
เหตุที่ อันตัวข้าพเจ้าเอง ได้ตัดสินใจลงมือเขียนหนังสือพ็อกเกตบุ๊ก ชื่อว่า ปริศนากลียุค-กับโลกใหม่หลังทุนนิยม ความหนาราวๆ 200 กว่าหน้า ขึ้นมาเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว น่าจะมาจาก แรงบันดาลใจ หลังได้ฟังพระราชเสาวนีย์ของ สมเด็จพระพันปีหลวง หรือ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ แห่งล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 ที่ได้ทรงกล่าวไว้ ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ปีพุทธศักราช 2552 นั่นเอง...
โดยเฉพาะช่วงที่ทรงระบุไว้ว่า... “พรรคพวกข้าพเจ้าไปอ่านมาว่า ข้อมูลจากหนังสือไตรภูมิ เทพฤาษีและคนธรรพ์เฝ้าพระอิศวร อยากทราบว่าแก้ว 7 ประการเกิดขึ้นได้อย่างไร พระอิศวรบอกให้ไปถามพระฤาษีชื่อ อังคต เพราะเป็นฤาษีที่อายุยืนที่สุด ตั้งแต่สร้างโลกมา ฤาษีอังคตเกิดในยุคกฤตยุค ยุคนี้ข้าพเจ้าเพิ่งทราบ และเพิ่งเคยได้ยินว่ากฤตยุคเป็นยุคที่บริบูรณ์ไปด้วยคุณงามความดี ที่ข้าพเจ้าต้องทราบ เพราะว่าชาวศิลปาชีพของข้าพเจ้าเอง เด็กที่เอามาตั้งแต่เล็กๆ เป็นผู้แกะสลักใช้เวลานานมากเลย แกะสลักยุคต่างๆ บนไม้สัก ยุคที่ 2 ชื่อว่าไตรดายุค เป็นยุคที่มีความดี 3 ส่วน ความไม่ดี 1 ส่วน ยุคที่ 3 ชื่อ ทวาบรยุค เป็นยุคที่มีความดีและความไม่ดีเสมอกันครึ่งต่อครึ่ง พอมาถึงยุคนี้ เป็นยุคที่ข้าพเจ้าอยู่ ใจหายใจคว่ำ ชื่อว่า กลียุค แหมไม่ค่อยดีเลย กลียุคเป็นยุคที่มีความดีส่วนเดียว ความไม่ดี 3 ส่วน แล้วเขาบรรยายต่อไปว่า กลียุค คือยุคปัจจุบัน ที่พวกเรา ที่ข้าพเจ้ากับพวกท่านทั้งหลายอยู่คือกลียุค ซึ่งต่อจากกลียุค เขาก็บอกจะเกิดไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก...ฯลฯ”
อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้เกิดแรงกระตุ้น แรงบันดาลใจ ถึงกับต้องลงทุนไปค้นคว้า สืบหาเรื่องราวความเชื่อตั้งแต่ครั้งโบร่ำโบราณของชาวอินตะระเดีย ชนิดเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามิใช่น้อย จนกลายมาเป็นพ็อกเกตบุ๊กเล่มหนาๆ ที่สำนักพิมพ์ กรีน ปัญญาญาณ ของคุณน้อง ต้อย-สนธิญาณ ท่านรับอาสาตีพิมพ์ เผยแพร่ เอาไว้เมื่อช่วงเดือนกันยายน ปี พ.ศ.2556 เรียกว่า...ลากมาตั้งแต่เรื่อง จักรแก้ว ในไตรภูมิพระร่วง ไปจนถึงรายละเอียดของยุคต่างๆ ไม่ว่ากฤตยุค ไตรดายุค ทวาบรยุค และกลียุค ก่อนเสริมเพิ่มเติมด้วยเรื่องราวของ พระกัลกี ผู้เสด็จลงมาทำลายล้างความชั่วร้าย หรือความไม่ดีในลักษณะต่างๆ ร่วมกับพันธมิตรอย่าง ธรรมะ และ สัตยา ไปจนรายละเอียด รูปร่าง หน้าตาของราชันแห่งปิศาจอย่าง กาลี และคู่แฝดเขย่าโลก โคคา-วิโคคา ก่อนสรุปไว้ด้วยเรื่องความเป็นไปได้-เป็นไปไม่ได้ ของ สงครามครั้งสุดท้ายแห่งมวลมนุษยชาติ หรือเรื่องไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก ฯลฯ นั่นแล...
หนังสือเล่มนี้...จะขายได้-ขายไม่ได้ คงต้องลองไปถามคุณน้อง ต้อย-สนธิญาณ เอาเองก็แล้วกัน แต่ไม่ว่าจะขายได้-ขายไม่ได้ การได้มีโอกาสศึกษา ค้นคว้า เรื่องราวทำนองนี้ ย่อมก่อให้เกิด ประโยชน์ ต่อความคิด ความรู้สึก ของตัวเองขึ้นมามิใช่น้อย โดยเฉพาะในเรื่องความถูก-ความผิด ความดี-ความไม่ดี ธรรมะและอธรรม อันเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นเอามากๆ ไม่ว่าสำหรับสังคมแบบไหน? แนวไหน? ก็เถอะ ดังนั้น...การที่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ท่านทรงหยิบเรื่องราวเหล่านี้ มาทรงพูดถึง ทรงเอ่ยถึง ตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีที่แล้ว จะด้วยความเป็นห่วง เป็นใย หรือด้วยอะไรก็ตามที จึงไม่ต่างอะไรไปจากการช่วยสร้างแรงกระตุ้น เพื่อให้ผู้ที่ยังคงใช้ชีวิตอยู่ในสังคมไทยทั้งหลาย ลองหันมาใคร่ครวญ หวนคิด ทบทวน พิจารณา ถึงความเป็นไปในสังคมตัวเองให้ถึงแก่น ถึงราก...
ส่วน สังคมไทย ของหมู่เฮาทั้งหลาย จะเป็นสังคมในช่วงจังหวะ กลียุค หรือไม่? อย่างไร? อันนี้...คงต้องลองนำไปเทียบเคียงกับสิ่งที่ พระฤาษีไวยสัมปายนะ ได้บรรยายให้กับเจ้าชาย ยุธิษฐิระ ได้รับรู้ รับทราบ ถึงลักษณะความเป็นไปของสังคมในช่วงระยะดังกล่าวเอาไว้ดังนี้ “โอ...ยุธิษฐิระเอ๋ย การไหลมารวมกันของความโลภ ความโกรธ และความเมินเฉย ตลอดไปจนตัณหานานาชนิด จะทำให้มวลมนุษย์หันมาเป็นปรปักษ์ระหว่างกันและกัน ต่างปรารถนาที่จะยื้อแย่งสิ่งหนึ่ง สิ่งใด จากผู้อื่นเสมอๆ ไม่ว่าพราหมณ์ กษัตริย์ แพศย์ ศูทร จะปฏิบัติต่อศีลธรรมและคุณธรรมด้วยความหลอกลวง และมวลมนุษย์โดยทั่วไปจะหลอกลวงผู้อื่นต่อไปเป็นทอดๆ พวกเขาจะไร้ความปรารถนาใดๆ ที่จะเรียนรู้ถึงสิ่งดีงามด้วยการปฏิบัติ ความจริงจะถูกจำกัดให้เหลืออยู่เพียงน้อยนิด และเท่าที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดกลับจะถูกปกปิดเอาไว้ ในช่วงชีวิตสั้นๆ ของมนุษย์ พวกเขาไม่อยากเรียนรู้ถึงสิ่งที่ควรรู้อีกต่อไป และด้วยผลแห่งความไม่รู้นี่เอง พวกเขาจะไร้ซึ่งปัญญาทัศนะใดๆ และนั่นย่อมทำให้ความละโมบ โลภมาก อุบัติขึ้นมาในใจอย่างท่วมท้น การไหลมารวมกันของความโลภ ความโกรธ ความหลง ความเมินเฉยและความกระหายใคร่อยากแห่งตัณหา ย่อมทำให้เขาทั้งหลายเป็นปฏิปักษ์ซึ่งกันและกัน มุ่งร้ายที่จะทำลายกระทั่งเอาชีวิตของกันและกัน ฯลฯ...” ใช่-ไม่ใช่ เหมือน-ไม่เหมือน กลียุค-ไม่กลียุค ก็ลองไปคิดๆ เอาเองก็แล้วกัน เพราะสำหรับผู้ที่ทรงเป็นห่วง เป็นใย พสกนิกรชาวไทยทั้งหลายอย่าง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระองค์ท่านได้เสด็จสู่สวรรคาลัย ไม่ได้อยู่เพื่อแบกรับภาระอะไรต่อมิอะไรในโลกนี้อีกต่อไปแล้ว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อันตรายของ'พรรคการเมือง'และ'ชาติบ้านเมือง'!!!
จะเป็นเดือนนี้-ปีนี้ หรือเดือนหน้า-ปีหน้า...ก็ยังมิอาจสรุปได้ ว่ารัฐบาล เสี่ยหนู ท่านจะ ยุบสภา กันในช่วงไหน จังหวะไหน (ล่าสุด...เห็นว่าทูลเกล้าฯ ถวายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว)
รอดูฝีมือ 'ผบช.ไซเบอร์'
ปลุกขวัญกำลังใจกันเต็มเปี่ยม ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ แม่ทัพใหญ่สีกากี ส่ง บิ๊กราญ-พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูา
ลัคนากุมภ์กับลีลาสำคัญของชีวิต ปี 2569
ในบรรดาเรื่อง บวกและลบ ที่เกิดในชีวิตได้ตลอดเวลานั้น ปี 2569 นี้ ลางจากดาวขนาดใหญ่ ที่บ่งบอก เหตุการณ์สำคัญ (ยังมีเรื่องยิบย่อยอี
อยู่อย่างไรให้เป็นสุขทุกๆวัน
พวกเราเคยได้ยินว่า ชีวิตเป็นทุกข์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างเป็นทุกข์ คนเรา ถ้าหากใช้ชีวิตเป็นก็สามารถมีความสุขได้ ชีวิตเป็นของเรา
ด้วย'ศรัทธา'...ฉันจึงเป็นอยู่!!!
พล็อบๆ แพล็บๆ...นี่ก็ใกล้จะหมดปี สิ้นปี ใกล้จะถึงปีหน้า-ฟ้าใหม่กันอีกซะแร้นน์น์น์!!! แทบไม่น่าเชื่อว่าตัวเองยังคงสามารถเถลือกไถลอยู่ยาวว์ว์ว์มาจนถึงช่วงนี้ บัดนี้
'ทุนผูกขาด' ปิดท่อ 'ทุนเทา'
เสียงเซ็งแซ่การแต่งตั้ง "สีกากี" ระดับ "นายพัน" ตำแหน่ง รองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ลงไปถึง สารวัตร (สว.) วาระประจำปี 2568 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปไม่ถึง 1 สัปดาห์

