
ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด ช่วงนี้ไม่เพียงแต่เรื่องความชอบธรรมของรัฐบาลเพื่อไทย หลังเกิดวิกฤตคลิปลุง-หลาน ขณะที่แกนนำพรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาชน ภายใต้การนำของ หน.เท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ก็ถูกตั้งคำถามถึงการทำหน้าที่เช่นกัน
สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. สะท้อนพฤติกรรมช่วงนี้ว่า นอกจากปากที่กล่าวว่าต่อต้านรัฐประหาร นักการเมืองต้องช่วยกันใช้กลไกในระบอบประชาธิปไตยเพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมืองด้วย
ม็อบจุดติด กลายเป็นม็อบติดไฟที่โดนฝ่ายการเมืองทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน รุมประณามว่ากวักมือเรียกรัฐประหาร จากคำอภิปรายบนเวทีของสนธิ ลิ้มทองกุล
การยืนหยัดในหลักการไม่เอารัฐประหารเป็นสิ่งที่ต้องชื่นชม แต่นักการเมืองที่ปากประณามรัฐประหาร ต้องเชื่อมั่น ศรัทธา และทุ่มเทใช้กลไกทุกอย่างในระบอบประชาธิปไตยเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นด้วย
1.เมื่อเคยอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีแพทองธาร เมื่อเดือนมีนาคม 2568 ว่ามีพฤติกรรมไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ กรณีใช้ตั๋วสัญญา PN แบบไม่ระบุวันคืน ไม่มีดอกเบี้ยกับคนในครอบครัวเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีมากกว่า 200 ล้านบาท แม้ลงมติแพ้ในสภา ก็สมควรใช้กลไกยื่น ป.ป.ช. หรือศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยต่อว่า นายกฯ ขาดคุณสมบัติเรื่องความซื่อสัตย์หรือไม่ แต่ท่าน (พรรคประชาชน)ไม่ทำ
2.เมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงการสนทนาระหว่างแพทองธารกับฮุน เซน มีการใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมกับการเป็นผู้นำประเทศ เช่น การว่าร้ายแม่ทัพภาค 2 การเสนอว่าอีกฝ่ายอยากได้อะไรให้บอก เมื่อผิดพลาดควรแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก แต่ท่าน (แพทองธาร) ไม่ทำ
3.เมื่อจะจัดตั้ง ครม.ชุดใหม่ หลังจากพรรคภูมิใจไทยถอนตัว โดยมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ท่านมีโอกาสถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล แต่ท่าน (พรรคร่วมรัฐบาล) ไม่ทำ
4.เมื่อพรรคภูมิใจไทยพยายามใช้ช่องทางการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา แต่เสียงไม่พอ เพราะต้องมีเสียง สส.ลงชื่อ 99 เสียง แต่ท่าน (พรรคประชาชน) ไม่ทำ โดยอ้างว่า ไม่ควรทำพร่ำเพรื่อ
5.ไม่อยากให้ประชาชนเขาลงถนน เกรงว่าจะเป็นการกวักมือเรียกทหารมายึดอำนาจ ฝ่ายการเมืองต้องแสดงให้เห็นว่า ท่านใช้กลไกทางการเมืองอย่างเต็มที่ในการแก้ไขปัญหา ไม่ใช่ ซูเอี๋ย หรือแผ่นเสียงตกร่องว่าให้ยุบสภาอย่างเดียว หรือ จะให้เชื่อว่า ปฏิญญาฮ่องกง มีจริง
๐ ทางด้านภูมิใจไทย หลังถอนตัวจากรัฐบาล กระแสก็ดีขึ้น พร้อมแสดงจุดยืนการแก้ปัญหาด้วย กลไกรัฐสภา ล่าสุดเฟซบุ๊กเพจพรรคภูมิใจไทย นำเสนอ ประเทศไทย จะไปทางไหน? ระหว่างลาออก ยุบสภา และรัฐประหาร
โดยให้สัญญาณไฟเขียว “นายกฯ ลาออก” พร้อมนำเสนอขั้นตอนนายกฯ พ้นจากตำแหน่ง กลไก สส. และสภายังอยู่ และสรรหานายกฯ ใหม่ จากรายชื่อประกอบด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทย, พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จากพรรครวมไทยสร้างชาติ, นายชัยเกษม นิติสิริ จากพรรคเพื่อไทย, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จากพรรคประชาธิปัตย์
ขณะที่ไฟเหลือง “ยุบสภา” สภาผู้แทนฯ สิ้นสุด สส.พ้นจากตำแหน่ง เดินหน้าสู่การเลือกตั้งใหม่ นายกฯ คนเดิมยังรักษาการจนกว่าจะได้นายกฯ ใหม่ (อาจนานถึง 5-6 เดือน) เศรษฐกิจแย่ นักลงทุนชะลอตัว จนกว่าจะได้รัฐบาลใหม่ ใช้งบแผ่นดินอีก 6,000 ล้านบาท
ไฟแดง “รัฐประหาร” ยึดอำนาจ สิ้นสุดกระบวนการประชาธิปไตยทั้งหมด, วนลูปม็อบและประเทศหยุดชะงัก, หมดงบไปกับการรักษาความสงบ ประชาชนอยู่ตรงไหน?
ฉะนั้นแนวทางของพรรคสีน้ำเงินน่าจะเห็นด้วยกับการให้ นายกฯ ลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง และบ้านเมืองก็ไปได้ ยังไม่ถึงทางตัน โดยมีแคนดิเดตนายกฯ ในตะกร้าให้สภาเป็นผู้เลือก.
คางดำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน
บันทึกหน้า 4
ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว
บันทึกหน้า 4
หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว
บันทึกหน้า 4
ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย
บันทึกหน้า 4
น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.


