มีความละอายกันบ้างเถอะ

เวลาที่คนเราพูดเรื่องไม่จริงที่ไม่มีใครรู้ เราเรียกคนคนนั้นว่าเป็นคนโกหกตอแหล แต่ถ้าใครพูดไม่จริงกับความจริงเชิงประจักษ์ที่มีคนรู้เห็นมากมาย เราจะเรียกคนคนนั้นว่าเป็นคนหน้าด้าน ไม่มีความละอายที่จะพูดสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความเป็นจริงที่ใครๆ ก็รู้ เมื่อคนคนหนึ่งทำผิดกฎหมายมากมายหลายเรื่องจนโดนคดี และเมื่อศาลไต่สวนแล้วหลายคดี ก็ปรากฏว่าผิดจริง โดนตัดสินให้ติดคุก แต่เจ้าตัวไม่เคารพกฎหมาย ใช้อำนาจรัฐและอำนาจเงินทำให้ตัวเองสามารถหนีคดีออกไปนอกประเทศได้ แล้วก็ทำตัวเป็นสัมภเวสีอยู่นอกประเทศเป็นเวลาหลายปี คนแบบนี้คือนักโทษหนีคดี เพราะไม่ต้องการติดคุก

ทั้งๆ ที่ตัวเองมีความผิด แล้วก็พูดจาให้คนที่เป็น FC ผู้รักใคร่ บูชา และหลงใหลเชื่อว่าเขาไม่ผิด เขาถูกกลั่นแกล้ง เขาถูกยัดเยียดคดี แล้วเหล่าบรรดา “ชาดกาสร” ก็เชื่อคำพูดนั้น และการอยู่นอกประเทศก็จะโอดครวญว่าอยากกลับประเทศ แต่กลับไม่ได้ เพราะมีคนไม่ยอมให้กลับ ทั้งๆ ที่ไม่มีใครห้าม ในเมื่อเป็นคนไทย จะเข้ามาเมืองไทยเมื่อใดก็ย่อมทำได้ ไม่มีใครห้าม แต่เจ้าตัวไม่ยอมมา เพราะไม่ต้องการติดคุก อยากจะกลับมาแบบเท่ๆ และไร้มลทิน ทั้งๆ ที่ตัวเองถูกตัดสินให้ติดคุก

หนีไปเป็นสัมภเวสีอยู่นอกประเทศเกือบ 20 ปี แล้วก็ครวญว่าอยากกลับบ้าน อยากจะมาเลี้ยงหลาน บอกว่าจะล้างมือไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง หลายคนก็เชื่อว่าน่าจะสำนึกได้ เพราะอยากจะกลับมาอยู่เมืองไทย เพราะเกิดมาเป็นคนไทย จะมีที่ใดที่มีความสุขสำหรับคนไทยมากไปกว่าประเทศไทย เมื่อกลับมาแล้วก็ทำเป็นยอมที่จะไปเรือนจำ แต่ไม่ทันข้ามคืนก็มีอุบายเรื่องการเจ็บป่วยขั้นวิกฤตขนาดไม่อาจจะอยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้ ต้องออกไปอยู่โรงพยาบาลข้างนอกที่มีขีดความสามารถในการรักษามากกว่าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จึงออกจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไปโรงพยาบาลตำรวจแบบน่าเคลือบแคลงว่า ระหว่างทางจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไปจนถึงโรงพยาบาลตำรวจนั้น ไม่มีโรงพยาบาลชั้นดีที่ใกล้กว่าโรงพยาบาลตำรวจเลยหรือ เมื่อคนไข้มีอาการหนักขนาดนั้น ทำไมต้องถ่อสังขารไปไกลถึงโรงพยาบาลตำรวจ

ที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือ เมื่อถึงโรงพยาบาลตำรวจแล้ว แทนที่จะเข้าห้องฉุกเฉินหรือห้องคนไข้วิกฤต กลับไปอยู่ที่ห้อง VVIP ชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจที่ไม่มีสภาพเป็นห้องพยาบาลสำหรับคนไข้วิกฤตแต่อย่างใด คนที่เคยไปเยี่ยมที่ห้องดังกล่าวก็บอกว่ามีสภาพเป็นห้องรับแขกมากกว่าห้องพยาบาล ส่วนจะอยู่ในสภาพคนไข้หรือคนพักในห้องพิเศษก็ไม่มีใครรู้ได้ เพราะกล้องวงจรปิดที่ห้องนั้น เสียทุกตัว และตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นั่นก็ไม่มีการแถลงอาการป่วยแต่อย่างใด อ้างว่าเป็นการรักษาสิทธิ์ในการไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของคนไข้ และอยู่ในห้องดังกล่าวจนครบ 180 วัน ได้เวลาที่สามารถออกมากักขังนอกเรือนจำก็ออกจากห้องดังกล่าวในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากครบ 180 วัน และเมื่อออกมาแล้วก็ไปโน่นไปนี่แบบไม่มีอาการของคนที่เพิ่งฟื้นไข้ ทั้งกินเลี้ยง ร้องเพลง ตีกอล์ฟ ขึ้นเวทีหาเสียง จับไมค์พูดจาหาเสียงแทนผู้สมัครลงเลือกตั้งแบบเข้มแข็ง ตระเวนไปที่นั่นที่นี่ เหมือนคนไปตรวจงาน มีข้าราชการมารายงานเหมือนคนมีตำแหน่ง ทั้งๆ ที่ไม่มีตำแหน่งอะไรเลย

จนมีคนไปยื่นคำร้องว่าการได้รับพระราชอภัยลดโทษจาก 8 ปี เหลือ 1 ปี แต่ไม่ยอมอยู่ในเรือนจำแม้แต่วันเดียว แล้วได้ออกมาพักโทษนอกเรือนจำนั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แม้ศาลจะยกคำร้อง แต่ศาลท่านก็เห็นสาระของคำร้องที่ควรจะมีการไต่สวนเพิ่มเติม จึงทำการไต่สวนพยานของผู้ร้องและผู้ถูกร้องถึงกว่า 30 ปาก และกำหนดวันฟังคำสั่งในวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา พอวันที่ 4 เขาก็บินออกนอกประเทศที่ทำให้คนจำนวนมากคิดว่าคงจะหนี เพราะจากการติดตามพฤติกรรมที่ผ่านมา และจากวาจาของเจ้าตัวเองว่าตัวเขาและคนในตระกูลเขาจะไม่ยอมติดคุกแม้แต่นาทีเดียว หลายคนจึงคิดว่าหนีแน่ เพราะจากการติดตามการไต่สวนพยาน 30 กว่าปากนั้น สถานการณ์ไม่น่าจะเป็นคุณกับผู้ถูกร้อง ดังนั้นจึงทำให้คนคิดว่ายังไงก็ต้องหนี เพราะเหตุผลที่บอกว่าจะไปหาหมอมันฟังไม่ขึ้น หมอในประเทศไทยที่เก่งๆ มีมากมาย ทำไมต้องไปหาหมอที่สิงคโปร์หรือที่ดูไบ

แต่แล้ว คนที่คิดว่าเขาจะหนีก็ผิด เพราะเขากลับมาจริงๆ แต่คนที่เคยโกหกอย่างเขาก็ไม่มีใครเชื่อง่ายๆ ว่าเขามาจริง เมื่อเครื่องบินส่วนตัวของเขาลงที่ดอนเมือง ผู้คนก็พยายามมองหาตัวคน ก็ไม่เห็น เมื่อมีรถมารับออกจากสนามบิน รถก็ติดฟิล์มทึบมองไม่เห็นตัวคนอีก จนในที่สุดมีมือดีสามารถเอารูปตัวคนออกมาเผยแพร่ทาง social media คนจึงเชื่อ แล้ววันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา เขาก็ไปฟังคำสั่งศาล ผลปรากฏว่าศาลสั่งให้เขากลับเข้าคุก เพราะการอยู่นอกเรือนจำด้วยการอ้างว่าป่วยวิกฤตนั้น ไม่เป็นความจริง และไม่ชอบด้วยกฎหมาย เขาจึงต้องกลับเข้าคุก เพื่อรับโทษตามที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอภัยลดโทษจาก 8 ปี เหลือ 1 ปี เท่านั้นแหละ เหล่าบรรดาข้าทาสบริวารทั้งหลายเอ่ยปากชมนักโทษติดคุกกันต่างๆ นานาแบบสวนกับความเป็นจริงเชิงประจักษ์ที่ผู้คนทั้งหลายได้รับรู้ แบบไม่มีความละอายแม้แต่น้อย

พวกเขาไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างอาชญากรกับวีรบุรุษจึงชมว่าการกลับมาเข้าคุกของเขาเป็นวีรบุรุษ บางคนบอกว่าเป็นการเข้าคุกอย่างสง่างาม คนติดคุกมันสง่างามตรงไหน บางคนบอกว่าเขาเป็นวีรบุรุษประชาธิปไตย ที่จริงแล้วพฤติกรรมของเขาที่ผ่านมา เขาเป็นเผด็จการมากกว่า เขาบัญชาให้ใครทำอะไร หรือห้ามไม่ให้ใครทำอะไร คนที่ได้รับคำสั่งก็ต้องทำตามนั้น บางคนบอกว่าเขาเคารพกระบวนการยุติธรรมของไทย ถ้าหากเคารพจริง จะหนีไปทำไมตั้ง 17 ปี และเมื่อกลับเข้ามา ทำไมไม่ติดคุกตามคำพิพากษา จะก่อให้เกิดขบวนการช่วยให้ไม่ต้องนอนคุกแม้แต่วันเดียวไปทำไม บางคนบอกว่าภูมิใจที่พ่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก มีพ่อติดคุกนี่ควรจะภูมิใจหรือ มันน่าจะเสียใจที่พ่อทำผิดกฎหมายจนต้องติดคุกมากกว่านะ แล้วเขาก็ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีคนแรกที่ติดคุก ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย หรือประเทศไหนในโลกก็ตาม บางคนบอกว่าเขาทำอะไรให้ประเทศมากมาย ทำไมโหดร้ายทำกับเขาเช่นนี้ ที่ทำไว้มากมายนั้น ทำดีหรือทำเลวล่ะ บางคนบอกว่าเขาเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง ทำไมต้องติดคุก อ้าว มาจากการเลือกตั้ง หากทำผิดไม่ต้องติดคุกหรือไร ที่พูดมาทั้งหมดนี้มันคือจิตวิญญาณของขี้ข้าที่ไม่รู้จักคำว่าจริยธรรม และไม่มีความละอายที่จะพูดจาสวนกับความเป็นจริง เพื่อที่จะเลียนายเท่านั้น ตัวเองไม่อาย ญาติพี่น้อง พ่อแม่ ลูกหลานก็น่าจะอายนะ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ความจริงเทียมทำร้ายสังคม

การสื่อสารของสื่อสารมวลชนที่ทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูข่าว เลือกข่าวที่จะนำเสนอ และปิดข่าวที่ไม่ต้องการเสนอ ทำให้สังคมรับรู้ความจริงเทียม (Pseudo-reality)

น้ำท่วม!!!...กับ'พรหมวิหาร4'

ออกจะหนักหนา-สาหัสมิใช่น้อย...สำหรับ น้ำท่วมปักษ์ใต้ คราวนี้!!! ไม่ใช่แต่เฉพาะ หาดใหญ่-สงขลา ที่แม้แต่ผู้เป็นห่วง เป็นใย ออกไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ยังอดร้องห่ม ร้องไห้

เมื่อ 'ศูนย์ฯ' กลายเป็น 'ศูนย์'

ฟังเหตุผล ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ แม่ทัพใหญ่สีกากี ถึงเรื่องที่ พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ ไชยโยธา ผู้การสงขลา มีคำสั่งเด้ง ผู้กำกับหาดใหญ่-พ.ต.อ.ธรรมรัตน์ เพชรหนองชุม

ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ปี 2569 (ตอนที่2) เหตุสำคัญที่มีเกณฑ์เกิดในเมืองปี 2569

ตลอดปีเสียอะไรไปสู้ได้กลับมา-ภายใน 21 เมษายน เมืองยังมีโอกาสเสียคนหรือของรัก-ฟาดเคราะห์ให้เมืองด้วยการร่ว

เมื่อผู้ใหญ่จัญไรอัปรีย์...จะมีอะไรดีให้ลูกหลาน

ลองวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองของไทยเราขณะนี้ เราก็จะเห็นว่าประเทศไทยเรากำลังตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ เพราะมีผู้ใหญ่เห็นแก่ตัว ทำตัวชั่วช้าสามานย์

แด่..อาจารย์'สุธี ประศาสน์เศรษฐ'

หลังออกจากห้อง ไอซียู เมื่อเกือบ 2-3 ปีที่แล้ว...หนึ่งในผู้ที่โทรศัพท์ไปให้กำลังใจ ไปเชียร์ให้สู้ๆ เข้าไว้ ก็คือ ดร.สุธี ประศาสน์เศรษฐ ผู้ที่แนะนำตัวเองด้วยสำเนียงติดตลกมาทางโทรศัพท์