
สว.อลงกต วรกี กลายเป็นดาวเด่นแห่งวงการด้วยลีลาการให้สัมภาษณ์ที่ทำเอาสื่อมวลชนถึงกับต้องร้อง "อะไรกันเนี่ย" งานนี้ไม่ใช่แค่การเม้มปากหนีคำถามแบบธรรมดา แต่เป็นการโยกหลบระดับปรมาจารย์ด้วยการใช้ภาษาฝรั่งเศสและภาษาจีนกลางจนนักข่าววงแตก ราวกับหลุดมาจากหนังคอมเมดี้ฝรั่งผสมจีนที่พล็อตสุดปั่น
เรื่องราวเริ่มต้นที่วันที่ 19 พ.ค. 2568 ณสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หลังจากที่ สว.อลงกต เดินออกจากห้องชี้แจงข้อกล่าวหาคดี "ฮั้วเลือก สว." ซึ่งเป็นประเด็นร้อนที่ทุกคนจับตา นักข่าวนับสิบเตรียมคำถามสุดแหลม หวังจะได้ข้อมูลเด็ดๆ
มาฝากประชาชน แต่เดี๋ยวก่อนอลงกต ไม่เล่นตามเกม เขาไม่ตอบเป็นภาษาไทยแบบที่ทุกคนคาดหวัง แต่กลับเปิดฉากด้วยภาษาฝรั่งเศสเนียนๆ "เชอ ซุย ไทยแลนเด" (ฉันเป็นคนไทย) ทำเอานักข่าวตาโต มองหน้ากันเลิ่กลั่ก คิดในใจว่า "พูดอะไรกัน"
นักข่าวไม่ยอมแพ้ พยายามสู้กลับด้วยการถามเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า "ซา วา" (สบายดีไหม) คิดว่าจะเอาอยู่ แต่ อลงกต จัดเต็มต่อทันที "เชอ เว ตเร บียง, แมร์ซี่ โบกู, โอ เรอวัว" (ผมสบายดีมาก ขอบคุณ ลาก่อน) พร้อมย้ำชัดด้วยสีหน้ามั่นใจว่า "ผมจะพูดแต่ภาษาฝรั่งเศสเท่านั้น ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ" เอ้า นักข่าวถึงกับงงหนัก บางคนถึงขั้นแซวกันเองว่า "นี่มันสัมภาษณ์การเมืองหรือสอบวัดระดับภาษา"
เมื่อถูกยิงคำถามว่า "คุณเป็น สว. ไทย ทำไมไม่พูดภาษาไทยให้รู้เรื่อง" อลงกต ยังคงตอกย้ำด้วยภาษาฝรั่งเศส "เชอ เนอ วู ปาเล องเกล" (ผมไม่อยากพูดภาษาอังกฤษ) นักข่าวเริ่มรู้สึกเหมือนถูกหลอกให้เล่นเกมที่ไม่มีวันชนะ แต่ก็ต้องยอมรับว่าลีลานี้แหละที่ทำให้ทุกคนจดจำ สว. อลงกต ได้อย่างขึ้นใจ
แต่เรื่องยังไม่จบ วันต่อมา (20 พ.ค.) ที่รัฐสภา อลงกต อัพเลเวลความปั่นป่วนด้วยการทักทายสื่อด้วย "บองชูร์!" (สวัสดี) ก่อนจะสลับมาใช้ภาษาจีนกลางแบบไม่ให้ตั้งตัว "หนี่เมินห่าว" (สวัสดี) และ "หว่อปู้ชัวฮว่า" (ผมไม่พูด) นักข่าวที่เตรียมคำถามมาเป็นชุดถึงกับต้องควานหาคำศัพท์จีนในสมอง บางคนพยายามหยอกกลับด้วย "หนีห่าว" คิดว่าจะเกาะติดสถานการณ์ได้ แต่ อลงกต สวนกลับเป็นภาษาจีนว่า "ผมเป็นคนไทย" ราวกับจะบอกว่า "ไม่ว่าจะถามกี่ภาษา ผมก็ไม่ตอบอะไรตรงๆ อยู่ดี"
ลีลาการให้สัมภาษณ์ของ สว. อลงกต ครั้งนี้ต้องบอกว่าเป็นการโยกหลบคำถามระดับโลก ไม่เพียงแค่เม้มปากเงียบ แต่ยังใช้สกิลภาษาต่างประเทศมาปั่นหัวสื่อได้อย่างอยู่หมัด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กัดไม่ปล่อย
ไม่ปล่อยผ่านเด็ดขาด!! หลัง “หัวหน้าตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และอดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่เคยกำกับดูแลเรื่องน้ำมันและพลังงานของประเทศไทย และทิ้งผลงานการตรากฎหมายต่างๆ ด้านพลังงาน เพื่อคนไทยไว้ในรัฐบาลที่ผ่านมา
'ไผ่' มา 'ไอซ์' ไป
การเลือกตั้งครั้งนี้คึกคัก หลายพรรคเนื้อหอม มีนักการเมืองทยอยมาสมัครไม่ขาดสาย หนึ่งในนั้นคือพรรคกล้าธรรมของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค ที่ราวกับมีแม่เหล็กดึงดูดบรรดา สส.
‘เซนส์’ ที่ดี
นอกจาก “นายกฯ หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 จะเป็นคนเหนือโพล ดวงดี และจังหวะตัดสินใจทางการเมืองดีแล้ว
'เสือกระดาษ' ยามสงคราม
สถานการณ์ชายแดนไทย-เขมรยังคงเดือดขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เดือน ก.ค. 68 ที่ปะทะกันแถวปราสาทตาเมือนธม จนเลือดตกยางออก พลเรือนไทยเจ็บตายระนาว โรงพยาบาลโดนถล่ม แต่ทำไม คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
“พบกันในสนามอ่างทอง”
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีการยุบสภา ในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 10 และ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา
สู้เต็มที่
เตรียมพร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้งกันทุกพรรคในเวลานี้ ภายหลังรัฐบาลประกาศยุบสภา ซึ่งหนึ่งในพรรคที่พร้อมสู้ศึกเลือกตั้งมากคือ พรรครวมไทยสร้างชาติ ของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ที่ก่อนหน้านี้ได้ร่อนแถลงการณ์ทันที โดยมองว่าการยุบสภาไม่ส่งผลดีต่อการแก้ไขปัญหาหลายสถานการณ์ที่รุมเร้าประเทศ

