
ยังคงเดินเกมภาษีอย่างต่อเนื่อง สำหรับ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่เมื่อช่วงปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐได้ประกาศแผนการที่จะเรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงสุดถึง 3,521% สำหรับแผงโซลาร์เซลล์ที่นำเข้ามาจาก 4 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ กัมพูชา มาเลเซีย เวียดนาม และไทย เพื่อตอบโต้กรณีที่มีการกล่าวหาว่าบริษัทผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์ในประเทศเหล่านี้ได้รับการอุดหนุนจากจีน และทำการทุ่มตลาดด้วยสินค้าที่มีราคาถูกอย่างไม่เป็นธรรมในตลาดสหรัฐ
โดยแว่วว่า คณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ มีกำหนดจะตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับมาตรการภาษีใหม่นี้ต่อการนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์ในเดือน มิ.ย.2568 ซึ่งการตอบโต้การอุดหนุนและภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดของสหรัฐในครั้งนี้จะมีอัตราที่แตกต่างกันไปตามแต่ละบริษัทและประเทศที่ผลิตแผงโซลาร์เซลล์ โดยบริษัทผู้ส่งออกแผงโซลาร์เซลล์บางรายในกัมพูชาจะเผชิญการเรียกเก็บภาษีในอัตราสูงถึง 3,521% เนื่องจากถูกมองว่าไม่ให้ความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์สหรัฐในการสอบสวนเรื่องนี้ ขณะที่บริษัท Trina Solar ผู้ผลิตสัญชาติจีนที่ตั้งอยู่ในไทย อาจจะเผชิญการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวในอัตรา 375%
ขณะที่ภาคเอกชนของไทยเองมองว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็ส่งผลกระทบกับประเทศไทยอย่างแน่นอน เพราะตามข้อเท็จจริงแล้วโรงงานผู้ผลิตส่วนใหญ่เป็นโรงงานจากจีนที่ย้ายฐานการลงทุนมายังประเทศไทยแทบจะ 100%
ขณะที่ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ SCB EIC ได้ออกบทวิเคราะห์ เรื่อง “สหรัฐฯ ตั้งภาษีโซลาร์เซลล์ไทย สูงสุด 972% กดดันส่งออกหดตัวใกล้ศูนย์ภายในปี 2026 โดยระบุว่า ประเมินการส่งออกแผงโซลาร์เซลล์และชิ้นส่วนจากไทยไปสหรัฐมีแนวโน้มหดตัวใกล้ศูนย์ในช่วงปี 2026 จากปัจจัยสำคัญ 2 ด้าน คือ 1.ไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันด้านราคาเมื่อเทียบกับประเทศผู้ผลิตในเอเชียที่ไม่ได้ถูกเก็บภาษี จากการที่ไม่โดนข้อกล่าวหาว่ามีการอุดหนุนการผลิตและประกอบชิ้นส่วนจากจีนเพื่อส่งออก เช่น ลาว อินโดนีเซีย อินเดีย และเกาหลีใต้
รวมถึงเสียเปรียบด้านอัตราภาษีเมื่อเทียบกับมาเลเซียและเวียดนามที่ถูกเก็บภาษีขั้นต่ำเพียง 14.64% และ 120.69% ขณะที่ไทยอยู่ที่ 375.19% แม้แต่บริษัททั่วไปยังต้องเผชิญภาษีสูงกว่ามาเลเซียถึงกว่า 10 เท่า
2.ผลกระทบจากภาษีขั้นต้นได้เริ่มส่งผลอย่างชัดเจนแล้ว โดยตั้งแต่เดือน ต.ค.-พ.ย.2567 ที่เริ่มบังคับใช้ภาษี AD/CVD ไทยสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐอย่างรุนแรง จาก 28% ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2567 เหลือเพียง 6% ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ ขณะที่คู่แข่งอย่างอินโดนีเซียขยับขึ้นจาก 2% เป็น 16% ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกของไทยในไตรมาสแรกของปี 2568 หดตัว 52% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เหลือเพียง 12,623 ล้านบาท ซึ่งอัตราภาษีขั้นสุดท้ายที่สูงกว่าขั้นต้นมาก จะทำให้การส่งออกไปสหรัฐมีแนวโน้มหายไปเกือบทั้งหมดภายในปี 2569
ทั้งนี้ SCB EIC มองว่า ผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์และชิ้นส่วนสามารถดำเนินการเพื่อบรรเทาผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐ ผ่าน 3 แนวทาง ได้แก่ 1.การเข้าไปเป็น Supplier สินค้าขั้นกลางให้กับโรงงานผลิตโซลาร์เซลล์ในประเทศที่ได้รับผลกระทบเรื่องสงครามการค้าของสหรัฐ 2.เร่งขยายตลาดการส่งออกสินค้าไปยังประเทศที่มีศักยภาพการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่โดดเด่น และ 3.ขยายรายได้ไปในธุรกิจผลิตพลังงานสะอาดทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยอาศัยความได้เปรียบเชิงต้นทุนและประสบการณ์ในกลุ่มธุรกิจพลังงานสะอาด เพื่อขยายรายได้
ขณะเดียวกันมองว่า ภาครัฐควรเร่งปรับ “นโยบายส่งเสริมการลงทุน” ให้สอดคล้องกับบริบทการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการคัดกรองและตรวจสอบโรงงานที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในไทย ให้ดำเนินการตามกฎระเบียบส่งเสริมการลงทุนของไทย กฎระเบียบการค้าของโลกและประเทศคู่ค้า รวมถึงการติดตามโครงการที่อาจถูกมองว่าเป็น “ฐานการผลิตทางอ้อม” ของประเทศคู่ขัดแย้ง เช่น จีน เพื่อให้สามารถตรวจสอบการผลิตสินค้าให้ถูกต้องตามกฎเกณฑ์การส่งเสริมการลงทุนของไทย และกฎระเบียบการค้าของประเทศคู่ขัดแย้ง ซึ่งจะช่วยป้องกันการนำไปสู่การตกเป็นเป้าของมาตรการกีดกันทางการค้าในอนาคต.
ครองขวัญ รอดหมวน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เมื่อสุขภาพคือความลักชัวรีแบบใหม่
ในยุคที่ผู้คนต่างก็ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ ทำให้เทรนด์นี้ยังคงมาแรงต่อเนื่อง ซึ่งก็มีข้อมูลที่น่าสนใจจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กับข้อมูลสุดอินไซต์ “ภูมิทัศน์การดูแลสุขภาพของคนไทย” รับเทรนด์เศรษฐกิจอายุยืน
องค์กรต้องกล้าเปลี่ยนผ่าน
ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและแรงกดดันด้านความยั่งยืนที่เข้มข้นขึ้น ทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวรองรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่ง สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA)
แรงงานคืนถิ่น:ทางเลือกที่เป็นโอกาส
‘การเคลื่อนย้ายแรงงาน’ จากภูมิลำเนาเข้าสู่จังหวัดเศรษฐกิจเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานตอนต้น ซึ่งเป็นกำลังแรงงานสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนา อย่างไรก็ตาม
ดันไทย-ญี่ปุ่นปักธงอุตสาหกรรม
ในภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกปัจจุบันที่ขับเคลื่อนด้วยการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว และเป้าหมายด้านความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม ความสามารถของประเทศในการปรับตัวและสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ประเทศไทยในฐานะฐานการผลิตหลักในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยกระดับโครงสร้างอุตสาหกรรมไปสู่ยุคใหม่ที่เน้นมูลค่าสูงและมาตรฐานที่เข้มงวด
ถอดบทเรียนน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้
จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่จังหวัดสงขลา สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างทั้งพื้นที่เมืองและชนบท ส่งผลให้หลายหน่วยงานภาครัฐต้องเร่งวางมาตรการป้องกันอย่างเร่งด่วน ทั้งการฟื้นฟูถนน–สะพานที่ถูกตัดขาด การขุดลอกคูคลอง
เสริมสร้างธรรมาภิบาลองค์กร
ธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและดึงดูดการลงทุน ในช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความโปร่งใสมากขึ้น ท่ามกลางกระแสการตรวจสอบกรณีทุจริตทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วเอเชีย

