
คนบางคนเคยเป็นคนเก่งที่มีความรู้ความสามารถ เคยเป็นนักวางแผนกลยุทธ์ มีประสบการณ์มาก มีอุดมการณ์ ความเก่งของเขาทำให้นายมีความไว้เนื้อเชื่อใจ มอบหมายงานสำคัญให้ทำ มีบทบาททางการเมืองขึ้นสูงกว่าใครๆ ทำหน้าที่ข้าทาสบริวารที่คอยปกป้องลูกของนายที่มีฐานะเป็นนายกรัฐมนตรี และพฤติกรรมในการแสดงบทบาทของการเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์ของเขา ทำให้ประชาชนจำนวนมากเกิดข้อสงสัยว่าคนที่มีความรู้ความสามารถเช่นเขา ทำไมจึงยอมทำสิ่งที่ไม่เหมาะสม ไม่บังควรหลายๆ เรื่อง วิจารณญาณของเขาหายไปไหนหมด หรือผลตอบแทนที่ได้จากการเป็นข้าทาสบริวารมันมากมายขนาดที่ทำให้เขาลืมเรื่องของคุณธรรมจริยธรรมได้ขนาดนั้นเลยหรือ
เมื่อไทยเกิดสงครามกับเขมร ไปเจรจาอะไรกับเขมรก็เกิดข้อกังขาและไม่มีความสง่างาม ยอมตามข้อเสนอของกัมพูชาง่ายๆ โดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เมื่อมีทหารไทยเหยียบกับระเบิด ก็ไม่ประณามกัมพูชา กลับมาพูดบอกให้ทหารไทยลาดตระเวนด้วยความระมัดระวัง ราวกับว่าการที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดนั้นไม่ได้เป็นความผิดของกัมพูชาเลย แต่เป็นเพราะทหารไทยขาดความรอบคอบ ไม่ระมัดระวังให้ดี ในการทำหน้าที่ลาดตระเวน รวมทั้งตอนที่กัมพูชาถล่มโรงพยาบาล ร้านค้า ปั๊มน้ำมัน และพื้นที่พลเรือน ก็ให้สัมภาษณ์ว่า เขมรไม่ได้ล็อกเป้ามาที่โรงพยาบาล เป็นการยิงกราด บังเอิญมันมาโดนโรงพยาบาลและพื้นที่พลเรือนอื่นๆ เท่านั้น จึงทำให้เขาถูกวิจารณ์อย่างหนัก จนบางคนเรียกเขาว่าเป็น “คนไทยหัวใจเขมร”
ในช่วงที่มีปัญหากับเขมร เขาก็เร่งเดินหน้าย้ายข้าราชการ รวมทั้งเร่งตรวจสอบปัญหาที่ดินเขากระโดง จนสังคมคิดว่า เร่งจัดการฝ่ายตรงข้ามหรือไม่ แต่จุดตายของเขาคือ การจัดตั้งรัฐบาลที่มีการแข่งกันเกี้ยวพรรคส้มให้มาลงคะแนนให้ฝ่ายของตน พฤติกรรมของเขาดูแล้วเปรียบได้กับเด็กแย่งของเล่น เมื่อแพ้เพื่อนแย่งไม่ได้ก็ทำลายของเล่นไม่ให้เพื่อนได้ไป เหมือนเด็กเกเร ที่ตนเองไม่ได้ดังใจ คนอื่นต้องไม่ได้ด้วย ความเป็นนักยุทธศาสตร์ที่เก่งกาจของเขาหายไปไหน จนกระทั่งนำไปสู่การทูลเกล้าฯ ยุบสภา ทั้งๆ ที่กฤษฎีกาซึ่งเป็นที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาล และนักกฎหมายชั้นนำของประเทศหลายคน บอกว่าทำไม่ได้ แต่เขาก็ยังดันทุรังทำไป แล้วผลออกมาก็คือ หน้าแตก
พฤติกรรมของเขาเวลานี้ไม่ใช่นักยุทธศาสตร์ที่ชาญฉลาดอย่างที่เคยเป็น ตอนนี้เขาคือ ทาสผู้ซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อนาย ไม่ว่านายให้ทำอะไร เขาจะทำให้ทั้งหมด ไม่สนใจว่าผิดหรือถูก ไม่สนใจว่ามีจริยธรรมหรือไม่ เพราะนายของเขาเคยบอกว่า ใครที่ทำงานให้เขา ไม่ต้องคิด เพราะนายจะเป็นคนที่คิดให้ทั้งหมด คนที่เป็นข้าทาสบริวารก็แค่ทำตามที่นายสั่งเท่านั้น และเขาคนนี้ก็ทำได้ตามหลักการของนายแบบเต็มร้อย ทำให้ภาพของความเป็นคนมีความรู้ มีประสบการณ์ เป็นนักยุทธศาสตร์ที่เก่งหมดไปสิ้น เพราะความเป็นข้าทาสบริวารที่ยอมรับใช้นายแบบถวายหัว ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้เรียนบทเรียนจากอดีตที่ผ่านมา ว่าคนที่รับใช้นายแบบถวายหัวหลายคนจะจบที่คุก จึงเป็นเรื่องที่น่าติดตามต่อไปว่าชีวิตของเขาคนนี้จะจบที่ไหน จะติดคุกเหมือนข้าทาสบริวารคนอื่นหรือไม่
บัดนี้ เขาได้รับคำกราบบังคมทูลกลับมา โดยองคมนตรีไม่ได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะองคมนตรีที่มีหน้าที่กลั่นกรองเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดิน รวมถึงการพิจารณาความเห็นประกอบร่างกฎหมาย เพื่อถวายพระมหากษัตริย์ให้มีพระบรมราชวินิจฉัย มีความเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่ได้เป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ การนำเรื่องที่ผิดกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยเป็นเรื่องมิบังควร เป็นการรบกวนให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท เมื่อเป็นเช่นนี้ พรรคของเขาจึงมีความพยายามดิ้นรนใหม่ ด้วยการขานรับเงื่อนไขของพรรคส้มแบบสุดลิ่มทิ่มประตู นั่นคือ หากพรรคส้มยกมือสนับสนุนให้คนของพรรคเพื่อไทยได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะกราบบังคมทูลให้มีพระบรมราชโองการยุบสภาทันทีหลังการแถลงนโยบาย ไม่ต้องรอถึง 4 เดือน ข้อความที่พูดชัดๆ เพื่อให้พรรคส้มพิจารณาคือ “ข้อเสนอสุดท้าย เลือกชัยเกษมเป็นนายกรัฐมนตรี จะยุบสภาทันทีเมื่อแถลงนโยบายต่อรัฐสภา”
ข้อเสนอดังกล่าวนี้เกิดขึ้นภายหลังจากที่ทาสผู้ภักดีพยายามทูลเกล้าฯ ร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาแต่ไม่สำเร็จ โดยมีหนังสือตอบกลับจากสำนักงานองคมนตรี และทำให้วาระเลือกนายกฯ โดยสภาผู้แทนราษฎรต้องเดินหน้าต่อ โดยตามกระแสข่าวมีแนวโน้มว่า อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะได้เป็นนายกฯ คนที่ 32 เมื่อมีกระแสข่าวจากพรรคส้มว่าจะใช้ 143 เสียงสนับสนุนอนุทิน และมีการลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกันไว้แล้ว นอกจากนั้นแล้วสังคมต่างก็รู้กันว่าข้อเสนอดังกล่าวจากพรรคเพื่อไทยเกิดขึ้นภายหลังมีจากที่ความพยายามที่จะยุบสภาก่อนการลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีไม่ประสบความสำเร็จ เพราะคนกราบบังคมทูลได้ตีกลับ ไม่มีการนำขึ้นกราบบังคมทูล แสดงให้เห็นความพยายามของพรรคเพื่อไทยที่จะต้องกลับมาเป็นรัฐบาลให้ได้ คงเป็นเพราะยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกหลายเรื่อง จึงจำเป็นต้องรักษาอำนาจทางการเมืองไว้ เพื่อให้ได้ทำสิ่งที่ต้องการ และถ้าหากพิจารณาว่าพวกเขาต้องการทำอะไรบ้าง เราก็จะเห็นได้ว่า มันเป็นวาระส่วนตัวของผู้มีบารมีของพรรคมากกว่าการเป็นวาระของประเทศชาติและประชาชน
ทางฝ่ายภูมิใจไทยก็ไม่ได้นิ่งเฉย มีการยื่นให้ประธานสภาบรรจุวาระโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นการเร่งด่วน อ้างเหตุว่าเพราะประเทศจำเป็นต้องมีรัฐบาล หากพิจารณาความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองต่างๆ ในขณะนี้ มันน่าเศร้าใจที่พวกเขาทำเพื่อนายที่พวกเขาภักดีมากกว่าทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน แม้หัวหน้าพรรคจะถูกวินิจฉัยว่าทำผิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง พวกเขายังคงต้องการเป็นรัฐบาล พรรคร่วม ไม่สนใจข้อวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ยังคงเดินหน้าสนับสนุนคนของพรรคที่มีหัวหน้าทำผิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป พรรคที่เป็นตัวแปรในการจะทำให้พรรคไหนได้เป็นรัฐบาล ก็ยื่นเงื่อนไขที่เป็นวาระของพรรคมากกว่าเป็นวาระของประชาชน พรรคที่มีโอกาสจะได้เป็นรัฐบาล ก็ขานรับเงื่อนไขอย่างปราศจากข้อแม้ เพราะต้องการเป็นรัฐบาลแบบไม่สนใจว่าประชาชนรู้สึกอย่างไรกับเงื่อนไขเหล่านั้น เศร้าค่ะ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ความจริงเทียมทำร้ายสังคม
การสื่อสารของสื่อสารมวลชนที่ทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูข่าว เลือกข่าวที่จะนำเสนอ และปิดข่าวที่ไม่ต้องการเสนอ ทำให้สังคมรับรู้ความจริงเทียม (Pseudo-reality)
น้ำท่วม!!!...กับ'พรหมวิหาร4'
ออกจะหนักหนา-สาหัสมิใช่น้อย...สำหรับ น้ำท่วมปักษ์ใต้ คราวนี้!!! ไม่ใช่แต่เฉพาะ หาดใหญ่-สงขลา ที่แม้แต่ผู้เป็นห่วง เป็นใย ออกไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ยังอดร้องห่ม ร้องไห้
เมื่อ 'ศูนย์ฯ' กลายเป็น 'ศูนย์'
ฟังเหตุผล ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ แม่ทัพใหญ่สีกากี ถึงเรื่องที่ พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ ไชยโยธา ผู้การสงขลา มีคำสั่งเด้ง ผู้กำกับหาดใหญ่-พ.ต.อ.ธรรมรัตน์ เพชรหนองชุม
ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ปี 2569 (ตอนที่2) เหตุสำคัญที่มีเกณฑ์เกิดในเมืองปี 2569
ตลอดปีเสียอะไรไปสู้ได้กลับมา-ภายใน 21 เมษายน เมืองยังมีโอกาสเสียคนหรือของรัก-ฟาดเคราะห์ให้เมืองด้วยการร่ว
เมื่อผู้ใหญ่จัญไรอัปรีย์...จะมีอะไรดีให้ลูกหลาน
ลองวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองของไทยเราขณะนี้ เราก็จะเห็นว่าประเทศไทยเรากำลังตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ เพราะมีผู้ใหญ่เห็นแก่ตัว ทำตัวชั่วช้าสามานย์
แด่..อาจารย์'สุธี ประศาสน์เศรษฐ'
หลังออกจากห้อง ไอซียู เมื่อเกือบ 2-3 ปีที่แล้ว...หนึ่งในผู้ที่โทรศัพท์ไปให้กำลังใจ ไปเชียร์ให้สู้ๆ เข้าไว้ ก็คือ ดร.สุธี ประศาสน์เศรษฐ ผู้ที่แนะนำตัวเองด้วยสำเนียงติดตลกมาทางโทรศัพท์


