
ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด สถานการณ์พรรคแดงและน้ำเงินผ่านสงครามตัวแทน แม้ฝ่ายแกนนำของทั้งสองสีบอกไม่มี แต่เป็นเรื่องของกระบวนการกฎหมาย ที่มีผู้ร้อง และต้องมีการวินิจฉัย
ในส่วนของ “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ในประธานคณะกรรมการพิเศษ (กคพ.) แม้จะไม่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เหมือน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ที่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่กำกับดูแลดีเอสไอ ก็ใช่จะวางใจได้
เพราะบรรทัดฐานเดิมของศาลรัฐธรรมนูญก็มีให้เห็นมาแล้ว บางคนสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ สุดท้ายก็รอด อย่างเช่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ หรือกรณีไม่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ อย่างอดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน แต่สุดท้ายศาลก็สั่งให้พ้นตำแหน่งเรื่องปมจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริตมาแล้ว
ฉะนั้นในสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองไทย ทุกอย่างก็สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ล่าสุด ภูมิธรรม เปิดเผยเรื่องคดีความของตัวเองในชั้นศาลรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้กำลังจะทำเรื่องชี้แจงใหม่ โดย สว.ได้มีการยื่นร้องเพิ่มเติม ประมาณว่าตนละเลยปล่อยให้ พ.ต.อ.ทวี และดีเอสไอ ไปทำผิดกฎหมาย และขอให้ศาลสั่งให้ตนหยุดปฏิบัติหน้าที่
ซึ่งขณะนี้ทนายของตนกำลังดูคำร้องเพิ่มเติมอยู่ ถือเป็นการชี้แจงเพิ่มเติมครั้งที่ 2 ส่วนคดีที่ สว.ฟ้องกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตามความผิดมาตรา 157 ขณะนี้ ป.ป.ช.ยังไม่ได้เรียกไปชี้แจง แต่ถ้ามีคำร้อง หรือมีข้อสงสัยก็สอบถามมาได้ ตนก็มีหน้าที่ชี้แจงว่าไม่ได้เป็นอย่างที่ข้อกล่าวหา
กระจอกข่าวถามว่า ขณะนี้มีความกังวลว่าศาลรัฐธรรมนูญท้ายสุดจะตัดสินไปในทางลบหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ทำตามข้อมูลที่ฝ่ายปฏิบัติที่ดีเอสไอทำหน้าที่ ซึ่งตนไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไร ตนยุ่งเฉพาะตอนที่เขาเสนอให้เป็นคดีพิเศษ ซึ่งเราก็พิจารณาตามอำนาจหน้าที่ ก็ไม่ได้เข้าไปแทรกแซงอะไร ซึ่งตอนที่ตนเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ ก็ให้แยกคดี อะไรที่เป็นอำนาจของ กกต. ก็ให้ไปทำหน้าที่ ส่วนดีเอสไอก็ทำหน้าที่ตามที่เสนอมาในที่ประชุม หลังจากนั้นหน่วยงานต่างๆ ก็ไปทำหน้าที่ตามอำนาจของเขา
๐ อีกด้านความเคลื่อนไหวของพรรคส้ม นอกจากเรื่องถูกซื้องูเห่าแล้ว ผลเลือกตั้งท้องถิ่นก็ไม่เป็นที่น่าพอใจ ล่าสุดกูรูการเมืองอย่าง เทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช ออกมาชี้แนะว่า ขอพรรคส้มเลิกส่งท้องถิ่น เน้นระดับชาติก่อน
วันนี้ขออนุญาตวิเคราะห์ผลการสำรวจ “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ที่ได้สำรวจความคิดเห็นประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศ เรื่อง “ผลการเลือกตั้งท้องถิ่นในสายตาประชาชน” พบว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อการเลือกตั้งท้องถิ่น เช่น
1.ประชาชนจำนวน 78.80% เห็นว่า บ้านใหญ่หรือตระกูลการเมืองท้องถิ่นยังมีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งในพื้นที่
2.เหตุผลสำคัญที่ทำให้ “บ้านใหญ่” หรือตระกูลการเมืองท้องถิ่นยังคงมีอิทธิพลในพื้นที่ เพราะ อันดับ 1 เข้าถึงประชาชน มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ เช่น งานบุญ งานศพ งานประเพณี 45.13% อันดับ 2 มีฐานเสียงที่มั่นคง และความสัมพันธ์กับชุมชนที่ยาวนาน 43.19% อันดับ 3 มีระบบอุปถัมภ์ ช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน 41.89% ซึ่งเหตุผลทั้ง 3 อันดับ ล้วนแต่เป็นเรื่องของสังคมอุปถัมภ์ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน โดยมีปัจจัยเงินทุนเป็นส่วนสำคัญ
3.สิ่งที่ประชาชนอยากให้นายกเทศมนตรีคนใหม่ดำเนินการแก้ไขมากที่สุด คือ ปราบปรามอบายมุข ยาเสพติด ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ 57.25% ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก เพราะผู้ชนะรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรี ส่วนใหญ่จะเป็นผู้มีอิทธิพลเกี่ยวข้องกับอบายมุข ยาเสพติด และใช้เงินจากธุรกิจสีเทา ทุนรับเหมา เงินทอน มาเป็นทุนซื้อเสียงจนได้รับการเลือกตั้งเกือบทั้งนั้น
อยากเสนอให้พรรคประชาชนได้มุ่งเน้นการเมืองระดับชาติเป็นหลัก เมื่อชนะการเมืองระดับชาติ ได้เข้ายึดกุมอำนาจรัฐแบบเบ็ดเสร็จ ได้เป็นรัฐบาลแล้ว ค่อยปรับโครงสร้างของสังคมตามอุดมคติ จึงค่อยส่งผู้สมัครในนามพรรค ลงแข่งขันผู้บริหารท้องถิ่นในโอกาสต่อไป
ก็หวังว่า หัวหน้าเท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนและผู้นำทางจิตวิญญาณจะนำไปพิจารณา.
คางดำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน
บันทึกหน้า 4
ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว
บันทึกหน้า 4
หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว
บันทึกหน้า 4
ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย
บันทึกหน้า 4
น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.


