
สถานการณ์เลือดไหลออกจาก “พรรคประชาธิปัตย์” ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง อย่างสัปดาห์นี้ มติคณะรัฐมนตรี ที่ตั้ง นางสาวรัชดา ธนาดิเรก อดีตรองโฆษกรัฐบาลสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ก็จะทำงานกับ ภราดร ปริศนานันทกุล รมต.สำนักนายกฯ จากพรรคภูมิใจไทย และมีการเปิดเผยในเวลาต่อมาว่า ดร.รัชดาได้ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยเรียบร้อยแล้ว ก็ทำให้พรรคประชาธิปัตย์เสียอดีต สส.กทม. ที่ถือว่าเป็นนักการเมืองคุณภาพอีกคนหนึ่งของพรรค ปชป.ไป โดยคาดว่าการย้ายไปภูมิใจไทยรอบนี้ของ ดร.รัชดา อาจจะเกิดจากความสัมพันธ์อันดีกับ ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี
สมัยเป็นรองโฆษกรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ทำให้สนิทกันมาก รวมถึง อ้น-ทิพานัน ศิริชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตผู้สมัคร สส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ตอนปี 2562 ที่อนาคตอาจตามมาอีกคนหากเคลียร์อะไรบางอย่างได้ ส่วนว่า ดร.รัชดาจะลงสมัคร สส.กทม.ระบบเขตหรือไม่ คงต้องรอดูอีกสักระยะ เพราะต้องยอมรับความจริงว่า ภูมิใจไทยยังมีปัญหาเรื่องการเจาะพื้นที่กรุงเทพฯ ที่คนเมืองหลวงยังไม่ค่อยตอบรับเท่าที่ควร ถือเป็นการบ้านข้อใหญ่ของภูมิใจไทย หากต้องการมี สส.และต้องการคะแนนใน กทม.
..ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวว่า กลุ่มเสี่ยต่อ หรือกลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็ได้ออกจากพรรคประชาธิปัตย์เพื่อไปอยู่กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่พรรค “กล้าธรรม”เรียบร้อยแล้วเช่นกัน โดยมีรายงานผ่านสื่อว่า เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายเฉลิมชัยยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นที่เรียบร้อย และหลังการลาออกของนายเฉลิมชัย จะมีกลุ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ สส.ภาคกลางบางส่วน ซึ่งอยู่ในสังกัด “กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย” ทยอยลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อรวมกลุ่มย้ายเข้าสังกัดพรรคกล้าธรรม จากการเจรจาเบื้องต้น กลุ่มนายเฉลิมชัยจะเข้ามาร่วมเป็น “หุ้นส่วนทางการเมือง” กับพรรคกล้าธรรม โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวน สส.ให้ได้ไม่น้อยกว่า 20 ที่นั่ง เพื่อขยายฐานจากพรรคขนาดกลางสู่พรรคขนาดใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎร นอกจากนี้ยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า จะมี สส.พรรคประชาธิปัตย์อีกหลายรายทยอยลาออกตามมา เพื่อเข้าร่วมในนาม “กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย” ภายในพรรคกล้าธรรม ซึ่งจะทำให้พรรคมีศักยภาพทางการเมืองเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ก่อนเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งหน้า...เลือดไหลออกจากพรรคประชาธิปัตย์อย่างต่อเนื่องแบบนี้ ทางอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ชุดปัจจุบัน ก็ต้องไปขบคิดวางแผนทางการเมืองกันว่า จะใช้โอกาสนี้สร้างพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมาใหม่กันเลยดีหรือไม่ ที่ก็อาจทำให้การเลือกตั้งที่จะมีขึ้น อาจได้ สส.ไม่มากนัก ที่ก็ต้องยอมรับสภาพ แต่ก็อาจหวังไปถึงในอนาคต ที่พรรคประชาธิปัตย์จะกลับมาได้อีกครั้งในการเลือกตั้งรอบถัดจากปี 2569 หากสามารถเซตระบบ เซตคน ทำผลงานทั้งในสภาและนอกสภาได้ดี ก็ไม่แน่ ประชาธิปัตย์ อาจกลับมาฟื้นได้อีกรอบ เพียงแต่เลือกตั้งปีหน้า ก็อาจต้องยอมเหนื่อยหนักในการประคองพรรคทำศึกเลือกตั้งไปก่อน แล้วไปหวังผลในอนาคตกันต่อไป
การเมืองในสภาช่วงนี้ คลายความร้อนแรงไปเยอะเพราะอยู่ในช่วงปิดสมัยประชุมสภา กลับมาเปิดอีกทีก็หลัง 12 ธ.ค. อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณการเมืองออกมาว่าอาจจะขอให้มีการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่เป็นข้อตกลงสำคัญทางการเมืองระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน ในการที่สส.พรรคประชาชนโหวตให้อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯ โดยเรื่องนี้มีการเปิดเผยอย่างชัดเจนจาก ภราดร ปริศนานันทกุล รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญในชั้น กมธ. โดยเฉพาะความเห็นต่างเรื่องที่มาของ ส.ส.ร. ว่า คิดว่าไม่มีปัญหา สำหรับเรื่อง ส.ส.ร. วันนี้ทุกคนเห็นตรงกันหมดแล้ว โดยเฉพาะเรื่องของกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มี 35 คน ยืนยันว่ามีแน่นอน ส่วนเรื่องสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญยังมีความเห็นที่แตกต่างกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างช่วงเจรจาเหตุเจรจาผลเพื่อไม่ให้ขัดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมกับบอกว่า ความเห็นส่วนตัว หากจะเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ สามารถทำได้ โดยคงเป็นช่วงธันวาคม ประมาณวันที่ 8-10 ธันวาคม เพื่อลงมติในวาระสามให้ทันก่อนปีใหม่..หากเป็นไปตามนี้ คือทั้งฝ่ายพรรคประชาชน ภูมิใจไทย และกลุ่ม สว. ตกลงกันได้ มีการยอมถอยให้กัน ก็น่าจะทำให้การแก้ไข รธน.อาจจะผ่านรัฐสภาในวาระสามได้ หลังก่อนหน้านี้มีการมองกันว่า สว.อาจตั้งป้อมสกัดโหวตคว่ำในวาระสาม.
เสือภูเขา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน
บันทึกหน้า 4
ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว
บันทึกหน้า 4
หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว
บันทึกหน้า 4
ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย
บันทึกหน้า 4
น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.


