‘สมรสเท่าเทียม’โอกาสอัปจีดีพีไทย

วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) ได้เผยผลวิจัยที่น่าสนใจในหัวข้อ “Love Wins Marketing: ถอดรหัสการตลาดหลัง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม” โดยเป็นการเจาะอินไซต์พฤติกรรมกลุ่ม LGBTQIA+ ซึ่งมีมากกว่า 5.9 ล้านคน คิดเป็น 9% ของประชากรไทยกันเลย นับว่าเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่จะเป็นขุมทรัพย์ทางเศรษฐกิจใหม่ที่พร้อมจ่ายหนัก-จ่ายจริง ตั้งแต่เวดดิ้งสุดหรู ท่องเที่ยวสุดพรีเมียม หรือแม้แต่การจ่ายเพื่อการมีบุตรจำนวนมาก

ประเสริฐ ธนัชโชคทวี อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ สาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) ระบุว่า กลุ่มผู้บริโภค LGBTQIA+ ในประเทศไทยเป็นกลุ่มที่น่าจับตา ทั้งในแง่พฤติกรรมการใช้จ่ายและค่านิยมในการเลือกแบรนด์ หรือบริการที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ เนื่องจากเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อ และมีแนวโน้มใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะในหมวดที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคู่และการสร้างความมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นการจัดงานแต่งงาน การท่องเที่ยวฮันนีมูน การวางแผนครอบครัวและการมีบุตร การซื้อที่อยู่อาศัย การวางแผนการเงิน การทำประกันและดูแลสุขภาพ

ปกรณ์ รัตนชวนนท์ หัวหน้าทีมงานวิจัย “Love Wins Marketing: ถอดรหัสการตลาดหลัง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม” นักศึกษาสาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การแต่งงานและการใช้ชีวิตคู่ จากผลสำรวจพบว่า 56.1% ของกลุ่ม LGBTQIA+ อยากจัดงานแต่งงาน โดยกลุ่มเลสเบียนสนใจจดทะเบียนสมรสมากที่สุดถึง 50.4% และมากกว่า 66.4% ของคู่รักเพศเดียวกันต้องการจดทะเบียนสมรส ซึ่งสอดคล้องกับสถิติการจดทะเบียนสมรสในวันแรกของการบังคับใช้กฎหมาย ข้อมูลยังแสดงให้เห็นว่ากลุ่ม LGBTQIA+ นิยมจัดงานที่โรงแรม 48.7% ในจำนวนนี้พบว่าเป็นกลุ่ม Gay Gen Z มากที่สุดถึง 64.9% และนิยมจัดงานขนาดกลาง (50-100 คน) ถึง 54.4% โดยเฉลี่ยมีงบประมาณในการจัดงานประมาณ 300,000-500,000 บาท และที่น่าสนใจคือ 4.7% ของกลุ่มนี้มีการวางแผนใช้งบประมาณมากกว่า 1 ล้านบาท โดยเฉพาะกลุ่ม Gay Gen Z ซึ่งมีสัดส่วนสูงกว่ากลุ่ม Gay Gen Y

ด้านการท่องเที่ยวและฮันนีมูนพบว่า กลุ่ม LGBTQIA+ มีความสนใจและวางแผนไปฮันนีมูนหลังแต่งงาน 51.8% โดยมีเลสเบียนสูงถึง 35.2% ที่ชื่นชอบการไปฮันนีมูน และเลสเบียน Gen Y นิยมไปฮันนีมูนในเอเชียมากที่สุด 46.9% รองลงไปคือภายในประเทศ 32% และยุโรป 21.1% สำหรับที่พักที่นิยมสำหรับฮันนีมูน คือ Private Villa 40.6% ตามมาด้วยโรงแรมหรู 31.3% โดยกลุ่ม Gay Gen Y นิยมโรงแรมมากกว่ากลุ่มอื่น ผลวิจัยยังระบุอีกว่ากลุ่ม LGBTQIA+ ใช้จ่ายในการท่องเที่ยว 20,000-50,000 บาทต่อปี เฉลี่ยท่องเที่ยว 3-5 ครั้งต่อปี โดยกลุ่ม Gay Gen Y มีสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวระหว่าง 20,000-50,000 บาท สูงที่สุด

นอกจากนี้ การวางแผนครอบครัวและการมีบุตร พบว่า กลุ่ม LGBTQIA+ 54% วางแผนมีบุตรภายใน 2 ปี หลังแต่งงาน โดยกลุ่ม Lesbian Gen Z มีความต้องการมีบุตรสูงที่สุด และกลุ่ม Gay Gen Z 16.1% มีความคาดหวังที่จะมีบุตรมากกว่ากลุ่มอื่น ผลวิจัยยังพบว่า 12.9% ของกลุ่ม LGBTQIA+ ต้องการใช้บริการธนาคารฝากเซลล์สืบพันธุ์ในการมีบุตร โดยทางเลือกในการมีบุตรของกลุ่ม LGBTQIA+ มีหลากหลาย ทั้งการปฏิสนธินอกร่างกาย (IVF) ที่มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 300,000-500,000 บาท การตั้งครรภ์แทน ค่าใช้จ่ายสูงถึง 1-2.5 ล้านบาทหรือมากกว่า และการรับบุตรบุญธรรมที่มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าที่ 5,000-10,000 บาท งานวิจัยยังชี้ว่า ค่าใช้จ่ายในการมีบุตรของกลุ่ม LGBTQIA+ สอดคล้องกับงบประมาณที่วางแผนไว้ที่ประมาณ 500,000-1,000,000 บาท

พฤติกรรมการบริโภคและทัศนคติต่อแบรนด์ พบว่า 77% ของกลุ่ม LGBTQIA+ ใช้ปัจจัยด้านราคาและคุณภาพเป็นเหตุผลในการตัดสินใจซื้อ โดยกลุ่ม Gay Gen Y เน้น “คุณภาพ” มากกว่า “ราคา” กลุ่ม Lesbian Gen Y มอง “ภาพลักษณ์” มากกว่า “ราคา” และกลุ่ม Others Gen Y กว่า 61% เป็นกลุ่ม "Price-Sensitive" ที่อ่อนไหวต่อราคา นอกจากนี้ยังพบอีกว่า 23% ของกลุ่ม LGBTQIA+ ใช้ประสบการณ์ด้านบริการเป็นเหตุผลในการตัดสินใจซื้อ โดยบริการที่เป็นที่ต้องการในกลุ่ม LGBTQIA+ ได้แก่ บริการให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย บริการการวางแผนครอบครัวและการมีบุตร และบริการแพทย์เฉพาะทาง/คลินิกพิเศษเฉพาะกลุ่ม

อย่างไรก็ดี จากผลการวิจัยสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของกลุ่ม LGBTQIA+ ในประเทศไทย และโอกาสทางธุรกิจที่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยคาดว่าหลัง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมบังคับใช้ จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 4 ล้านคน สร้างรายได้ 152,000 ล้านบาท และส่งผลให้ GDP ไทยเพิ่มขึ้น 0.3%.

 

รุ่งนภา สารพิน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เสริมสร้างธรรมาภิบาลองค์กร

ธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและดึงดูดการลงทุน ในช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความโปร่งใสมากขึ้น ท่ามกลางกระแสการตรวจสอบกรณีทุจริตทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วเอเชีย

ค้าปลีก-ร้านอาหารยังเติบโตในปี69?

เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2568 กันแล้ว แน่นอนว่าธุรกิจในปีหน้ายังคงมีโจทย์ท้าทายอีกหลายอย่างกำลังรออยู่ และตลอดปี 2568 นี้เอง ภาคธุรกิจต่างๆ ก็ไม่ง่าย! เพราะต้องเผชิญกับปัจจัยที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตลอด

เจาะลึกเทรนด์อีคอมเมิร์ซไทย

ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซไทยถูกขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันของ 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ Shopee 89%, TikTok Shop 71% และ Lazada 66% โดย 87% ของผู้บริโภคชาวไทยซื้อสินค้าออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน

เสริมความมั่นคงสุขภาพไทย

อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่จังหวะใหม่ที่น่าสนใจ และสำคัญต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อความต้องการเครื่องช่วยหายใจชนิด CPAP/BiPAP

อัปเกรดมาตรฐานความปลอดภัย

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เปิดตัวความพร้อมโครงการ “Trusted Thailand” อย่างเป็นทางการ

ดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มโอกาสธุรกิจไทย

ในโลกที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ ธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างมั่นคงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า