
คุณหนูหนอคุณหนู น่าจะลาออกไปตั้งแต่ Uncle ปล่อยคลิปแล้ว เพราะเนื้อหาในการสนทนานั้นมันชัดเจนว่าคุณหนูกับ Uncle เป็นพวกเดียวกัน และคุณหนูที่เป็นฝ่ายรัฐบาลอยู่ตรงกันข้ามกับทหาร แล้วยังสัญญากับ Uncle อีกว่า “อยากได้อะไรบอกมาจะจัดให้” เนื้อหาแบบนี้ไม่ต้องตีความใดๆ ความหมายมันชัดในตัวมันเองว่าคุณหนูอยู่ข้างเดียวกับศัตรูของชาติ และอยู่คนละข้างกับทหารที่ทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศ ทำให้คนจำนวนมากมองว่าคุณหนู “ขายชาติ” ดังนั้น เมื่อมีคลิปการสนทนากับ Uncle ออกมาชัดเจน และเจ้าตัวก็ยอมรับว่าเป็นของจริง ไม่ใช่การตัดต่อใดๆ ดังนั้น ก็น่าจะลาออกตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
แต่ก็ยังไม่ลาออก พูดหน้าตาเฉยว่าตนเองไม่ได้อะไรจากการสนทนาครั้งนี้ และประเทศชาติไม่ได้เสียหายอะไร แต่ผู้คนที่ได้ฟังข้อความในคลิปดังกล่าวไม่ได้เห็นแบบเดียวกับคุณหนูพูด เพราะเนื้อหาที่พูดนั้น เหมือนคุณหนูพยายามเอาใจ Uncle เพื่อไม่ให้ Uncle แฉเรื่องไม่ดีของตระกูล และประเทศไทยเสียศักดิ์ศรี เสียเกียรติภูมิ แม้ไม่ใช่การเสียสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แต่การเสียศักดิ์ศรีและเกียรติภูมินั้น เป็นการเสียสิ่งที่จับต้องไม่ได้ ซึ่งก็เป็นความเสียหายที่ร้ายแรงไม่น้อยไปกว่าการเสียเงิน เสียดินแดน หรือเสียชีวิตของทหารและพลเรือน
เมื่อ Uncle ปล่อยคลิป คุณหนูไม่ลาออก บอกว่าตนเองไม่ได้ทำผิดอะไร เมื่อ สว. ยื่นคำร้องกับศาลรัฐธรรมนูญ และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้วินิจฉัย สั่งให้คุณหนูหยุดปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็เป็นอีกจังหวะหนึ่งที่คุณหนูน่าจะลาออก แต่คุณหนูก็ไม่ออก มิหนำซ้ำยังไปรั้งตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมเอาไว้อีกด้วย จนในที่สุดศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำของคุณหนูเป็นการทำผิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ต้องออกจากการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่เป็นเหตุให้คณะรัฐมนตรีหลุดจากตำแหน่งทั้งยวง จนต้องมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และในการต่อสู้กับพรรคภูมิใจไทยที่มีเสียงข้างน้อย พรรคเพื่อไทยก็พ่ายแพ้อย่างไม่เป็นท่า คุณหนูก็ยังคงดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอยู่ ไม่มีดำริที่จะลาออกแต่อย่างใด จนต้องเจอกับกระแสวิพากษ์ว่าเธอเก่งที่สามารถทำลายเสน่ห์และบารมีของพ่อเธอลงได้โดยใช้เวลาไม่ถึงปี ในขณะที่กลุ่มคนที่ไม่พอใจพ่อเธอใช้เวลามากกว่า 20 ปี ยังไม่สามารถทำอะไรพ่อเธอได้
เมื่อเจอข้อวิพากษ์เช่นนี้ เธอจึงตัดสินใจลาออก หวังว่าจะฟื้นพรรคเพื่อไทยได้ แต่นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าการลาออกของเธอ คงไม่ช่วยฟื้นพรรคเพื่อไทย เพราะไม่ว่าจะได้ใครมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแทนเธอ สุดท้ายก็ต้องทำงานตามที่พ่อของเธอผู้มีบารมีเหนือพรรคจะสั่งการ เมื่อพรรคเพื่อไทยยังอยู่ภายใต้ร่มเงาของนายใหญ่ ต้องทำงานตามการกดปุ่มของนายใหญ่ พรรคเพื่อไทยก็คงจะไม่ใช่พรรคการเมือง แต่จะเป็นบริษัททางการเมืองที่มีนายใหญ่เป็น CEO ที่มีบารมีเหนือพรรค และลูกพรรคทุกคนต้องทำตามคำสั่งของ CEO เมื่อเป็นเช่นนี้ คนที่ไม่ชอบนายใหญ่ ก็ไม่มีทางที่จะชอบพรรคเพื่อไทย และผลจากการกระทำของคุณหนู ตอนนี้พรรคเพื่อไทยต้องเผชิญกับเลือดไหลออกไม่หยุด บ้านใหญ่หลายจังหวัดพากันเดินออกไปซบพรรคภูมิใจไทยหลายจังหวัดแล้ว FC ที่เคยรักพรรคเพื่อไทยสุดจิตสุดใจบางคนก็ทำคลิปแสดงตนว่าตาสว่างแล้ว ขนาด FC ระดับรากหญ้าบางคนถึงขนาดพูดว่า “ถูกหลอกมานาน” ตอนนี้ตาสว่างแล้ว ไม่เลือกแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้การลาออกจากหัวหน้าพรรคของคุณหนูคงไม่มีทางที่จะช่วยฟื้นพรรคเพื่อไทยได้ เพราะไม่ว่าจะได้ใครมาเป็นหัวหน้าพรรค ประชาชนจำนวนหนึ่งรู้ดีว่าหัวหน้าพรรคคนนั้น ต้องทำงานตามคำสั่งของนายใหญ่อยู่ดี ต่อให้เป็นคนเก่ง มีประสบการณ์ทางการเมืองมามากเพียงใด ก็คงไม่สามารถใช้ความสามารถของตนเองตามต้องการได้ สิ่งที่ทำได้คือทำตามบัญชาของ CEO ผู้กำกับการทำงานของ “บริษัททางการเมือง” เท่านั้น เมื่อ CEO ผู้มีบารมีเหนือพรรคหมดมนต์เสน่ห์ แล้วพรรคที่อยู่ภายใต้การกำกับของ CEO คนดังกล่าวจะมีเสน่ห์ได้อย่างไร การเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา ก็แพ้ทั้ง 2 สนาม ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งต่อไปที่ตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะให้ได้ 150 นั้น อย่าหวังเลยว่าจะได้ ภาคเหนืออาจะยังพอรักษาเอาไว้ได้บ้าง แต่ภาคกลางก็คงจะหดหายไปไม่น้อย ภาคอีสานจะต้องเสียพื้นที่ให้ภูมิใจไทยหลายจังหวัด ส่วนภาคใต้นั้นไม่ต้องพูดถึง พรรคเพื่อไทยไม่เคยชนะในพื้นที่ภาตใต้ได้เลยแม้จังหวัดเดียว ตอนนี้อย่าหวังเลยว่าจะได้ 150 เสียง รักษาให้ได้เกิน 100 ไว้ก่อนเถอะ อย่าหวังไปไกลถึง 150 เลย
สำหรับคนที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคนั้น อย่าไปเอาคนนอกตระกูลมาเป็นนอมินีอีกเลย เพราะถ้าหากให้เขามาทำงานตามคำสั่งของ CEO พวกเขาก็จะเสียชื่อว่าทำงานไม่เป็น หรือไม่ได้ทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน แต่ทำงานเพื่อผลประโยชน์ของนายใหญ่ผู้เป็น CEO ที่มีบารมีเหนือพรรค ความสามารถและประสบการณ์ทางการเมืองที่สั่งสมมาเป็นเวลาหลายปีก็จะสูญหายไปหมด กลายเป็นคนทำงานไม่เป็น ทำเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็ไม่รู้ว่ายังมีใครอยากจะเป็นหัวหน้าพรรคอีกหรือไม่ เพราะถ้าหากจะยอมเป็นหัวหน้าพรรคที่เป็นนอมินีของ CEO ให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็จะกลายเป็นคนที่เสียคนตอนแก่ ภาพลักษณ์ของการเป็นคนมีประสบการณ์ทางการเมืองก็จะหายไปหมด ดังนั้น สมาชิกพรรคเพื่อไทยอย่าเสียเวลากับการคิดว่าจะให้ใครเป็นหัวหน้าพรรคดี ตอนนี้ยังมีคนในตระกูลเหลืออยู่อีก
ที่ผ่านมา มองข้ามลูกชายคนโต เพราะมองว่าไม่มีความสามารถจะทำได้ และมองข้ามลูกสาวคนรอง เพราะตัวเธอเองไม่สนใจ จนไปเอาคนวุดท้องมาเป็น แล้วพรรคก็ต้องมีอันเป็นไป ไม่ว่าจะเป็นลูกชายคนโต หรือลูกสาวคนรอง ก็คงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าการได้ลูกสาวคนเล็กมาดำรงตำแหน่งจนพรรคหมดเสน่ห์ หมดมนต์อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ ตามธรรมเนียมแล้ว ควรให้โอกาสลูกชายคนโต อย่าไปตัดสินใจว่าเขาจะทำไม่ได้ เพราะอย่างไรก็ต้องทำงานตามคำสั่งพ่อยู่ดี เอาเถอะนะ ให้โอกาสลูกชายคนโตเถอะ อย่างไรคงไม่มีอะไรที่จะแย่กว่าตอนที่ลูกสาวคนเล็กทำหน้าที่นี้มาในช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่เมื่อมาแล้ว คนไทยจะให้โอกาสลูกชายคนโตเหมือนตอนให้โอกาสลูกสาวคนเล็กหรือไม่ ก็เสี่ยงเอากันเองก็แล้วกันนะ คนไทยกินข้าวนะ ไม่ได้กินหญ้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อันตรายของ'พรรคการเมือง'และ'ชาติบ้านเมือง'!!!
จะเป็นเดือนนี้-ปีนี้ หรือเดือนหน้า-ปีหน้า...ก็ยังมิอาจสรุปได้ ว่ารัฐบาล เสี่ยหนู ท่านจะ ยุบสภา กันในช่วงไหน จังหวะไหน (ล่าสุด...เห็นว่าทูลเกล้าฯ ถวายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว)
รอดูฝีมือ 'ผบช.ไซเบอร์'
ปลุกขวัญกำลังใจกันเต็มเปี่ยม ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ แม่ทัพใหญ่สีกากี ส่ง บิ๊กราญ-พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูา
ลัคนากุมภ์กับลีลาสำคัญของชีวิต ปี 2569
ในบรรดาเรื่อง บวกและลบ ที่เกิดในชีวิตได้ตลอดเวลานั้น ปี 2569 นี้ ลางจากดาวขนาดใหญ่ ที่บ่งบอก เหตุการณ์สำคัญ (ยังมีเรื่องยิบย่อยอี
อยู่อย่างไรให้เป็นสุขทุกๆวัน
พวกเราเคยได้ยินว่า ชีวิตเป็นทุกข์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างเป็นทุกข์ คนเรา ถ้าหากใช้ชีวิตเป็นก็สามารถมีความสุขได้ ชีวิตเป็นของเรา
ด้วย'ศรัทธา'...ฉันจึงเป็นอยู่!!!
พล็อบๆ แพล็บๆ...นี่ก็ใกล้จะหมดปี สิ้นปี ใกล้จะถึงปีหน้า-ฟ้าใหม่กันอีกซะแร้นน์น์น์!!! แทบไม่น่าเชื่อว่าตัวเองยังคงสามารถเถลือกไถลอยู่ยาวว์ว์ว์มาจนถึงช่วงนี้ บัดนี้
'ทุนผูกขาด' ปิดท่อ 'ทุนเทา'
เสียงเซ็งแซ่การแต่งตั้ง "สีกากี" ระดับ "นายพัน" ตำแหน่ง รองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ลงไปถึง สารวัตร (สว.) วาระประจำปี 2568 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปไม่ถึง 1 สัปดาห์

