
กรณีพิพาทเรื่องดินแดนของไทยที่เขมรทำตัวเป็นอันธพาลเกเรจะเอาเอาดินแดนของไทย ยังคงดำเนินต่อไปไม่จบสิ้น แม้ว่ายังไม่มีการทำสงครามอาวุธ แต่ก็มีการทำสงครามวาทะ โดยที่ทางเขมรนั้นพูดจากร้าวร้าว มีท่าทีเย้ยหยันทางไทยเราตลอดเวลา เพราะเขาคงมองเห็นว่ารัฐบาลของไทยเราอ่อนแอ และไม่เป็นที่ชื่นชอบของคนไทยเป็นจำนวนมาก และเขาคงมองออกว่ารัฐบาลกับกองทัพและประชาชนไม่มีความเป็นเอกภาพ ดังนั้นเขาจึงมีวาทะเชิงรุกตลอดเวลา ด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวที่แสดงว่าเขาอยู่ในสถานะที่เหนือกว่าเรา ส่วนทางเราก็มีท่าทีหมาหงอย ไม่รู้ว่าเกรงใจอะไรใคร ถึงได้ดูอ่อนน้อม
กับเขมรเสียเหลือเกิน นอกจากไม่ทำงานเชิงรุกแล้ว ยังพยายามปิดปากประชาชนไม่ให้พูดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ หาว่าคลั่งชาติบ้าง กระหายสงครามบ้าง ล่าสุดเขมรทวงบุญคุณใครบางคนในประเทศไทย จนคนไทยผู้รักชาติหลายคนทนไม่ได้ ต้องไปค้นเอาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ออกมาให้เห็นว่าเขมรทั้งประเทศเป็นหนี้บุญคุณประเทศไทย ส่วนประเทศไทยไม่ได้เป็นหนี้เขมร ถ้าหากจะมีใครเป็นหนี้เขมร มันก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่ใช่เรื่องของประเทศ
ผู้นำกัมพูชาเขาทวงบุญคุณใครบางคนในประเทศเรา เขาทวงบุญคุณพวกที่ทำผิดกฎหมายไทย แล้วหนีผ่านช่องทางธรรมชาติไปพำนักอยู่ในกัมพูชาบ้าง หรือให้กัมพูชาเป็นทางผ่านไปประเทศอื่นบ้าง แต่เขาคงไม่ได้ต้องการทวงบุญคุณคนพวกนั้นเท่านั้น เขาน่าจะตีวัวกระทบคราดทางบุญคุณ สทร.ต่างหาก ที่ได้อำนาจแล้ว ไม่สามารถทำให้เขาได้ผลประโยชน์จากประเทศไทยตามที่เขาต้องการ เพราะลิ่วล้อของ สทร.หนีความผิดไปอยู่ที่ประเทศเขา และเขาก็คงได้ดูแลกัน ลูกน้องของ สทร.เคยแต่งเพลงขอบคุณผู้นำเขมรผู้พ่อที่ดูแลพวกเขาอย่างดีที่หนีความผิดจากประเทศไทยไปอยู่ในประเทศเขา และน้องสาว สทร.ก็หนีคุกผ่านช่องทางธรรมชาติผ่านประเทศกัมพูชาก่อนที่จะบินต่อไปประเทศอื่น ที่เขาทวงบุญคุณกันและทำตัวเป็นอันธพาลแบบนี้เพราะเขากำลังสติแตก เพราะเขาหวังเป็นอย่างมากกว่า เมื่อรัฐบาลนี้ได้อำนาจบริหารประเทศ MOU 44 จะต้องเดินหน้า จนเขาและ สทร.ได้แบ่งปันผลประโยชน์กัน แต่แล้ว สทร.ก็ไม่สามารถที่จะทำได้ เพราะมันเป็นเรื่องของชาติที่คนไทยยอมไม่ได้ เรางัดเอาหลักฐานทางประวัติศาสตร์ยืนยันว่าเกาะกูดเป็นของเรา ดังนั้น ต้องไม่มีการเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์อะไรกับกัมพูชา จนรัฐบาลล่าถอยไม่กล้าเดินหน้าต่อ
เลยเป็นเหตุให้เขามาก่อหวอดเรื่องการทวงดินแดนทางภาคอีสาน จะเอาปราสาท 3 ปราสาท และช่องบกในบริเวณสามเหลี่ยมมรกตว่าเป็นของเขา เขาทำสงครามอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม เพราะปราสาทที่เขาอยากได้นั้นเป็นศิลปะขอม แต่เขาลืมไปว่าเป็นกษัตริย์ขอมที่สร้างปราสาทเหล่านั้นในช่วงที่ขอมเป็นประเทศราชของสยาม และตอนนั้นก็ไม่มีประเทศกัมพูชา แม้ศิลปะจะเป็นอัตลักษณ์ของขอม แต่สร้างในดินแดนของไทย แล้วเขาจะมาอ้างเอาดินแดนได้อย่างไร สิ่งปลูกสร้าง จะสร้างโดยใครก็แล้วแต่ หากสร้างในแผ่นดินของใคร สิ่งปลูกสร้างนั้น ก็ต้องเป็นของเจ้าของพื้นที่ เขาทำเช่นนี้ทั้งๆ ที่เขาต้องรู้ประวัติศาสตร์เรื่องชาติของตนว่าประเทศกัมพูชาไม่ใช่อาณาจักรขอม และดินแดนที่เป็นกัมพูชาเวลานี้ก็อยู่ในอาณาจักรสยามมาก่อน จนกลายเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ตระกูลของเขากำลังเสียคะแนนเสียง เพราะปกครองประเทศมากว่า 40 ปี ไม่ทำให้ประเทศเจริญรุ่งเรืองอะไรเลย คนกัมพูชายากจนหางานทำไม่ได้ ต้องเข้ามาเป็นแรงงานในประเทศไทย มาเป็นขอทานในประเทศไทย เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่เป็นสมาชิก ASEAN เขาก็แย่มากๆ สู้หลายประเทศไม่ได้ ทั้งไทยและเวียดนามที่อยู่ติดกับเขา มีรายงานว่ากัมพูชาเป็นประเทศที่เป็นอาชญากรสากลในหลายๆ ด้าน ที่ทำให้ภาพลักษณ์ชื่อเสียงของประเทศเสียหายเป็นอย่างมาก ประเทศกัมพูชาหาเลี้ยงประเทศด้วยธุรกิจสีเทา ทั้งแก๊ง call center การค้ามนุษย์ และบ่อนการพนัน รายได้ส่วนนี้นอกจากจะใช้ในการพัฒนาประเทศแล้ว ยังเป็นรายได้ที่สร้างความมั่งคั่งให้กับตระกูลของผู้นำของเขาด้วย เขาจึงไม่พอใจที่ไทยปล่อยให้จีนมาปราบแก๊ง call center ทางชายแดนไทย-พม่าและชายแดนไทย-กัมพูชา เพราะเขาเสียผลประโยชน์ ก็เลยออกมาฟาดหัวฟาดหาง เป็นอันธพาลจะยึดเอาดินแดนของไทยด้วยศิลปะของปราสาทเหล่านั้นเป็นอัตลักษณ์ของขอม
ตอนนี้ เขากำลังทำบุญคุณกับประเทศไทยที่เขาเคยช่วยเหลือคนไทยที่หนีคุกหนีคดีไปพำนักอยู่ในประเทศเขา นั่นมันเป็นบุญคุณส่วนบุคคล แต่ประเทศกัมพูชาเป็นหนี้บุญคุณประเทศไทยในระดับประเทศ เวลาพระราชวงศ์ของเขาเดือดร้อนจากการคุกคามของเวียดนาม ก็ต้องหนีมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระมหากษัตริย์ไทย ต่อมาเมื่อไทยปราบญวนในเขมรได้ ก็สถาปนาให้เป็นกษัตริย์เขมรในฐานะประเทศราชที่ต้องส่งดอกไม้เงินดอกไม้ทองมาเป็นบรรณาการให้ไทย
ในยุคเขมรแดงครองอำนาจ เป็นช่วงเวลาที่เขมรแดงปกครองกัมพูชา มันคือช่วงเวลาที่เลวร้ายและดำมืดมากที่สุดในประวัติศาสตร์กัมพูชา เขมรแดงสังหารชาวกัมพูชาไปกว่า 1 ล้าน 7 แสนคนจากประชากรที่มีทั้งหมด 8 ล้านคน รัฐบาลไทยร่วมกับสำนักงานข้าหลวงผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติจัดตั้งค่ายผู้ลี้ภัยหลายจุดตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ให้ความช่วยเหลือด้านที่พัก อาหาร ยารักษาโรค การศึกษาและการฝึกอาชีพด้วย เขมรหวิดเป็นเมืองขึ้นเวียดนามหลายครั้ง รอดมาได้เพราะไทย มีตัวตนในประชาคมโลกเพราะไทย แสดงว่าไทยมีบุญคุณกับเขมรอย่างแท้จริงที่ทำให้กัมพูชามีตัวตนเป็นประเทศเอกราช
การที่เขมรเป็นแบบนี้ เป็นเพราะมี DNA ของพระยาละแวก กษัตริย์เขมรที่ครองเมืองละแวกในช่วงต้นกรุงศรีอยุธยา มีชื่อเสียงในฐานะผู้ทรยศต่อไทยและเป็นศัตรูที่ก่อกวนไทยอย่างต่อเนื่องในสมัยที่กรุงศรีอยุธยากำลังเผชิญกับศึกสงครามหลายด้าน สมเด็จพระนเรศวรจึงยกทัพสี่ทัพเข้าตีกัมพูชาอย่างราบคาบ จับพระยาละแวกประหารและทรงเอาเลือดล้างพระบาท และตอนนี้ลูกหลานของพระยาละแวกก็กำลังทำแบบเดิม คือ อกตัญญูต่อประเทศไทยที่เคยมีบุญคุณต่อกัมพูชามาช้านาน ตั้งแต่อยุธยาจนถึงรัตนโกสินทร์.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถึงแม้จะไม่ปรารถนา...แต่ว่าบางครั้งยังจำเป็น
ในสังคมประชาธิปไตย การจะได้รัฐบาล ต้องผ่านครรลองของการเลือกตั้ง ไม่ใช่รัฐประหาร ในเมื่อประเทศไทยเป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เทศนาปาฏิหาริย์!!!
ด้วยเหตุเพราะอ่านหนังสือซะหมดบ้าน!!! อย่างที่เคยบอกๆ เอาไว้แล้ว ก็เลยต้องหันไปคว้าหนังสือเก่า ว่าด้วยเรื่อง จาริกบุญ-จารึกธรรม ของ พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต)
จับตา 'เรือฟริเกต' ลำที่ 2
เกือบครบ 1 เดือนพอดีตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2568 ที่ ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. มีหนังสือบันทึกข้อความ เรื่องประกาศลำดับอาวุโสข้าราชการตำรวจ
ดร.เสรี ลั่นไม่อยากให้มีเลือกตั้งแบบที่เป็นอยู่! ชี้ประชาธิปไตยไทยบ่มมาตั้งแต่ 2475 แต่กลับเน่า
ดร.เสรี วงษ์มณฑา ระบุไม่อยากให้มีการเลือกตั้งแบบที่เป็นอยู่มา 20 ปี จนกว่าคนไทยส่วนใหญ่จะพร้อม ชี้ประชาชนยังเลือกเพราะประชานิยมและกระแสประชาธิปไตยโดยไม่สนผลเสียประเทศ เปรียบประชาธิปไตยไทย “ผลไม้ที่ถูกสอยก่อนแก่” บ่มเท่าไรก็ไม่สุกหวาน มีแต่จะเน่าเสีย
ไทม์ไลน์ระยะจุดระเบิดสู่ระยะคลี่คลายทางการเมืองรอบนี้
ในที่สุดความผันผวนจัดทางการเมืองที่มาพร้อมกับ ความอึดอัด กลืนไม่เข้าคายไม่ออก คล้ายๆ การเมืองถูกตรึง ที่เคยทำนายไว้ว่า จะเกิดระหว่าง 19 พฤษภาคม-23 สิงหาคม 2568 อันจะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงที่ สูงกว่าปรับคณะรัฐมนตรี
ดร.เสรี เตือนลั่นระวังไม่มีแผ่นดินอยู่!
30 มิถุนายน 2568 - ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า ต้องออกมาไล่เพราะไม่ไหวแล้วจริงๆ