอยู่ข้างกำแพงพระนครเราจะถามตัวเองว่า เศรษฐกิจเมืองไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร นั้น
ระหว่างวันเกิดเมือง 21 เมษายน 2568-21 เมษายน 2569 จะเป็นระยะที่มีเกณฑ์ออกแนวลบมาก คือเมืองอยู่ในช่วง เข้าเคราะห์ทางเศรษฐกิจให้คนในเมืองช่วยกันตีฝ่า โดยเหตุมีทั้ง จากภายนอกคือ สงครามเศรษฐกิจโลก และ ปัจจัยภายในเน่าเอง ที่อาจจะก่อวิกฤตทางเศรษฐกิจ ในระดับน้องๆ หรือ ต้มยำกุ้ง
เน้นไปที่ระหว่าง 19 พฤษภาคม-23 สิงหาคม 2568
ตลาดหุ้นอาจมีเซอร์กิตเบรกเกอร์สักครั้ง-สองครั้งในรอบปีวันเกิดเมือง
เกณฑ์ที่ 2 คู่มือเอาตัวรอดจากสงครามเศรษฐกิจโลกคือการทูตที่เหนือชั้น โดยร่วมกับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อาเซียน ต่อรอง
และนโยบายหามิตรมากกว่าศัตรูแม้จะต่างอุดมการณ์ต่างความคิด เช่นในอดีตเคยมีนโยบายเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้ามาแล้ว
เกณฑ์ที่ 3 ภาคธุรกิจที่มีแนวโน้มบวกสวนกระแสยุ่งยากทางเศรษฐกิจคือ เมืองได้กินบุญเก่า เกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยว-การติดต่อสื่อสาร-โลจิสติกส์-ข้อมูลข่าวสารหรือดาต้า-นายหน้า-บัญชี-ประพันธ์-กิจกรรมประโลมโลก ทั้งละครหรือหนังฟอร์มใหญ่-หมอดู (ไม่ใช่โหร)
การแพทย์ สุขภาพอนามัย-การสาธารณสุขที่จะมีความก้าวหน้าโดดเด่นได้รับการยอมรับระดับโลกในบางเรื่อง-บางบุคคล
การศึกษาระดับก่อนถึงมหาวิทยาลัย-การศึกษาสองภาษา
เกณฑ์ที่ 4 เกิดความผันผวนและการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จะเริ่มเห็นตั้งแต่พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป ที่น่าจะมากกว่าการปรับคณะรัฐมนตรี
เมื่อดูทางและหลักโหรประกอบแล้ว ขอทำนายเพิ่มเติม จากที่ทำนายไว้ก่อนหน้านี้คือ ให้จับตาการสวนกันหรือเดินคนละทางในพรรคร่วมรัฐบาล โดยรอบนี้น่าจะมี ฝ่ายผู้ทรงศีล-แพทย์-บัณฑิต หรือผู้รู้ทั้งหลาย-กระบวนการยุติธรรม-วุฒิสภา ผสมโรงจนมีใครสักคน หรือพรรคต้องจำใจจากกัน
ไม่ว่าการเปลี่ยนแปลงจะเป็นระดับใด รัฐบาลจะเดินหน้าบริหารประเทศได้เต็มที่ตั้งแต่กลางพฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป
เกณฑ์ที่ 5 เป็นระยะเวลาหนึ่งปีที่ เหตุสำคัญอีกกลุ่มรอ ที่จะเกิดในเมือง เป็นเหตุใหญ่ตามโฉลกคือ
มักพาลผิดญาติกา-จะมีการผิดใจในหมู่ญาติพี่น้องคนสำคัญ
ติโรคาอัคคีภัย-อาจมีโรคระบาดหรือไฟไหม้ครั้งใหญ่
โลหิตไหลจากตน-มีเรื่องเลือดตกยางออกในเมือง ให้แก้เคล็ดด้วยการช่วยกันบริจาคโลหิต
หนูหน่ายกลบีฑา กัดวัตถาแพรพรรณ-หนูหรือสัตว์ฟันแทะอาละวาด
ของรักใดประหยัด เร่งระมัดจงดี-สิ่งของอะไรหรือใครที่เป็นของรักในเมืองต้องระวังให้ดี ทั้งสิ่งของและตัวบุคคล เน้นไปที่วงการบันเทิง-นักร้อง-นักแสดง หรือคนเด่น-ดัง หรือเซเลบ หรือคนระดับนางพระยา หรือพระยา หรือสวยหรือหล่อ
เกณฑ์ที่ 6 ไม่ว่าเมืองจะเสียอะไรไปก่อนแล้ว หากสู้ก็จะได้กลับมา เกณฑ์นี้จะเป็นไปถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2569 เช่น เมืองได้การบินไทยกลับมาหลังจากเกิดปัญหาหนัก หรือได้บุคคลสำคัญสี่ท่านจากอเมริกากลับบ้าน หรือได้อดีตนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศ
เกณฑ์ที่ 7 แม้แผ่นดินไหวไปแล้วที่มัณฑะเลย์ ขนาด 8.2 ส่งผลให้เกิดโศกนาฏกรรมตึก สตง.ที่กำลังก่อสร้างถล่ม บาดเจ็บล้มตาย-สูญหาย-ขายหน้าไปแล้ว
แต่อุบัติเหตุ-อุบัติภัยครั้งใหญ่ ยังรอเกิดต่ออีกสามรอบ สาเหตุอาจมาได้จากทุกทาง ทั้งดินที่อาจถล่ม หรือแผ่นดินไหว-น้ำท่วม-ลมหรืออากาศ หรือแก๊ส หรือพายุ-ไฟ-ควัน หรืออาวุธ หรือระเบิด ให้เป็นข่าวใหญ่ระดับโลก คือ
ระหว่าง 26 กรกฎาคม-23 สิงหาคม 2568 (ก่อน-หลังเจ็ดวัน) รอบนี้จะหนักสุดในเรื่องการพลัดพรากสูญเสียเศร้าโศกเสียใจ
ระหว่าง 12 กันยายน-6 ธันวาคม 2568 (ก่อน-หลังเจ็ดวัน) ระยะนี้อาจมีการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมากจากทางลม หรือพายุ หรือน้ำแทรกเข้ามา
และระหว่าง 16 ธันวาคม-สิ้นปี 2568
เกณฑ์ที่ 8 ทางโหราศาสตร์อุตุนิยมวิทยาบ่งบอกว่า เมืองจะอุดมไปด้วยพายุ ซึ่งเมืองจะได้รับอิทธิพลจากพายุระดับต่ำกว่า หรือดีเปรสชันขึ้นไปประมาณสี่ลูก
น้ำจะเริ่มท่วมเมืองในวงกว้างตั้งแต่ตุลาคม-ธันวาคม 2568 (ไม่ท่วมและเดือดร้อนหนักเป็นจุดๆ เหมือนปี 2567-ที่น้ำและโคลนถล่มแม่สายเชียงราย)
แต่ไม่ว่าจะท่วมวงกว้างขนาดไหนยังไม่ใช่มหาอุทกภัยเหมือนปี 2554
เกณฑ์ที่ 9 เมืองจะมีการประกาศสำคัญ ทั้งเกี่ยวกับตัวบุคคล หรือนโยบาย
จับตาช่วงประกาศสำคัญของชาติระหว่าง 3-23 มิถุนายน 2568
เกณฑ์ที่ 10 เกิดปรากฏการณ์ ของปลอมเฟื่องจัด เช่น การเกิดรูปบูชาหรืออนุสาวรีย์ที่เป็นตัวแทนคนสำคัญ (ของปลอม) หรือในอดีตเคยเกิดโครงการฝนเทียม-ฝนหลวง หรือแม้แต่การปฏิวัติหลอกที่ จอมพล ป.พิบูลสงคราม เคยทำรัฐประหารตัวเอง (รัฐประหารปลอม)
เกณฑ์ที่ 11 ระหว่างตุลาคม-ธันวาคม 2568 เค้าลางการเกิดโครงการสำคัญระดับชาติที่จะได้ใช้เป็นฐานสำคัญของประเทศต่อไป
และเค้าลางการเจรจาแบ่งผลประโยชน์ด้านพลังงานในทะเล
ทั้งสองเกณฑ์นี้จะไปปรากฏเต็มที่ปี 2569.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ความจริงเทียมทำร้ายสังคม
การสื่อสารของสื่อสารมวลชนที่ทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูข่าว เลือกข่าวที่จะนำเสนอ และปิดข่าวที่ไม่ต้องการเสนอ ทำให้สังคมรับรู้ความจริงเทียม (Pseudo-reality)
น้ำท่วม!!!...กับ'พรหมวิหาร4'
ออกจะหนักหนา-สาหัสมิใช่น้อย...สำหรับ น้ำท่วมปักษ์ใต้ คราวนี้!!! ไม่ใช่แต่เฉพาะ หาดใหญ่-สงขลา ที่แม้แต่ผู้เป็นห่วง เป็นใย ออกไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ยังอดร้องห่ม ร้องไห้
เมื่อ 'ศูนย์ฯ' กลายเป็น 'ศูนย์'
ฟังเหตุผล ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ แม่ทัพใหญ่สีกากี ถึงเรื่องที่ พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ ไชยโยธา ผู้การสงขลา มีคำสั่งเด้ง ผู้กำกับหาดใหญ่-พ.ต.อ.ธรรมรัตน์ เพชรหนองชุม
ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ปี 2569 (ตอนที่2) เหตุสำคัญที่มีเกณฑ์เกิดในเมืองปี 2569
ตลอดปีเสียอะไรไปสู้ได้กลับมา-ภายใน 21 เมษายน เมืองยังมีโอกาสเสียคนหรือของรัก-ฟาดเคราะห์ให้เมืองด้วยการร่ว
เมื่อผู้ใหญ่จัญไรอัปรีย์...จะมีอะไรดีให้ลูกหลาน
ลองวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองของไทยเราขณะนี้ เราก็จะเห็นว่าประเทศไทยเรากำลังตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ เพราะมีผู้ใหญ่เห็นแก่ตัว ทำตัวชั่วช้าสามานย์
แด่..อาจารย์'สุธี ประศาสน์เศรษฐ'
หลังออกจากห้อง ไอซียู เมื่อเกือบ 2-3 ปีที่แล้ว...หนึ่งในผู้ที่โทรศัพท์ไปให้กำลังใจ ไปเชียร์ให้สู้ๆ เข้าไว้ ก็คือ ดร.สุธี ประศาสน์เศรษฐ ผู้ที่แนะนำตัวเองด้วยสำเนียงติดตลกมาทางโทรศัพท์


