บันทึกหน้า 4

 “ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด” การเมืองตอนนี้มีแต่เรื่องปรับ ครม. หรือเขี่ยพรรคร่วมรัฐบาลออก ล่าสุด นายเทพไท เสนพงษ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “เทพไท–คุยการเมือง” เรื่อง “ไฟต์บังคับ ปรับ ครม.ต่ออายุรัฐบาล?” ระบุว่า ผลการสำรวจความคิดเห็นของ “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เรื่อง “ปรับ ครม. วันไหนดี” เป็นความคิดเห็นต่อการ “ปรับคณะรัฐมนตรี” ในรัฐบาลนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร

เมื่อถามถึงการปรับคณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร พบว่า ผลโพลต้องการให้ปรับรัฐมนตรี 3 กระทรวงแรกๆ คือ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง ซึ่งทั้ง 3 กระทรวงเป็นกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ

ปัญหาปากท้องของประชาชนทั้งสิ้น แสดงว่ารัฐบาลล้มเหลวในเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ไม่สมกับราคาคุยที่โฆษณาว่า พรรคเพื่อไทยคือมือแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แม้แต่แกนนำพรรคเพื่อไทยยังออกมายอมรับว่า ควรจะปรับรัฐมนตรีเกี่ยวกับด้านเศรษฐกิจการค้า 

ส่วนระยะเวลาที่ควรจะปรับคณะรัฐมนตรีผลการสำรวจพบว่า 1.จำเป็นต้องปรับ ครม. โดยเร็วที่สุด 48.24% 2.ไม่จำเป็นต้องปรับ ครม. 16.18% 3.การปรับ ครม. ควรรออีก 3 เดือน 15.50% 4.การปรับ ครม. ควรรออีก 6 เดือน 10.07% 5.การปรับ ครม. ควรรออีก 1 ปี 6.95% 

เมื่อผลการสำรวจพบว่าเสียงประชาชนส่วนใหญ่สูงถึง 80% ต้องการให้มีการปรับ ครม. ตั้งแต่ปรับด่วนที่สุด จนถึงควรรออีก 3 เดือน หรือ 6 เดือน หรือ 1 ปี ส่วนที่ไม่ควรปรับ ครม.เลย มีแค่ 16.18% เท่านั้น รัฐบาลจึงจำเป็นต้องปรับคณะรัฐมนตรีด้วยเหตุผลคือ

1.เสียงส่วนใหญ่ของประชาชนต้องการเห็นการปรับ ครม. เพราะมีความเชื่อว่าถ้าปรับ ครม.แล้วจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนได้ดีขึ้น

2.เป็นความประสงค์ของนายใหญ่ ต้องการที่จะกระชับอำนาจในรัฐบาล เพื่อให้มีการสั่งการรัฐบาลได้อย่างเบ็ดเสร็จ

3.ปรับเพื่อการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งบุคคลรัฐมนตรี ต้องการปูมบำเหน็จให้กับบุคคลที่ยังไม่ได้รับตำแหน่งทางการเมือง เพื่อตอบแทนทางการเมืองในลักษณะสมบัติผลัดกันชม

4.จำเป็นต้องปรับเพื่อประสิทธิภาพในการทำงาน เพราะที่ผ่านมาผลงานรัฐบาลยังไม่เข้าตาประชาชน คะแนนนิยมของรัฐบาลยังไม่ดีขึ้น นโยบายที่เคยหาเสียงไว้ ก็ไม่สามารถนำไปปฏิบัติให้เป็นผลสำเร็จได้

ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้คือ ไฟต์บังคับของรัฐบาลที่ต้องปรับ ครม. เพื่ออยู่ต่อหรือนับถอยหลังเข้าสู่การยุบสภา?

๐ อีกด้านหนึ่ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า ในช่วงสงกรานต์ได้มีการพูดคุยกับนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย จากประเด็นมีการผิดคิวเรื่องความเห็นไม่เอากาสิโน ในระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เห็นว่านายไชยชนกจะเข้ามารดน้ำดำหัว

แต่ตนบอกว่าคงไม่สะดวก เพราะนายไชยชนกอยู่บุรีรัมย์ ส่วนตนอยู่ที่ชลบุรี และนายไชยชนกเองก็เปรียบเสมือนลูกหลาน ดังเช่นลูกตน ที่เสมือนลูกหลานของครอบครัวชิดชอบเช่นกัน เรามีความผูกพันกันลึกมากอยู่แล้ว ซึ่งเราได้พูดคุยกันไปหมดแล้ว ว่าพรรคภูมิใจไทยยังจะสนับสนุนนโยบายของนายกรัฐมนตรี ตราบใดที่ยังเป็นพรรคร่วมรัฐบาล  

ส่วนเรื่องดังกล่าวต้องมีการทำความเข้าใจเพิ่มเติมอีกหรือไม่ หรือถือว่าจบแล้ว นายอนุทินกล่าวว่า นี่ไม่ใช่โรงเรียน ใครทำผิดอะไรนิดหน่อยต้องมีบทลงโทษ ทุกคนสามารถที่จะแสดงความเห็นของตนเองได้ ซึ่งตนได้ยืนยันตั้งแต่วันแรกแล้วว่า สิ่งที่นายไชยชนกพูดเป็นความคิดเห็นส่วนตัว ไม่ใช่มติของพรรคภูมิใจไทย และหากไปคัดลอกบันทึกการประชุมของพรรคภูมิใจไทยสองครั้งล่าสุด ไม่มีมติใดๆ ในเรื่องนี้.

 

คางดำ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน

บันทึกหน้า 4

ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว

บันทึกหน้า 4

หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว

บันทึกหน้า 4

ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย

บันทึกหน้า 4

น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.