
ไทยโพสต์ "อิสรภาพแห่งความคิด" www.thaipost.net หมาลอบกัด! "การกระทําอันเลวร้าย และไร้เกียรติ เยี่ยงสุนัขลอบกัดของกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ทั้งๆ ที่กัมพูชา เป็นรัฐภาคีหนึ่งในอนุสัญญานี้ และการระดมยิงอาวุธชนิดต่างๆ เข้ามาในพื้นที่ชุมชนของไทย เป็นการกระทําที่ป่าเถื่อนรุนแรง โดยไม่สนใจที่จะรักษาความสัมพันธ์อันดีกับเพื่อนบ้าน และไม่ไยดีต่ออันตราย ที่จะเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนคนไทยที่อยู่อาศัยในพื้นที่ชายแดน ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า กัมพูชาจงใจทําร้ายประเทศไทยและประชาชนคนไทย โดยมีการวางแผนเตรียมการไว้ล่วงหน้า ด้วยความมุ่งร้ายต่อประเทศไทย" คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา นำโดย "พลเอกสวัสดิ์ ทัศนา" ประธาน กมธ.
แถลงการณ์ประณามการกระทําไร้ยางอายของกัมพูชา ในที่สุดมาถึงจุดที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น คือความสูญเสียของพี่น้องคนไทย ที่ผ่านมาไทยยึดแนวปฏิบัติอดทนอดกลั้น ยึดเจรจาสันติวิธีในการแก้ปัญหาข้อพิพาทมาตลอด ขณะที่อีกฝ่ายใช้วิธีพยายามยั่วยุปลุกปั่นปล่อยเฟกนิวส์ต่างๆ นานา กระทั่งใช้วิธีสกปรกวางกับระเบิด จนทหารไทยบาดเจ็บหลายราย หนำซ้ำยังหน้าหนาโกหกชาวโลกว่าไทยยิงก่อน ชั่วร้ายไร้มนุษยธรรมโจมตีไม่เลือกขนาดโรงพยาบาลยังไม่เว้น ในเมื่อเราปฏิบัติแบบอารยประเทศ แต่เขมรใช้วิถีอันธพาล ยากที่จะจบลงด้วยดี ขอเป็นหนึ่งกำลังใจส่งถึงเหล่าทหารหาญ ด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพและสรรพกำลังของกองทัพ "ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด"
๐ เป็นอีกเรื่องที่พรรคเพื่อไทยหมายมั่นปั้นมือ เดินหน้าเต็มสูบ ยิ่งในภาวะสถานการณ์รัฐบาลง่อนแง่น หวังใช้หาเสียงเอาใจคนเสื้อแดง โดยทันทีที่สภาไฟเขียว 3 ร่างกฎหมายนิรโทษกรรม เมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา พท.ตีปี๊บทันควัน จะช่วยปลดบ่วงพันธนาการอย่างน้อย 3,254 ชีวิต ครอบคลุมคดีการเมืองตั้งแต่ปี 2548-2565 โดยกลุ่ม นปช. เสื้อแดง ได้อานิสงส์ 1,150 คน ม็อบราษฎร 1,683 คน พันธมิตร 200 คน กปปส. 221 คน จึงไม่แปลกใจ กับผลการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข นัดแรก ที่ประชุมมีมติเลือก "เต้น" ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกฯ นั่งแท่นประธาน กมธ. "นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์" สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นรองประธาน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ "เด็จพี่" พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษก คนพรรคเดียวกัน ออกมาเรียกร้องให้ "เต้น" อดีตเลขาธิการ นปช. กับหมอเชิดชัย อดีตแกนนำเสื้อแดงอีสาน ถอนตัวจาก กมธ. เพราะเสี่ยงผลประโยชน์ทับซ้อน ในฐานะมีส่วนได้ส่วนเสียกับกฎหมายดังกล่าว ก็เป็นเหตุผลที่น่าฟัง แต่เด็จพี่ลืมไปหรือเปล่าว่า ความถูกต้องเหมาะสมเป็นเรื่องรองของพรรคเพื่อแม้ว ความถูกใจ (นายใหญ่) และผลประโยชน์นี่สิประเด็นหลัก มิน่าช่วงหลังนายไม่ค่อยได้ใช้บริการเด็จพี่เลย
๐ ปล่อยให้ 2 พรรคร่วมรัฐบาล รวมไทยสร้างชาติกับกล้าธรรม แย่งกันตั้งนาน หลัง "ภราดร ปริศนานันทกุล" ลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ตามมติถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทย ขนาดภายในพรรค รทสช. ที่แตกเป็น 2 เสี่ยง ยังชิงกันเอง "กลุ่ม 18” เตรียมดัน “ธนกร วังบุญคงชนะ" รองหัวหน้าพรรคและ สส.บัญชีรายชื่อ ส่วนฝั่งหัวหน้าพีระพันธุ์ จ่อส่ง "อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์" สส.ราชบุรี เข้าประกวด ขณะที่กล้าธรรม ผู้กองธรรมนัส วางตัว "สะถิระ เผือกประพันธุ์" สส.ชลบุรี สุดท้ายเพื่อไทยประกาศเก้าอี้ข้าใครอย่าแตะ ที่แท้หวงไว้แก้ปัญหาพรรคตัวเอง แบ่งชามข้าวให้ สส.อีสานเพื่อไทย ปลอบใจหลังอกหักจากเก้าอี้รัฐมนตรี ใน ครม.อิ๊งค์ 2 งานนี้ "ฉลาด ขามช่วง" สส.ร้อยเอ็ด ได้ตำแหน่งสมใจ เจ้าตัวถึงกับให้คำมั่นกลางสภา "จะวางตัวเป็นกลางทางการเมือง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของสภา รักษาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน" พูดคำไหนคำนั้นนะ อย่าลืมว่ารองประธานคนเก่าทำมาตรฐานไว้ดี ก็อย่าให้ด้อยกว่าเขาละกัน.
ลี้คิมฮวง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
บรรยากาศการเมืองไทยเวลานี้ ถ้าใครยังคิดว่าเป็นช่วงพักหายใจ บอกเลยคิดผิด เพราะสนามจริงของการเลือกตั้งปี 2569 เปิดเกมกันแล้วแบบไม่ต้องรอเสียงนกหวีด ใครมีของก็เริ่มโชว์ ใครยังตั้งหลักไม่ทันก็เริ่มเห็นทรงชัดขึ้นทุกวัน พรรคใหญ่ พรรคเล็ก ต่างขยับกันคึก แต่พรรคที่ถูกสปอตไลต์ส่องแรงสุด นาทีนี้หนีไม่พ้น “เพื่อไทย”
บันทึกหน้า 4
บันทึกในวันที่การเมืองเรื่องศึกเลือกตั้งใหญ่ 8 ก.พ.2569 คึกคักๆ ไม่มีการกั๊กกันอีกต่อไป ...0
บันทึกหน้า 4
ถึงคิว "พรรคส้ม" หลังประชาธิปัตย์ประเดิมเปิด 100 รายชื่อปาร์ตี้ลิสต์เป็นพรรคแรก ถึงแม้จะเป็นการเรียงตามตัวอักษร ไม่ใช่เรียงลำดับที่แท้จริงก็ตาม พอเดากันได้ว่า 3 อันดับแรก น่าจะเป็น 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
บันทึกหน้า 4
ต้องบอกว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ณ วันนี้ยังคงร้อนแรงอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็อย่างที่เคยบอกไว้แล้วว่า หาก “ระบอบฮุน เซน” ไม่ตายจากดินแดนเขมร ก็ยากหาความสงบลงได้
บันทึกหน้า 4
ปี่กลองเลือกตั้งดังสนั่น หลังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 เป็นวันเลือกตั้ง สส. ส่วนวันที่ 27-31 ธ.ค.2568 เป็นวันรับสมัคร สส.แบ่งเขตเลือกตั้ง 28-31 ธ.ค.2568 วันรับสมัค สส.บัญชีรายชื่อ ส่วนการทำประชามติเรื่องยกเลิกMOU 43 และ MOU 44 คงไม่มีแล้ว โดย นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล
บันทึกหน้า 4
ขอเข้าโหมดเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ หลังคำสั่งยุบสภาเมื่อ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้สนามการเมืองที่อุ่นๆ กลายเป็นเตาแก๊สเปิดไฟแรงในพริบตา เลือกตั้งต้นปี 2569 ยังไม่ทันมาถึง แต่เกมช่วงชิงอำนาจเริ่มเดือดเกินองศา

