
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ จำนวน 249 ราย ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ เรื่องแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2568 เป็นต้นไป อาทิ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ดำรงตำแหน่ง รองผบ.ตร., พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รองจเรตำรวจแห่งชาติ ดำรงตำแหน่ง จเรตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.ธนพล ศรีโสภา รองจเรตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์
ผบช.ภ.2 พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 พล.ต.ท.อนุชา รมยะนันทน์ ผบช.ก.ตร. พล.ต.ท.อุดร ยอมเจริญ ผบช.ส. ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. และพล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 ดำรงตำแหน่ง รองจเรตำรวจแห่งชาติ ขณะเดียวกันมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานยศตำรวจชั้นนายพล ให้แก่ข้าราชการตำรวจ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการมาด้วยความเรียบร้อยเป็นผลดีแก่ทางราชการจำนวน 100 ราย โดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ประกาศ ณ วันที่ 4 ก.ย. 2568
เก็บตกการแต่งตั้ง "นายพลตำรวจ" ระดับ รอง ผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ ลงมาถึง ผบก.วาระประจำปี 2568 ช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ "กรมปทุมวัน" อีกครั้งหนึ่งว่ากว่าจะเสร็จ กว่าจะจบ ก็เล่นเอาระทึก! มีหลากหลายอารมณ์ หลากหลายความรู้สึก หลากหลายความวุ่นวาย หลังจากบอร์ดกลั่นกรองที่มี ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.เป็นประธานร่วมกับรอง ผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบคุณสมบัติ ผู้ได้รับการเสนอชื่อแต่งตั้งโยกย้ายเรียบร้อย เสนอเข้าวงประชุม ก.ตร.ที่มี บิ๊กอ้วน-ภูมิธรรม เป็นประธาน ก่อนประชุม "ปธ.อ้วน" คุยนอกรอบกับ "ผบ.ต่าย" นานกว่า 2 ชม. พอเข้ามาห้องประชุม ก.ตร. เข้าสู่วาระแต่งตั้งนายพล "ปธ.อ้วน" ก็อ้างมีเรื่องร้องเรียน และขอเลื่อนประชุมเป็นวันที่ 31 ส.ค. 68 แล้วเดินทางกลับทันที ใช้เวลาประชุมเพียง 40 นาที ท่ามกลางเสียงลือเสียงเล่าอ้าง ชนวนโผ ตร. "ล่ม" มาจากความไม่พอใจปมหมอตำรวจที่ดูแลชั้น 14 ไม่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้นจากบอร์ดกลั่นกรอง เหมือนส่งสัญญาณให้ไป "รื้อโผ" แต่ก็เหมือนฟ้าฝนมีใจการเมืองสะดุด เข้าสู่วงประชุม ก.ตร. 31 ส.ค. "ปธ.อ้วน" ไม่ได้เข้ามาเพราะยุ่งเรื่องตั้งรัฐบาลใหม่ โผรายชื่อแต่งตั้ง "นายพล" จากเดิมที่อาจโดนรื้อใหญ่ เหลือเพียงแค่ปรับเล็กน้อย ตามคำร้องเรียนเรื่องความเหมาะสมบางตำแหน่งเท่านั้น ๐
เห็นชัดๆ ที่เป็นข่าวออกมาว่ามีการเปลี่ยนตัวจากบอร์ดกลั่นกรอง จนวงประชุม ก.ตร.ที่กำลังพิจารณาวาระแต่งตั้ง นายพลต้องพักเบรก ให้บอร์ดกลั่นกรองไปรับรองการเปลี่ยนชื่อเสนอแต่งตั้งมาใหม่ เห็นชัดๆ 'จารย์นพ-พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ขึ้นมาเป็น ผบช.ประจำ สนง.ตร.(ประสานงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ) และ บิ๊กบุ้ง-พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รอง ผบช.ตชด. ขึ้นเป็น ผบช.ตชด. เมื่อมีคนเปลี่ยนเข้า ก็ต้องมีคนเปลี่ยนออกจากชื่อที่ผ่านบอร์ดกลั่นกรองครั้งแรกมาแล้ว ว่ากันว่าเป็นชื่อของ พล.ต.ต.อุกฤษฏ์ ศรีเสือขาม รอง ผบช.กมค. เกษียณอายุราชการปี 2569 และ บิ๊กตี๋-พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. เกษียณอายุราชการปี 2573 ส่วน 2 หมอ พล.ต.ท. นพ.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่มีปัญหาชั้น 14 รพ.ตร.ไม่ได้รับการเสนอชื่อเป็น รอง ผบ.ตร. เพราะต้องรอผลการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงให้เสร็จสิ้นก่อน เช่นเดียวกับ พล.ต.ท. นพ.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งทั้ง 2 หมอยังอยู่ในตำแหน่งเดิม ไม่ได้ขยับขยายหรือย้ายไปดำรงตำแหน่งไหน ๐
วันเดียวกันยังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ “โผทหาร” 862 นาย ในระดับท็อปไฟว์เกษียณ 4 นาย เหลือเพียง พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ที่จะไปเกษียณในปี 2570 ส่วนของ “โผ ทบ.” นอกจาก ตท.26 ขยับขึ้นมาคุมระดับกองทัพภาคกันเป็นแผงแล้ว ระดับ 5 เสือ ทบ.และกรมฝ่ายเสนาธิการ ก็แน่นไปด้วยผองเพื่อนที่ก้าวขึ้นมาในจังหวะนี้พอดิบพอดีกัน แต่ที่ผ่านมาจะเห็น "คีย์แมน" ที่ติดตาม พล.อ.พนาลงพื้นที่เป็นประจำ โผนี้ขยับเข้ามาใกล้มืออยู่ ณ ศูนย์กลางการบัญชาการ บก.ทบ.เลยทีเดียว ทั้ง พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ.ทบ. ที่ขยับขึ้นมาเป็น เสธ.ทบ. รับหน้าเสื่องานยุทธการแบบครบวงจร พล.อ.ณรงค์ฤทธิ์ คัมภีระ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ที่เข้า 5 เสือ ทบ.นั่งในตำแหน่ง ผช.ผบ.ทบ. ซึ่งรับงานพิเศษในพื้นที่ต่างๆ เมื่อมีเหตุการณ์ และ พล.ท.ธีรนันท์ นันทขว้าง จาก ผบ.หน่วยข่าวกรองทางทหาร ขึ้นเป็นเจ้ากรมข่าวทหารบก เรียกได้ว่าเปิดวอร์คุมเกมได้ทุกภารกิจอย่างเบ็ดเสร็จ ๐
โบกมือลา 4 แม่ทัพภาคที่เกษียณอายุราชการ และขยับขึ้นมาในอัตราพลเอก เช็กแถวเรียงหน้ากระดานในส่วนของกองทัพภาคที่ 1 "แม่ทัพไก่" พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ จากแม่ทัพน้อยที่ 1 เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 มี “รองแอ้ม” พล.ต.ณัฐเดช จันทรางศุ รองแม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อนรัก ตท.28 นั่งเป็นรอง 1 ทำหน้าที่ “ซัพพอร์ตเตอร์” การทำงาน ร่วมกับรุ่นน้องอีก 2 คนที่เข้าไลน์ ได้แก่ "รองด้วง" พล.ต.ยอดอาวุธ พึ่งพักตร์ (ตท.31) จาก ผบ.มทบ.11 ขึ้นเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 กับ "รองลาภ” พล.ต.สิทธิพร จุลปานะ (ตท.30) จากรองแม่ทัพน้อยที่ 1 สไลด์มาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 เป็นสองแม่ทัพที่จะขยับขึ้นไปหายใจรดต้นคอ “แม่ทัพกอล์ฟ” พล.ท.สราวุธ ไชยสิทธิ์ (ตท.28) ที่ขยับจากรองแม่ทัพขึ้นเป็นแม่ทัพน้อย เพื่อจ่อเป็นแม่ทัพใหญ่ในปีหน้า
ไปดูที่แถว 5 เสือของกองทัพภาคที่ 2 มองเห็นถึงแม่น้ำสองสาย ค่าย พล.ร.3 กับ พล.ร.6 ที่ประดาบเลือดซิบกันหลายตำแหน่ง หลังจากที่ “แม่ทัพกุ้ง” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กำลังจะเกษียณ การขึ้นมาของ “เพื่อนเติ่ง” พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ รองแม่ทัพภาค 2 ทำให้การรับไม้แก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา “ไร้รอยต่อ” คอนเฟิร์มได้ว่ายุคที่ ตท.26 คุมแผงอำนาจ การนั่งในเก้าอี้แม่ทัพการันตีไว้อย่างน้อย 1 ปีครึ่ง หรืออย่างมาก 2 ปี โดยมีชื่อ “ผบ.ยักษ์” พล.ต.สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์ (ตท.29) ผบ.พล.ร.3 น้องรัก-ซี้ย่ำปึ้กกับแม่ทัพกุ้ง ขยับขึ้นมาเป็นรองแม่ทัพ จ่อคิวต่อจาก “แม่ทัพเติ่ง” เฉือน “รองภพ” พล.ต.สมภพ ภาระเวช (ตท.29) สาย พล.ร.6 ที่ต้องซอยเท้ารอไปก่อน ขณะที่ พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ (ตท.27) ถูกฟรีซแช่แข็งในตำแหน่งรองแม่ทัพ จากเดิมจะมีการขยับออกไปกองทัพไทยนั่งเก้าอี้เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร แต่ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด ขอดันคนในหน่วยให้เติบโตขึ้นมาทำหน้าที่๐
แต่ในสายของ พล.ร.6 เองก็ต้องถือว่าแบ่งเป็นสองสาย โดยแม่ทัพเติ่งโตมาในเส้นทางของ ร.16 ถ้าพลิกดู “บิ๊กเนม”ก็มีชื่อ พล.ท.กนก เนตระคะเวสนะ อดีตรองแม่ทัพ เป็นหัวขบวน ในขณะที่ “รองภพ” โตมาทางสาย ร.6 ซึ่งมี “บิ๊กเยิ้ม” พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นหัวขบวน ซึ่งอดีตบิ๊กทั้งคู่กำลังแฉเดือดในเรื่องชายแดน ขณะที่ชื่อรองแม่ทัพที่ขึ้นมาอีกคนคือ พล.ท.วิทยา สะแกทอง (ตท.25) ผบ.บชร.2 ซึ่งเป็นการขยับขึ้นมาเพื่อเปิดทางให้ พ.อ.สมลักษณ์ ดวงกลาง มาเป็น ผบ.บชร.2 ขณะที่ พล.ต.มงคล หอทอง ผบ.พล.พัฒนาที่ 2 เป็น ผบ.พล.ร.3 โดยมี เสธ.แจ๊ก-พล.ต.กิติศักดิ์ ถาวร (ตท.26) เสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 เป็นผู้บัญชาการกองพลพัฒนาที่ 2 ทำหน้าที่ทหารช่างเต็มตัว ภาพรวมถือเป็นการเขย่าสมการอีสานเหนือ จากผลพวงจากศึกสาย ร.3 กับ ร.8 ในอดีตที่ “แม่ทัพกุ้ง” เคยถูกดึงไปอยู่ในสมการความขัดแย้งด้วย ๐
และเป็นอีกโผที่ “ทหารโพเดียม” หลายคนได้เติบโตในตำแหน่งจากศึกไทย-กัมพูชา เพราะยุคนี้ไม่ได้สู้รบกันแค่ในสนามรบ แต่สนามข่าวสารก็สำคัญอย่างยิ่ง ไล่ตั้งแต่ พล.ต.วินธัย สุวารี (ตท.30) โฆษกกองทัพบก จาก ผอ.สำนักฯ ใน กอ.รมน. เข้ามาเป็นเลขานุการ ทบ. พล.ต.วันชนะ สวัสดี (ตท.34) จาก ผอ.สำนักฯ ใน กอ.รมน. ติดยศพลโท ในตำแหน่งที่ปรึกษาสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ พล.ต.วิทัย ลายถมยา (ตท.30) โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เป็นเลขานุการกองทัพไทย พล.ต.สุรวิชญ์ แดงจันทร์ (ตท.27) เสธ.กองทัพภาคที่ 1 ทำหน้าที่โฆษกกองทัพภาคที่ 1 เป็น ผบ.มทบ.16.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลัคนามังกรกับลีลาสำคัญของชีวิตปี2569
ในบรรดาเรื่อง บวกและลบ ที่เกิดในชีวิตได้ตลอดเวลานั้น ปี 2569 นี้ ลางจากดาวขนาดใหญ่ ที่บ่งบอก เหตุการณ์สำคัญ (ยังมีเรื่องยิบย่อยอีกมาก) ที่มีแนวโน้มจะเกิดกับท่า
ความจริงเทียมทำร้ายสังคม
การสื่อสารของสื่อสารมวลชนที่ทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูข่าว เลือกข่าวที่จะนำเสนอ และปิดข่าวที่ไม่ต้องการเสนอ ทำให้สังคมรับรู้ความจริงเทียม (Pseudo-reality)
น้ำท่วม!!!...กับ'พรหมวิหาร4'
ออกจะหนักหนา-สาหัสมิใช่น้อย...สำหรับ น้ำท่วมปักษ์ใต้ คราวนี้!!! ไม่ใช่แต่เฉพาะ หาดใหญ่-สงขลา ที่แม้แต่ผู้เป็นห่วง เป็นใย ออกไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ยังอดร้องห่ม ร้องไห้
เมื่อ 'ศูนย์ฯ' กลายเป็น 'ศูนย์'
ฟังเหตุผล ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ แม่ทัพใหญ่สีกากี ถึงเรื่องที่ พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ ไชยโยธา ผู้การสงขลา มีคำสั่งเด้ง ผู้กำกับหาดใหญ่-พ.ต.อ.ธรรมรัตน์ เพชรหนองชุม
ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ปี 2569 (ตอนที่2) เหตุสำคัญที่มีเกณฑ์เกิดในเมืองปี 2569
ตลอดปีเสียอะไรไปสู้ได้กลับมา-ภายใน 21 เมษายน เมืองยังมีโอกาสเสียคนหรือของรัก-ฟาดเคราะห์ให้เมืองด้วยการร่ว
เมื่อผู้ใหญ่จัญไรอัปรีย์...จะมีอะไรดีให้ลูกหลาน
ลองวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองของไทยเราขณะนี้ เราก็จะเห็นว่าประเทศไทยเรากำลังตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ เพราะมีผู้ใหญ่เห็นแก่ตัว ทำตัวชั่วช้าสามานย์

