
อุ๊ต๊ะ! ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ผลสอบคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ หรือ ก.ร.ตร. ที่มี พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม เป็นประธาน มีมติชี้มูลความผิดทางวินัยต่อ บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีต ผบ.ตร. พร้อมตำรวจอีกกว่า 200 นาย มีการรับเงินจากขบวนการส่วยเว็บพนันออนไลน์ หลังจาก ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ยื่นเรื่องร้องเรียนเมื่อเดือน มี.ค. 67 หลังใช้เวลาตรวจสอบนานกว่า 7 เดือน แม้จะเหลือขั้นตอนผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง แต่การที่มีตำรวจกว่า 200 นายเข้าไปเกี่ยวข้อง
เข้าไปพัวพัน "พนันออนไลน์" จึงไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดา การที่ ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ประกาศจะไม่ก้าวก่ายและปล่อยให้ ก.ร.ตร.ดำเนินการจนถึงที่สุด ถึงจะเป็นหน้าที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับไปดำเนินการต่อ ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่กระนั้นสิ่งที่ ผบ.ต่ายควรดำเนินการให้สอดคล้องกับช่วงเวลาแห่งการแต่งตั้ง รอง ผบก.-สว. วาระประจำปี หากใน 200 นายที่ถูกกล่าวหาอยู่ระดับ "นายพัน" ก็ต้องตรวจบัญชีแต่งตั้งให้เข้มงวด ไม่ใช่ปล่อยให้ตำรวจกลุ่มนี้ได้ดิบได้ดี ย้ายไปอยู่ตำแหน่งใหญ่โต ควรรอให้ผลสอบสวนขั้นสุดท้ายออกมาก่อนน่าจะเหมาะสมที่สุด ๐
หากทุกอย่างเป็นไปตามไทม์ไลน์ที่วางไว้ การประชุม ก.ตร.เพื่อพิจารณาแต่งตั้ง "นายพล" นอกวาระประจำปี ที่ได้รับไฟเขียวจาก ก.ตร. น่าจะมีขึ้นช่วงกลางสัปดาห์แรกของต้นเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งแม้จะมีตำแหน่งว่าง 3 เก้าอี้ แต่เมื่อขยับตำแหน่งทดแทนผู้ที่ได้รับการเสนอแต่งตั้งสูงขึ้น ผบ.ต่าย ก็ต้องทำบัญชีผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าบอร์ดพิจารณาคุณสมบัติ หรือบอร์ดกลั่นกรอง ที่มี ผบ.ตร.เป็นประธาน ส่วนกรรมการประกอบด้วย รอง ผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ แต่งตั้งด้วย "สูตร 1-1-2-3" คือ ผบช.ขึ้น รองจเรตำรวจแห่งชาติ 1 ตำแหน่ง, รอง ผบช.ขึ้น ผบช. 1 ตำแหน่ง, ผบก.ขึ้น รองผบช.หรือรองจเรตำรวจ 2 ตำแหน่ง และรอง ผบก.ขึ้น ผบก. 3 ตำแหน่ง รวม 7 ตำแหน่ง โดยเกณฑ์การแต่งตั้ง ผบช.ขึ้น ผู้ช่วย ผบ.ตร. เรียงลำดับตามอาวุโส 100% ส่วน รอง ผบช. ขึ้น ผบช.และ ผบก.ขึ้น รอง ผบช. รวมทั้ง รอง ผบก.ขึ้น ผบก. ยึดอาวุโส 50% ความรู้ความสามารถอีก 50% ๐
ตรวจแถวลำดับอาวุโสข้าราชการตำรวจ ที่มีลุ้นขยับตำแหน่งสูงขึ้นในรอบแต่งตั้งนอกวาระประจำปี ต้องแปะชื่อ พล.ต.ท.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผบช.กมค. อาวุโสลำดับ 2 น่าจะขึ้น รองจเรตำรวจแห่งชาติ เพราะอาวุโสลำดับ 1 พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ อยู่ระหว่างถูกคำสั่งให้ไปช่วยราชการ ศปก.ตร. เช่นเดียวกับพล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน รอง ผบช.ภ.5 อาวุโสลำดับ 1 ในระนาบ รอง ผบช. น่าจะขึ้น ผบช. ส่วนระดับ ผบก.ที่น่าลุ้นขึ้น รอง ผบช.หรือเทียบเท่า ตอนนี้ พล.ต.ต.หญิง กิดานันท์ คมขำ ผบก.ตส.1 ครองอาวุโสลำดับ 1 มี พล.ต.ต.คธา เกษรมาลา ผบก.อก.บช.ส. อาวุโสลำดับ 2 ฟาก รอง ผบก.ที่มีลุ้นติดยศนายพล เป็น ผบก. พ.ต.อ.ดอย วงค์พุ่ม รอง ผบก.ฝรก. อาวุโสลำดับ 1 พ.ต.อ.พิชัย กิระวานิช รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา อาวุโสลำดับ 2 เช่นเดียวกับ รอง ผบก.ประเภทตำแหน่งเฉพาะทาง สายงานตรวจสอบภายใน ตอนนี้มี พ.ต.อ.หญิง วิภาวรรณ เจริญมณีเวช รอง ผบก.ตส.1 ครองอาวุโสลำดับ 1 ๐
การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) สมัยพิเศษ ว่าด้วยการถอนอาวุธหนักและอาวุธทำลายล้างสูง ระหว่างภูมิภาคทหารที่ 4 ของกัมพูชา กับกองทัพภาคที่ 2 ของไทย เห็นชอบตามที่ฝ่ายเลขาฯ ได้หารือกันไว้ โดยมี พล.ท.โปว เฮง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 และ พล.ท.วีระยุทธ รักษ์ศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 ลงนามในแผนดีเดย์ถอนอาวุธ 3 เฟสแรก วันที่ 1-12 พ.ย.นี้ และสิ้นสุดระยะเวลาตามแผนรวม 3 เฟสในวันที่ 31 ธ.ค. โดยการประชุมครั้งนี้มีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) จากทั้งฝั่งไทยและกัมพูชาเข้าร่วมสังเกตการณ์ รายละเอียดของแผนตั้งแต่เฟส 1 อาวุธประเภท A หมายถึงระบบจรวดหลายลำกล้องที่มีตั้งแต่ 2 ลำกล้องขึ้นไป เฟสที่ 2 อาวุธประเภท B หมายถึงระบบปืนใหญ่ทุกประเภท ประกอบด้วยระบบปืนใหญ่ลากจูงและปืนใหญ่อัตตาจร รวมถึงปืนใหญ่ขนาด 105 มม. 122 มม. 130 มม. 152 มม. และ 155 มม. และเฟสที่ 3 อาวุธประเภท C หมายถึง รถหุ้มเกราะ โดยเฉพาะรถถังที่ออกแบบมาเพื่อให้มีการเคลื่อนที่ที่ได้รับการปกป้อง อำนาจการยิงที่เหนือกว่า และกำลังสนับสนุนโดยตรง
อย่างไรก็ตาม ด้วยความเป็น “กัมพูชา” ก็ยังเป็น "กัมพูชา" วันยังค่ำ และทุกอย่าง Top-Down จาก "สมเด็จฮุน เซน" ลงมา ทำให้มีอาการอิดออด ต่อรองในเรื่องของอาวุธประเภท A ที่ควรเพิ่มเติมปืนใหญ่บาง Type ของเราเข้าไปด้วย แต่เมื่อกรอบการพิจารณาดูเรื่องการทำลายล้าง การกำหนดวิถีการยิงแล้ว คำอธิบายย่อมเป็นสากลและต้องจัดประเภทให้เป็นไปตามที่คุยกัน ดังนั้นยุทธวิธีการปล่อยภาพ "พล.อ.สรัย ดรึ๊ก" สายตรงของ “ฮุน เซน" ที่เคยมีข่าวว่าเสียชีวิตตรง ทก.ภูผี ในสมรภูมิ 5 วันเมื่อเดือน ก.ค. จึงมีนัยเกี่ยวข้องกับเรื่องปืนใหญ่อยู่ไม่น้อย จากนี้จึงต้องจับตาดูว่าการปฏิบัติของกัมพูชาจะบิดพลิ้ว หรือ ลวงตา AOT ที่ลงไปตรวจเช็กของหรือไม่ เพราะฝ่ายไทยก็ล้วนมีข้อมูลอาวุธฝั่งตรงข้าม ไม่ต่างจากที่เขามีลิสต์รายการของเราเหมือนกัน แต่เชื่อว่าไม่ว่าจะพลิกแพลงกระบวนท่าแบบไหนก็คงไม่พ้นสายตาไปได้ แต่ที่ต้องจับตาดูในสัปดาห์ต่อไป คือการเก็บกู้ทุ่นระเบิดใน 13 พื้นที่ ซึ่งกัมพูชาเตะถ่วง ยื้อเวลาไม่ยอมร่วมดำเนินการกับไทย เพราะนั่นจะเป็นการฟ้องโลกผ่าน AOT ว่ามีการวางระเบิดสังหารใหม่จริง จึงมีข่าวว่าช่วงก่อนหน้านี้ ฝ่ายกัมพูชาก็พยายามจะดำเนินการล่วงหน้าในการสำรวจจุดวางบ้าง แต่ก็เป็นเรื่องยากเพราะทหารที่ไปวางไม่รู้ว่าหายไปไหน การชี้พิกัดจึงคลุมเครือ ทำให้หน่วยเก็บกู้ของกัมพูชาเองก็ทำงานค่อนข้างลำบาก ๐
ซึ่ง 13 พื้นที่ที่ฝ่ายไทยเสนอนั้น เป็นในส่วนของ "กองทัพภาคที่ 1" กองกำลังบูรพา จำนวน 3 พื้นที่ คือ บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว และบ้านเนินสมบูรณ์ จ.สระแก้ว "กองทัพภาคที่ 2" กองกำลังสุรนารี 6 พื้นที่ คือ ช่องบก-ช่องอ่านม้า จ.อุบลราชธานี, ช่องกร่าง จ.สุรินทร์, ช่องเหว จ.สุรินทร์, ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ และบ้านสายโท 10 ใต้ จ.บุรีรัมย์ “กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด" 4 พื้นที่ คือ บ้านตะกาง อ.เมืองตราด บ้านคลองม่วง อ.เมืองตราด, บ้านชำราก อ.เมืองตราด และบ้านโขดทราย อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ซึ่งหากเรียงตามลำดับแล้วพื้นที่ซึ่งต้องดำเนินการให้เร็วที่สุดและทำได้ง่าย คือบ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว และที่ ต.ชำราก อ.เมืองตราด ซึ่งหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราดร่วมกับภาคประชาชนเปิดเส้นทางความมั่นคงเข้าสู่บ้านสามหลังที่ถูกทำลายหมดแล้ว เหลือเพียงเพิงพักเล็กๆ บางส่วน โดยภารกิจต่อจากนี้คือการเคลียร์พื้นที่โดยรอบให้ปลอดภัยจากทุ่นระเบิด ก่อนเข้ายึดพื้นที่และ “ปักธงชาติไทย” ในขณะที่ น.อ.ธรรมนูญ วรรณา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด อดีต ผบ.ฉก.นราธิวาส 32 เคยอยู่ในช่วงเกิดเหตุโจรใต้บุกฐานยือรอ อ.บาเจาะ และเกิดการปะทะกันครั้งใหญ่ ก่อนจะวิสามัญกลุ่มคนร้าย 16 ศพ ได้ออกมาประกาศเตรียมความพร้อมหากมีการรุกล้ำอธิปไตยจากฝ่ายกัมพูชาเข้ามาอีก สร้างความอุ่นใจให้ประชาชนที่รักชาติรักแผ่นดิน ๐
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อันตรายของ'พรรคการเมือง'และ'ชาติบ้านเมือง'!!!
จะเป็นเดือนนี้-ปีนี้ หรือเดือนหน้า-ปีหน้า...ก็ยังมิอาจสรุปได้ ว่ารัฐบาล เสี่ยหนู ท่านจะ ยุบสภา กันในช่วงไหน จังหวะไหน (ล่าสุด...เห็นว่าทูลเกล้าฯ ถวายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว)
รอดูฝีมือ 'ผบช.ไซเบอร์'
ปลุกขวัญกำลังใจกันเต็มเปี่ยม ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ แม่ทัพใหญ่สีกากี ส่ง บิ๊กราญ-พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูา
ลัคนากุมภ์กับลีลาสำคัญของชีวิต ปี 2569
ในบรรดาเรื่อง บวกและลบ ที่เกิดในชีวิตได้ตลอดเวลานั้น ปี 2569 นี้ ลางจากดาวขนาดใหญ่ ที่บ่งบอก เหตุการณ์สำคัญ (ยังมีเรื่องยิบย่อยอี
อยู่อย่างไรให้เป็นสุขทุกๆวัน
พวกเราเคยได้ยินว่า ชีวิตเป็นทุกข์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างเป็นทุกข์ คนเรา ถ้าหากใช้ชีวิตเป็นก็สามารถมีความสุขได้ ชีวิตเป็นของเรา
ด้วย'ศรัทธา'...ฉันจึงเป็นอยู่!!!
พล็อบๆ แพล็บๆ...นี่ก็ใกล้จะหมดปี สิ้นปี ใกล้จะถึงปีหน้า-ฟ้าใหม่กันอีกซะแร้นน์น์น์!!! แทบไม่น่าเชื่อว่าตัวเองยังคงสามารถเถลือกไถลอยู่ยาวว์ว์ว์มาจนถึงช่วงนี้ บัดนี้
'ทุนผูกขาด' ปิดท่อ 'ทุนเทา'
เสียงเซ็งแซ่การแต่งตั้ง "สีกากี" ระดับ "นายพัน" ตำแหน่ง รองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ลงไปถึง สารวัตร (สว.) วาระประจำปี 2568 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปไม่ถึง 1 สัปดาห์

