หลายครั้งที่สงครามหรือสันติภาพขึ้นกับมหาอำนาจ โลกจะสงบสุขหรืออยู่ในสงครามขึ้นกับว่าแบบไหนที่มหาอำนาจได้ประโยชน์มากกว่า โลกไม่สวย อย่าไร้เดียงสา
ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ มนุษย์อยู่ในโลกโดยไร้การควบคุม หรือเรียกอีกอย่างว่ากฎแห่งป่า (law of the jungle) อันหมายถึง สัตว์ที่แข็งแรงกว่าฉลาดกว่าคือตัวที่อยู่รอด ส่วนที่อ่อนแอฉลาดน้อยจะกลายเป็นเหยื่อ
คนจีนฮั่นโจมตีมองโกล คนมองโกลรุกรานฮั่น ไทยรบกับพม่า พม่าตีไทย ไทยตีพม่า ไม่มีกติกา
ว่าห้ามฆ่าทำลายอีกฝ่าย ห้ามยึดครองหรือจับเชลยเป็นทาส
เมื่อพิจารณาภาพรวมโลกปัจจุบัน เมืองมีเจ้าเมือง ประเทศมีผู้ปกครอง แต่โลกยังไม่มีรัฐบาลโลกที่สามารถบริหารจัดการให้นานาชาติอยู่ร่วมกันโดยสันติอย่างแท้จริง ตลอดประวัติศาสตร์จนถึงทุกวันนี้เต็มด้วยการต่อสู้แย่งชิง

รูป: กฎแห่งป่าในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
เครดิตรูป: ภาพจากปัญญาประดิษฐ์
“กฎแห่งป่า” ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศปัจจุบัน หมายถึง สถานการณ์ที่อำนาจและผลประโยชน์ของรัฐเป็นตัวกำหนดความสัมพันธ์ ความต้องการของประเทศต่างๆ อยู่เหนือกฎเกณฑ์ กฎหมาย หลักศีลธรรม เปรียบเสมือนการเอาตัวรอดในป่าใหญ่ ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด
อนาธิปไตย:
บางคนอธิบายการช่วงชิงแข่งขันระดับโลกโดยใช้หลักอนาธิปไตย (Anarchy)
ถ้ายึดรัฐเป็นตัวตั้ง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมีลักษณะอนาธิปไตย (Anarchy) คือภาวะที่ไม่มีอำนาจกลางที่สามารถกำกับควบคุมรัฐต่างๆ หรือไม่มีรัฐบาลโลกที่มีอำนาจสูงสุดในการบังคับใช้กฎเกณฑ์ ควบคุมพฤติกรรมของรัฐต่างๆ
บางรัฐจึงเป็นมิตรต่อกัน และกับบางรัฐเป็นศัตรูต่อกัน
สภาพอนาธิปไตยทำให้ทุกประเทศต้องพึ่งพาตัวเอง พร้อมทำสงครามกับทุกประเทศ แม้กระทั่งประเทศที่เป็นมิตร การพึ่งพาตัวเองในที่นี้ไม่ใช่การไม่สัมพันธ์กับใคร ในทางกลับกัน ต่างพยายามร่วมมือกับประเทศอื่นๆ เพื่อประโยชน์ร่วมกัน การอยู่โดดเดี่ยวเสียประโยชน์ทั้งในภาวะปกติกับภาวะสงคราม
ประเทศเพื่อนบ้านมักเป็นทั้งมิตรกับศัตรูพร้อมกัน บางกรณีต่อหน้าเป็นมิตรแต่ใช้ปฏิบัติการลับเพื่อฉกฉวยผลประโยชน์ บ่อนทำลายเพื่อนบ้าน 2 ประเทศเห็นตรงกันบางเรื่องและเห็นต่างบางเรื่อง มักเป็นเช่นนี้เสมอ
เกิดคำถามว่า แท้จริงแล้วเพื่อนบ้านเป็นมิตรหรือศัตรูกันแน่ คำตอบคือเป็นสภาพของความร่วมมือคู่ความขัดแย้ง เฝ้าระวังกันและกัน หวาดระแวงตลอดเวลา
ดังคำกล่าวว่า ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร มีแต่ผลประโยชน์ร่วมเท่านั้น
ทุกประเทศ (รัฐบาล) มีอุดมคติ มีอุดมการณ์หรือเป้าหมายสูงสุด แต่ยากจะบรรลุอุดมคติ ในทางปฏิบัติจึงมุ่งบรรลุเป้าหมายที่ทำได้จริงหรือเท่าที่ทำได้ ภายใต้บริบทที่เป็นอยู่
หากจำต้องเสียหาย ขอให้ฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้สูญเสียมากกว่า แม้จะเกิดจากความเข้าใจผิดก็ตาม
ภายใต้อนาธิปไตยไม่ได้หมายความว่าโลกจะต้องอยู่ในความโกลาหลวุ่นวายตลอดเวลา รัฐต่างๆ พยายามควบคุมให้อยู่ในการแข่งขันช่วงชิงที่ควบคุมได้ เพราะการควบคุมได้คือควบคุมให้อยู่ในเป้าหมายหรือทิศทางที่ต้องการ ได้ประโยชน์สูงสุดจากสถานการณ์
ถ้าติดตามข่าวจะพบว่าเมื่อเกิดความขัดแย้ง ประเทศเพื่อนบ้านจะร้องขอให้เจรจา สหประชาชาติขอให้ยับยั้งชั่งใจ ไม่ขยายความรุนแรง จะมีบางประเทศเสนอตัวช่วยเจรจาให้กลับสู่ความสงบ เป็นภาพที่นานาชาติไม่อยากเห็นความขัดแย้งลุกลามบานปลาย โดยเฉพาะความขัดแย้งที่ส่งผลต่อเพื่อนบ้าน ต่อนานาชาติ
หากมีประเด็นขัดแย้งเรื่องความมั่นคงทางทหาร ต่างฝ่ายจะเพิ่มพลังอำนาจทางทหาร พัฒนากำลังรบ ซื้อหาอาวุธใหม่ เกิดการแข่งขันสะสมอาวุธ เกิดคำถามว่าควรปล่อยเช่นนี้หรือควรเจรจาเพื่อลดความร้อนแรง
ระบบโลกไม่สมบูรณ์:
เราผ่านสงครามโลกมาแล้ว 2 ครั้งกับสงครามเย็นอีก 1 ครั้ง นานาชาติเรียนรู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากอดีต เกิดสหประชาชาติเพื่อรักษาสันติภาพกับความมั่นคงระหว่างประเทศ พัฒนาความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างประชาชาติทั้งหลาย ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ ช่วยกันแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม หรือมนุษยธรรม และเป็นศูนย์กลางสำหรับประสานการดำเนินการของประชาชาติ
อย่างไรก็ตาม สหประชาชาติไม่ใช่คำตอบของทุกปัญหา ความขัดแย้งหลายอย่างคงอยู่ อีกทั้งตัวองค์กรมีปัญหาเฉพาะของตัวเอง
ตัวอย่าง องค์การการค้าโลก (WTO) เป็นองค์การภายใต้สหประชาชาติ เป็นครั้งแรกของโลกที่มีองค์การดูแลการค้าทั้งโลก แต่หลายครั้งที่องค์กรนี้ไม่สามารถจัดการปัญหาการค้าระหว่างสมาชิก
องค์การการค้าโลกสร้างคุณประโยชน์มหาศาล แต่ไม่สามารถจัดการแก้ทุกปัญหา
องค์การระหว่างประเทศไม่ใช่คำตอบของทุกสิ่ง ประเทศจึงไม่สามารถฝากความหวังไว้กับองค์การระหว่างประเทศ ด้วยความเชื่อว่าองค์การเหล่านี้จะให้ชาติมั่นคงมั่งคั่งสืบไป
โลกไม่ได้สวยงามถึงขนาดสามารถฝากความมั่นคงไว้กับองค์การเหล่านั้น ถ้าพูดให้ลึกกว่านั้น องค์การระหว่างประเทศเป็นการกดขี่ขูดรีดระดับโลก ที่บางประเทศได้ประโยชน์มากกว่า
อำนาจที่ไม่เท่าเทียม:
คณะมนตรีความมั่นคงเป็นองค์กรหลักของสหประชาชาติที่สะท้อนความไม่เป็นกลางมากที่สุด Richard N. Haass สรุปว่า “บทบาทของสหประชาชาติจะเป็นอย่างไรขึ้นกับมหาอำนาจต้องการให้เป็นอย่างนั้น เพราะสหประชาชาติไม่มีอธิปไตยในตัวเอง มหาอำนาจต้องเห็นพ้องกันก่อน สหประชาชาติจึงลงมือทำตาม หากมหาอำนาจตกลงกันไม่ได้ สหประชาชาติได้แต่นั่งดูเฉยๆ นี่คือแนวคิดของคณะมนตรีความมั่นคง”
คณะมนตรีความมั่นคงคืออีกตัวอย่างที่ชี้ว่า โลกไม่สวย อย่าไร้เดียงสา ระบบโลกปัจจุบันอยู่ใต้อิทธิพลของมหาอำนาจ
นักวิชาการบางคนอธิบายเหตุที่สหประชาชาติไม่อาจแสดงบทบาทเท่าเทียม เพราะองค์กรนี้กำเนิดบนรากฐานสำนักคิดแบบอุดมคตินิยม (Idealism) ร่วมกับสัจนิยม (Realism) ซึ่งหลายต่อหลายครั้งสัจนิยมจะโดดเด่นกว่า
วิเคราะห์ได้ว่า สหประชาชาติคือองค์กรที่เกิดขึ้นจากการจัดระเบียบโลกของชาติมหาอำนาจในช่วงหลังสงครามโลก เป้าหมายเฉพาะหน้าคือการเข้าควบคุมความขัดแย้ง โดยเฉพาะความขัดแย้งร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของมหาอำนาจ 5 ชาติ อันได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส จีนและรัสเซีย ระบบการทำงานของคณะมนตรีความมั่นคงเป็นหลักฐานที่บ่งชี้เรื่องนี้ได้ดีที่สุด
มหาอำนาจได้ประโยชน์สูงสุด:
ประวัติศาสตร์หลายพันปีให้ข้อสรุปว่าชาติที่เข้มแข็งเท่านั้นที่จะอยู่รอด ประเทศอ่อนแอจะถูกกดขี่ข่มเหง เสียประโยชน์ บ้างอยู่ใต้การชักนำของรัฐบาลต่างชาติ มหาอำนาจคือผู้กอบโกยผลประโยชน์มากที่สุด และจะพยายามกดขี่นานาชาติต่อไป เพราะนี่คือวิถีของการรักษาความเป็นมหาอำนาจ
นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส (António Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวในงานประชุมสมัชชาสหประชาชาติ 2022 ว่า ต้องปรับเปลี่ยนระบบการเงินโลกที่สร้างโดยประเทศที่ร่ำรวย และเป็นผู้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากระบบการเงินโลก ต้นเหตุความไม่เท่าเทียม นับวันประเทศพัฒนากับกำลังพัฒนาจะแตกต่างมากขึ้น ไม่ไว้วางใจต่อกัน ไม่อยากร่วมมือกัน จำต้องแสวงหาทางออกร่วมกัน บนพื้นฐานความปรารถนาดี ร่วมมือกันภายใต้สหประชาชาติ
หลายครั้งที่สงครามหรือสันติภาพขึ้นกับมหาอำนาจ โลกจะสงบสุขหรืออยู่ในสงครามขึ้นกับว่าแบบไหนที่มหาอำนาจได้ประโยชน์มากกว่า ดังจะสังเกตว่าสงครามมักมีมหาอำนาจอยู่ด้วย ทั้งทางตรงทางอ้อม โลกในศตวรรษที่ 21 ยังเป็นเช่นนั้น ประเทศของคุณกำลังล่าหรือถูกไล่ล่า ประชาชนคนรากหญ้าจะรับผลกระทบก่อนและต้องทนทุกข์มากที่สุด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สงครามการค้าสหรัฐกับจีนใครอึดกว่าชนะ
มหาอำนาจตักตวงผลประโยชน์จากประเทศอื่นๆ ท่ามกลางความขัดแย้งของมหาอำนาจด้วยกัน พวกเขาสร้างความขัดแย้งเพื่อได้ประโยชน์ ไม่ใช่เพื่อเสียประโยชน์
4+4ประเทศสำคัญของศักยภาพทหารโลก
ในภาพระดับโลกมี 8 ประเทศสำคัญมากสุด และสามารถแยกเป็น 2 ระดับ สหรัฐอเมริกามีกองทัพเข้มแข็งที่สุด และใช้ประโยชน์จากกองทัพได้มากที่สุด
อูโก ชาเวซ ผู้ต้านการกดทับของชนชั้นนำกับมหาอำนาจ
ลัทธิโบลิเวียเรียนชี้ว่า ต้นเหตุความยากจนมาจากการกดทับของชนชั้นนำที่ร่วมมือกับมหาอำนาจ จึงต้องการปลดปล่อยประชาชนจากการกดขี่ของ 2 อำนาจดังกล่าว
การข่มขู่และโจมตีจริงของทรัมป์ 2.0
การข่มขู่และลงมือจริงของทรัมป์ 2.0 เป็นหลักฐานชี้ว่ารัฐบาลทรัมป์ทำอย่างไรตามหลัก “America First”
‘No Kings’ต่อต้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (2)
ฝ่ายต่อต้านเห็นว่าทรัมป์ใช้อำนาจเกินขอบเขต แต่ในขณะเดียวกันทรัมป์ได้รับการสนับสนุนทั้งจาก สส. สว.รีพับลิกันและฐานเสียงที่เข้มแข็ง
‘No Kings’ต่อต้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (1)
สหรัฐอเมริกามาจากการต่อต้านระบอบกษัตริย์ บัดนี้ทรัมป์ใช้อำนาจเยี่ยงราชา ชาวอเมริกันจึงต่อต้าน ไม่อยากให้ประเทศกลับสู่ยุคที่อำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ที่ตัวคนคนเดียว



