ปริศนา 'บูรพาพยัคฆ์' เป็น 'บูรพาพัง-ยับ'

พล.ต.ท.อภิชาติ สุริบุญญา เป็น พล.ต.อ., พล.ต.ต.จักษ์ จิตตธรรม เป็น พล.ต.ท., พล.ต.ต.จิตติพนธ์ ผลพฤกษา เป็น พล.ต.ท., พล.ต.ต.ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล เป็น พล.ต.ท., พล.ต.ต.โชคชัย อินทะนิน เป็น พล.ต.ท., พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ ทองงามตระกูล เป็น พล.ต.ท., พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ เป็น พล.ต.ท., พล.ต.ต.ลาภ ศรีสำอางค์ เป็น พล.ต.ท., พล.ต.ต.สมนึก มากมี เป็น พล.ต.ท., พล.ต.ต.สรรเพชญ สุขภิมนตรี เป็น พล.ต.ท., พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ เอมกมล เป็น พล.ต.ท., พล.ต.ต.สิทธิ์ ศิริกังวาลกุล เป็น พล.ต.ท., พล.ต.ต.สุเมฆ บวรเศวตฉัตร เป็น พล.ต.ท., พล.ต.ต.อนุราช จิตศีล เป็น พล.ต.ท., พล.ต.ต.อภิชาติ วรรณภักดิ์ เป็น พล.ต.ท., พล.ต.ต.อุกกฤษฏ์ ทรงชัยสงวน เป็น พล.ต.ท., พล.ต.ต.หญิง กรทอง การพานิช เป็น พล.ต.ท.หญิง และ พล.ต.ต.หญิง สุรัมภา รอดมณี เป็น พล.ต.ท.หญิง ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2568 เป็นต้นไป

จัดพิธีอำลาชีวิตราชการอย่างสมเกียรติ ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อม บิ๊กแจง-พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. พร้อมผู้ช่วย ผบตร.และข้าราชการตำรวจ ร่วมพิธีมอบประกาศเกียรติคุณแก่ข้าราชการตำรวจที่เกษียณอายุราชการ ประจำปี 2568 ระดับพันตำรวจเอกขึ้นไป โดยมี "ตำรวจ" ที่เกษียณอายุราชการจำนวน 409 นาย และข้าราชการตำรวจที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพล ระดับผู้กำกับการหรือเทียบเท่าขึ้นไป จำนวน 38 นาย อาทิ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร., พล.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.เข้าร่วมพิธี ณ หอประชุมเตมียเวส โรงเรียนนายร้อยตำรวจ อ.สามพราน จ.นครปฐม หลังเสร็จสิ้นพิธีมอบประกาศเกียรติคุณ มีการประกอบพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำโรงเรียนนายร้อยตำรวจ พิธีถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 และถวายราชสักการะพระบรมรูปรัชกาลที่ 9 และงานเลี้ยงผู้เกษียณอายุราชการและคู่สมรส ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ช่วงท้าย พิธีเชิญธงพิทักษ์สันติราษฎร์ลงจากยอดเสา และลอดซุ้มกระบี่ ณ ลานฝึกศรียานนท์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ยิ่งได้ดู ได้สัมผัสบรรยากาศต้องบอกว่าขนลุก จัดได้อย่างสมเกียรติทุกขั้นตอนจริงๆ ๐

ยิ่งมาฟัง "ผบ.ต่าย" กล่าวสดุดีผู้เกษียณอายุราชการ ยกย่องและเชิดชูเกียรติในการทำงานทุกนาย ที่แสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติหน้าที่อย่างครบถ้วน สร้างประโยชน์ต่อประเทศชาติและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทั่งครบวาระเกษียณอายุราชการในปี 2568 ยิ่งสะท้อนคุณงามความดี ความสัมพันธ์และความผูกพันที่ร่วมกันทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ เพื่อเป็นแบบอย่างในการทำงานให้ "ตำรวจ" ที่ยังรับราชการอยู่ได้ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างเต็มที่ งานมอบประกาศเกียรติคุณแก่ข้าราชการตำรวจที่เกษียณอายุราชการ ประจำปี 2568 ครั้งนี้ ทุกอย่างคงจะดู "เพอร์เฟกต์" ดูจะ "แฮปปี้" ถ้าไม่มีช็อตฉายวิดีโอพรีเซนต์ "ตำรวจ" ระดับ "นายพล" ที่เกษียณอายุราชการครั้งนี้ แล้วเสียงบรรยายดันเอ่ยยศตำรวจผิด จากยศ "พล.ต.อ." เป็น "พล.ต.ท." ไปลดยศทั้งที่นายตำรวจทั้ง 2 ท่านติดยศ พล.ต.อ. มาตั้งแต่เดือน เม.ย. 2568 ไม่ใช่เพิ่งติดวันสองวันมานี้ เลยไม่รู้ข้อมูลไปผิดพลาดตรงไหน ประการใด ดีที่ พล.ต.อ. ทั้ง 2 ท่านเป็นผู้ใหญ่ ไม่คิดเล็กคิดน้อย แต่สำหรับคนที่นั่งฟังอยู่ หลายคนก็หันมามองหน้ากันเลิ่กลั่กเหมือนกัน ๐

ช่วงเปลี่ยนผ่านผู้บังคับบัญชาของกองทัพ เดือน ก.ย.-ต.ค. ยังต้องจับตาสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างต่อเนื่อง เพราะเท่าที่ดูจากปฏิกิริยาของกัมพูชาที่พยายามสร้างให้เกิดภาพไทยรุกรานก่อน ก่อให้เกิดความไม่น่าไว้วางใจ จนอาจนำไปสู่การปะทะรอบใหม่ได้ แม้ในภาพสถานการณ์ของฝ่ายไทยมีท่าทีชัดเจน ทั้งระดับนโยบายและฝ่ายปฏิบัติ   และผู้รับไม้ต่อก็เคยเป็น ผบ.หน่วยในพื้นที่ที่มีปัญหาในขณะนี้มาก่อน ทั้งกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 รู้ข้อมูลในเรื่องเขตแดนเป็นอย่างดี เพียงแต่รอเวลาที่เหมาะสม-ชอบธรรม คงจะได้เดินหน้าแก้ไขสิ่งที่เคยผิดให้ถูกต้องเพื่อจะได้จบๆ ไปเสียที แต่สภาวะแวดล้อมทางการเมืองอาจจะมีความสลับซับซ้อนมากกว่าที่คิด อย่างไรก็ตามเมื่อกรอบการทำหน้าที่ทหารมีกฎหมายรองรับ ทั้ง "แม่ทัพเติ่ง" พล.ต.วีระยุทธ รักศิลป์ ว่าที่แม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ และ "แม่ทัพไก่"  พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1 คนใหม่ หลังจากรับไม้ต่อแล้ว คงต้องเริ่มต้นเคลียร์ปมปัญหาในพื้นที่ซึ่งถูกรุกล้ำอธิปไตย อย่างเช่นที่แม่ทัพกุ้ง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง และแม่ทัพใหญ่ พล.ท.อมฤต บุญสุยา ประกาศไว้ก่อนที่จะลุกจากเก้าอี้

 พอพูดถึง “แม่ทัพใหญ่” ที่โดนกระแส “โซเชียลมีเดีย” กระหน่ำซ้ำซัดมาหลายเดือน วันก่อนลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมกำลังพลในพื้นที่ จ.สระแก้ว พร้อม พล.ต.เบญจพล เดชาติวงศ์ ณ  อยุธยา  ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ และผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา โดย “แม่ทัพใหญ่” ตั้ง “ผบ.เบญ” เป็น ผบ.เหตุการณ์ เพื่อรับมือ-สั่งการเมื่อเกิดเหตุในพื้นที่ จากการที่กัมพูชาระดมมวลชนป่วนทั้งที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว แต่ปรากฏว่าพอเป็นข่าวออกไป คอมเมนต์ที่ได้กลับมากลับไม่ได้ทำให้กระแสบวกขึ้น เพราะอารมณ์ประชาชนเลยไปอีกขั้นแล้ว แถมมีเหล่าบรรดาอวตารเข้ามายำ-เข้ามาขยี้กันดุเดือด และเป็นจังหวะที่มีการเปิดคลิป "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ “ตัวพ่อ” ของบูรพาพยัคฆ์ ออกมาพูดถึงพื้นที่บ้านหนองจานว่าเป็นของกัมพูชา ก็ยิ่งเร่งอุณหภูมิให้โลกของกระแสชาตินิยมพุ่งปรี๊ด เหมารวมสาขาลุง 3 ป.แหล่งรวมบูรพาพยัคฆ์ (ร.2 รอ.) และทหารเสือราชินี (ร.21 รอ.) ซึ่งรวมอยู่ในกองพลบูรพาพยัคฆ์ ว่าทำให้ประเทศไทยเพลี่ยงพล้ำ หากไม่นับสื่อหลักที่งัดข้อมูลวิพากษ์วิจารณ์กันแล้ว แต่เพจจัดตั้งต่างพร้อมใจออกมาใส่กันรัวๆ ทำให้เกิดข้อสงสัยและปริศนาถึง “เกมซ่อนปม” ที่อยู่ข้างหลังในการขยายแนวรบ เพื่อให้บูรพาพัง-ยับ ปิดท่อสายอำนาจดังกล่าวไปเลยในคราวนี้หรือไม่

เมื่อวานนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารและตำรวจ เป็นราชองครักษ์พิเศษจำนวนทั้งสิ้น 38 นาย โดยมี ผบ.เหล่าทัพที่จะเกษียณอายุราชการในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ ได้แก่ พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม, พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ, พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2, พล.ท.กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารพ้นจากตำแหน่งราชองครักษ์พิเศษ ได้แก่  พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา โดยทั้งคู่ได้เข้าสู่ถนนสายการเมืองแล้ว ๐