บันทึกหน้า 4

ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด ความพยายามยื้อชีวิตแพทองธาร ชินวัตร ในทางการเมืองต่อไป แม้เป็นในทางยุทธศาสตร์แก้ปัญหาข้อพิพาทไทยกัมพูชาหลังคลิปหลุดออก ก็พอเข้าใจได้ เพราะหากลาออกทันที ก็เข้าทางฝ่ายเขมร 

แต่การยื้อชีวิตครั้งนี้ในทางการเมืองก็ต้องแลกกับความล่มสลายของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในเงื้อมมือ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค

 “สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีต กกต. โพสต์ว่า มีสิ่งใดจากปากของนักการเมืองที่ประชาชนเชื่อถือได้บ้าง กรณีศึกษาของพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นตัวอย่างที่เป็นบทเรียนได้เป็นอย่างดี การปล่อยข่าวหลังประชุมพรรคว่า พรรคมีมติขอให้นายกรัฐมนตรีลาออก มิเช่นนั้นพรรคจะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลกล้าหาญ มีอุดมการณ์รักชาติ เยี่ยงวีรบุรุษกอบกู้สถานการณ์วิกฤต  

สองวันถัดมายังมีแกนนำระดับกรรมการบริหารพรรคอย่างน้อย 2 ราย ออกมาตอกย้ำยืนยันมติให้มวลชนเกิดความเชื่อมั่น “ไม่ออก เราออก” ไม่มีใครที่ออกมาบอกว่า ไม่มีมติ เป็นการปล่อยข่าว เป็นที่เข้าใจผิด

ข่าวคุณพีระพันธุ์เข้าพบผู้จัดตั้งรัฐบาลที่บ้านจันทร์ฯ ถูกปล่อยว่าเข้าพบแล้วได้เงื่อนไข นายกฯขออยู่จน พ.ร.บ.งบประมาณผ่านสภา จึงลาออก  

ในขณะที่ข่าวรอง รายงานว่า เป็นการเข้าพบเพื่อต่อรองตำแหน่ง ขออยู่ในตำแหน่งเดิม จนบ่ายวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน 2568 มีข่าวนายกฯ เชิญแกนนำทุกพรรคมาตกลงครั้งสุดท้ายก่อนปิดจ๊อบรัฐบาลแพทองธาร 1/2 โฆษกพรรคจึงออกมาแถลงว่า “พรรคไม่เคยมีมติให้นายกฯ ลาออก มิเช่นนั้นจะถอนตัว” บ่ายแก่ ถ่ายภาพหมู่แกนนำพรรคการเมือง มีคุณพีระพันธุ์ยืนยิ้มด้วยความภาคภูมิใจว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่ตกรถไฟ

สมแล้วกับฉายาพีระพัง ไม่ได้พังเพียงชื่อเสียงเกียรติคุณในอดีตของคุณ ไม่ได้พังความเชื่อมั่นในอุดมการณ์พรรครวมไทยสร้างชาติ แต่พังความเชื่อถือในนักการเมืองไทยว่า ต่อจากนี้ สิ่งที่พูดออกมาทั้งหลายให้ตีค่าเป็นศูนย์ได้ พีระพัง “พัง” จริงครับ

ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระและอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Kittitouch Chaiprasith ระบุว่า จากนี้จับตาดูต่อครับว่า จุติ ไกรฤกษ์, วิทยา แก้วภราดัย และ 3 สส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ออกมาบอกว่า "ถ้าแพทองธารไม่ลาออก พวกเราจะออกเอง" อันนี้ทั้ง 5 ท่านจะลาออกจากการเป็น สส. หรือพรรครวมไทยสร้างชาติ ตามที่ได้พูดไว้หรือไม่?

หรือว่า ถ้าคิดว่าไม่ได้เล่นการเมืองต่อแล้ว และเขาเสนอตำแหน่งให้ ก็ไม่ต้องสนคำสาปส่งของประชาชน แล้วอยู่ต่อให้เป็น "เกียรติยศ" แก่ตนเองและวงศ์ตระกูลต่อไปได้ ซึ่ง 2 คนแรกอาจทำแบบนั้นได้ เพราะอายุเยอะแล้ว อาจจะครั้งสุดท้าย ไม่ต้องสนใจคำพูดที่ให้ไว้กับประชาชน

แต่ 3 สส.ชุมพร ที่เป็น สส.เขต น่าจับตาดูมากกว่าว่าจะเอายังไง เพราะถ้าไปต่อกับพรรคสภาพนี้ ครั้งหน้าสอบตกแน่ กลับกันถ้าลาออกวันนี้ แล้วไปเข้า ภท. ครั้งหน้าโอกาสเข้าสภาสูงมาก ก็รอดูกันครับ

เทพไท เสนพงศ์ อดีต สส. โพสต์ว่า จดชื่อประจานบนหนังหมา ผลของการประชุมพรรคร่วมรัฐบาล ที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้เชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด เข้าหารือเกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรี ที่โรงแรมโรสวูด ถนนเพลินจิต หลังจากหารือกันเสร็จ ได้ปรากฏภาพแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคนั่งคุยกัน ถ่ายรูปกันอย่างชื่นมื่น

ทั้งนี้ ขอพูดในภาพรวมว่า การที่พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคจับมือกันผลักดันให้รัฐบาลนางสาวแพทองธาร โดยไม่แคร์ความรู้สึกของประชาชน ไม่แคร์กระแสสังคม ถือว่าเป็นความท้าทายทางการเมืองเป็นอย่างยิ่ง

 “ขอให้ประชาชนคนไทย นำบทกวีของจิตร ภูมิศักดิ์ มาใช้ คือ “นักการเมืองชั่ว ยอมขายตัวเพื่อเงินตรา จารึกบนหนังหมา ประจานนานชั่วหลานเหลน” คือต้องเอาชื่อพรรคการเมืองเหล่านี้ ที่ผลักดันให้นางสาวแพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป มาประจานบนหนังหมา จารึกชื่อบนหนังหมา ประจานนานชั่วหลานเหลน และขอให้จดจำรายชื่อพรรคการเมือง นักการเมืองเหล่านี้ไว้ ค่อยคิดบัญชีกันในคูหาเลือกตั้งครั้งต่อไป”.

 

คางดำ 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

ถึงคิว "พรรคส้ม" หลังประชาธิปัตย์ประเดิมเปิด 100 รายชื่อปาร์ตี้ลิสต์เป็นพรรคแรก ถึงแม้จะเป็นการเรียงตามตัวอักษร ไม่ใช่เรียงลำดับที่แท้จริงก็ตาม พอเดากันได้ว่า 3 อันดับแรก น่าจะเป็น 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

บันทึกหน้า 4

ต้องบอกว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ณ วันนี้ยังคงร้อนแรงอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็อย่างที่เคยบอกไว้แล้วว่า หาก “ระบอบฮุน เซน” ไม่ตายจากดินแดนเขมร ก็ยากหาความสงบลงได้

บันทึกหน้า 4

ปี่กลองเลือกตั้งดังสนั่น หลังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 เป็นวันเลือกตั้ง สส. ส่วนวันที่ 27-31 ธ.ค.2568 เป็นวันรับสมัคร สส.แบ่งเขตเลือกตั้ง 28-31 ธ.ค.2568 วันรับสมัค สส.บัญชีรายชื่อ ส่วนการทำประชามติเรื่องยกเลิกMOU 43 และ MOU 44 คงไม่มีแล้ว โดย นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล

บันทึกหน้า 4

ขอเข้าโหมดเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ หลังคำสั่งยุบสภาเมื่อ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้สนามการเมืองที่อุ่นๆ กลายเป็นเตาแก๊สเปิดไฟแรงในพริบตา เลือกตั้งต้นปี 2569 ยังไม่ทันมาถึง แต่เกมช่วงชิงอำนาจเริ่มเดือดเกินองศา

บันทึกหน้า 4

บันทึกตอกย้ำบรรทัดแรกว่า "ไทยนี้รักสงบ!!" จากวันแรกที่มีสยามประเทศ ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศผู้รุกรานเชิงจักรวรรดินิยม ไม่เคยสร้างอาณานิคมในต่างแดน เราจะลุกขึ้นสู้เพื่อป้องกันตนเอง หรือตอบโต้ เพื่อการรักษาดินแดนของตัวเองเท่านั้น

บันทึกหน้า 4

ยังไม่ถึงเวลา! วันศุกร์นี้ "รัฐบาลอนุทิน" ยังคาดเข็ดขัดนิรภัยต่อ แม้ "นายกฯ หนู" จะบอกว่าพร้อมยุบสภาทุกเมื่อ เตรียมพระราชกฤษฎีการอไว้แล้ว ถึงจะเลื่อนเร็วขึ้นจากไทม์ไลน์เดิม 31 ม.ค. 69 แต่ไม่ใช่ 12 ธ.ค.